ผลจากการกระทำ...


เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับภรรยาลูกสอง....เธอต้องการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอ...
เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับท่านผู้อ่านทุกท่านนำไปคิด....ซึ่งต่อไปนี้จะเป็นเรื่องราวที่เธอจะเล่าให้เราได้รับรู้กันครับ.......

....ดิฉันเป็นทั้งภรรยาของสามีและแม่ของลูกชายและลูกสาวที่ยังเล็ก...ตั้งแต่ดิฉันเริ่มใช้ชีวิตกับสามี...
เราใช้ชีวิตอย่างสบาย...หรูหรา...มีฐานะที่ร่ำรวย...ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน...
ดิฉันมีผู้ช่วยที่คอยเลี้ยงและดูแลลูกทั้งสองคนของดิฉันมาตลอด...เปลี่ยนมาหลายต่อหลายคน....
แต่ละอยู่กับเราได้ไม่นาน...ไม่เกินสองเดือนก็จะหนีออกไป...เพราะไม่สามารถทนต่อความก้าวร้าวในนิสัย
ของสามีดิฉัน!!...สามีดิฉันชอบที่จะทำร้ายและทรมาณทุกคนที่่ทำงานรับใช้เราอย่างโหดเหี้ยมและทารุณ
ด้วยความสนุกและสะใจ!!...ฉันเองก็ไม่ปฏิเสธว่าฉันเคยร่วมมือกับเขาในการทำเรื่องโหดๆนี้เหมือนกัน!!...
....ต่อมาหลังจากที่ลูกสาวของฉันย่างเข้า7ขวบและลูกชายของฉันเริ่่มเข้าเรียนในระดับประถม...
ได้มีชาวสวนคนหนึ่งมาหาเราพร้อมกับลูกสาวอายุ7ขวบ...ซึ่งเป็นคนรู้จักกับสามีของดิฉัน....โดยสามีดิฉัน
ให้การต้อนรับอย่างหยิ่งยะโสและทรนง.... ชายชาวสวนจึงได้กล่าวอย่างถ่อนตนว่า..เขามาหาเรากับลูกสาว
เพื่อจะขอให้ลูกสาวทำงานให้กับเราแลกกับค่าจ้าง20 ยูเนฮฺต่อเดือน ....เราตกลง...จากนั้นชายผู้นั้นก็
มอบลูกสาวให้กับเรา...ลูกสาววัย7ขวบร้องไห้พลางจับเสื้อคลุมของพ่อ...และคุณพ่อก็เดินจากไปทั้งน้ำตา...

เด็กสาวเรื่มใช้ชีวิตใหม่กับครอบครัวของเรา...เด็กสาวเริ่มงานด้วยความขยันและอดทน...ตื่่นเช้ามาก็ช่วยดิฉัน
เตรียมอาหารให้กับลูกๆและสามีของดิฉัน...หลังจากนั้นเธอก็จะถือกระเป๋าหนังสือของลูกดิฉันไปที่ถนน...
แล้วจะยืนถือกระเป๋ารอรถกับลูกชายและลูกสาวของดิฉันกระทั่งรถโรงเรียนมารับ...แล้วจึงกลับมายังบ้านเพื่อ
ทานอาหารเช้าของเธอ...ซึ่งอาหารสำหรับเธอส่วนใหญ่จะเป็น ฟูล(ถั่วดำบดที่ใช้จิ้มกับขนมปัง)ที่แห้ง...กับ
ขนมปังที่ใกล้จะเสีย...!!หลังจากนั้นเธอจะเริ่มทำงานบ้าน...เริ่มตั้งแต่กวาดบ้าน...ถูบ้าน..ล้างจาน..ซื้อกับ
ข้าว....งานทุกอย่างที่ครอบครัวดิฉันสั่ง...จนกระทั่งเที่ยงคืนเธอล้มลงบนพื้นภายในบ้านด้วยความเหน็ดเหนื่อย
และก็เข้าไปนอน...และเมื่อไหร่ที่ทำงานผิดพลาดหรือล่าช้า..ไม่ได้ดังใจ...เธอก็จะถูกทำโทษอย่างโหดร้ายจาก
สามีของดิฉัน....แต่เธอก็ยังคงอดกลั้นทั้งน้ำตา...ถึงกระนั่นเธอก็ยังซื่อสัตย์และเรียบร้อย...และก็เต็มใจที่จะรับ
ใช้เรา...เธอจะมีความสุขกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ.....
...และถึงฉันจะยอมรับว่าฉันมีส่วนในเรื่องทารุณคนรับใช้....แต่บางครั้งดิฉันก็เกิดความสงสารและเมตตาต่อ
เด็กสาวผู้นี้อันเนื่องจากความประพฤติและความเรียบร้อยและขยันของเธอ...ดิฉันก็จะห้ามปรามสามีดิฉันมิให้
ทำร้ายเธอ...แต่กลับได้คำตอบจากสามีดิฉันว่า:คนพวกนี้เราจะทำเป็นใจดีด้วยไม่ได้เด็ดขาด!!!...

