จากครูที่จบเอกโภชนาการชุมชน...สอนวิชาภาษาไทย...สอนตัดเย็บเสื้อผ้า...สอนงานประดิษฐ์...สอนช่างเสริมสวย.....กำลังผลักดันตนเอง (หรืออาจโดนใครผลักออกมา..อิ..อิ) ก้าวเข้าสู่วิถีชีวิตแบบเกษตรอินทรีย์อย่างเต็มรูปแบบ...
คำพระกล่าวว่า..."ควรบริโภคแต่พอประมาณ" (โภชเนมัตตัญญุตา) เมื่อมีความพอประมาณก็มีความโลภน้อยแล้วคนก็จะเบียดเบียนกันน้อย
ถ้าถามว่า “อะไรเอ่ยเห็นแก่ตัวที่สุดในโลก”.....คำตอบก็คือ “คน”
ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนส่วนมากสิ่งแรกที่ทำคือเพื่อสนองความต้องการให้กับตนเองเสียก่อน ....(ปัญหาที่ต้องขบคิด คือ ทำอย่างไรจะสนองความต้องการของตน โดยไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อน)
ในวิถีชีวิตแบบเกษตรอินทรีย์...ก็ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน...ถ้าเรารักตนเอง..รักชีวิต..รักโลก...เราต้องเริ่มหันมาเปลี่ยนแปลง>>ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเสียก่อน...การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ยึดติดกับ....กับดักความสบายมาแสนเนิ่นนาน..ไม่ใช่เรื่องง่าย...
เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ในชุมชน (น่ารักมากค่ะ)
การเริ่มต้นไม่ควรตั้งความคาดหวังไว้ให้สูงเกินไป ...เพียงคนที่อยู่ใกล้หรือเพื่อนหรือคนที่แวดล้อมเราสักคน..สองคน เริ่มเห็นความสำคัญของเกษตรอินทรีย์>>ลดระดับการแสวงหาทุกสิ่งทุกอย่างเพียงเพื่อสนองความต้องการของตนเองลงมาเรียนรู้...
มาทำในสิ่งที่ใช้และใช้ในสิ่งที่ทำ เช่น ทำน้ำหมักชีวภาพ ทำปุ๋ยหมักชีวภาพ…นำไปใช้ในไร่นา…แม้จะนำไปใช้ในพื้นที่เพียงเล็กน้อย 1 ไร่ หรือ 20-30 ไร่ …ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้น ถือเป็นการหยอดเมล็ดพันธุ์เกษตรอินทรีย์ เมล็ดพันธุ์แห่งความพอเพียงลงในหัวใจแล้ว <p>
…อนาคตเมล็ดพันธุ์นี้จะเติบโตงอกงามและออกดอกออกผลเป็นความสุขในที่สุด เพราะอย่างน้อย..เมื่อเราสามารถลดระดับความต้องการ (ตัณหา)ลง ความจำเป็นในการใช้สารเคมีเพื่อกระตุ้นให้พืชออกผลผลิตออกมามากๆ ก็ลดลง </p><ul>
</ul><p> ความสะดวกสบายทางร่างกายก็จะมาพร้อมกับความสุขสบายทางใจอย่างสะมะดุล</p><p>ถ้าหากกุศลผลบุญที่กระทำในวันนี้..วันพรุ่งจะเป็นบุญเก่า…</p><p>จึงควรเพียรเร่งสร้างบูญเก่าตั้งแต่ปัจจุบันขณะให้ถึงพร้อมเถิด….</p><p> </p>