สุดท้ายเด็กสาวก็ยังคงทนกับการทารุณและทรมานอยู่อย่างนี้...แม้ในช่วงวันอีด..วันที่ทุกคนในครอบครัวออกไป
สนุกสนานหาความสุข...ก็ยังไม่เหลียวแลเธอ...ยังคงต้องเฝ้าบ้านทำงานบ้านต่อไปโดยไร้ซึ่งความเมตตา!!.....

ส่วนพ่อของเธอนั้นเราไม่ได้พบเจอเลยนอกจากไม่กี่ครั้ง....ตอนที่มารับเงินค่าจ้างและหลังจากนั้นเขาก็จะส่งคนอื่น
ที่เป็นญาติกับเขามารับแทนตลอด....และเธอก็ไม่เคยที่จะได้พบกับแม่และพี่น้องของเธอนอกเสียจากในโอกาสที่สำคัญ
ที่สุด3ครั้งเท่านั้น!!....ครั้งแรกตอนที่พี่คนโตเสียชีวิต!...ครั้งที่สองตอนที่เธอป่วยหนักจนเรากลัวว่าจะติดไปยังลูกของเรา
และครั้งที่3 ตอนที่พ่อของเธอเสียชีวิต!!!.....

....ดิฉันจะร้องไห้ทุกครั้ง...ที่ดิฉันนึกถึงความโหดร้ายทารุณที่เราได้กระทำต่อเด็กสาวที่น่าสงสารนั้น....ในบางครั้งสามี
ดิฉันจะช๊อตเธอด้วยไฟฟ้า...จะเฆี่ยนเธอด้วยสายไฟฟ้า...และบ่อยครั้งที่เราให้เธออดอาหารตลอดทั้งคืนในยามฤดูหนาว
จนกระทั่งเธอหลับไปด้วยความหิว...ดิฉันนึกไม่ออกเลยว่าเธอเคยนอนหลับโดยที่ไม่เคยหลั่งน้ำตาแม้ซํกครั้ง...ตลอดระยะ
เวลาหลายๆปีที่อยู่กับเรา!!....ไม่เคยเลยที่จะนอนโดยที่ไม่ร้องไห้!!!.....

...ท่านอาจจะสงสัยว่าแล้วทำไมเธอถึงยังทนอยู่ได้โดยไม่คิดที่จะหนีจากครอบครัวของดิฉัน???
ดิฉันจะตอบให้ว่าทำไม....
...เด็กสาวนั้นในตอนที่ย่างเข้าวัยสาว....ครั้งหนึ่งเธอได้ออกไปจากบ้านเพื่อซื้อกับข้าวแล้วก็ไม่กลับมา...สามีดิฉันจึงได้
ถามยามเฝ้าประตู...จึงรู้ว่าเธอพูดคุยอยู่กับชายวัยเดียวกับเธอที่ทำงานเป็นช่างในซอยเดียวกันมาเป็นเวลานานแล้ว....และ
อาจเป็นไปได้ว่าเธอตกลงที่จะแต่งงานกับเขาเพื่อให้พ้นจากการถูกทุกข์ทรมาณในบ้านของดิฉัน...

แต่ก็ไม่ถึงอาทิตย์สามีของฉันก็หาเธอพบที่ที่เธอหลบซ่อนอยู่และนำเธอกลับมา...และเมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน...
เราด็เริ่มทำการบรรเลงต้อนรับเธอด้วยบทลงโทษที่แสนจะทรมาณต่างๆนานา!!...สามีดิฉันก็เริ่มทุบตีเธอและซ๊อตเธอด้วย
สายไฟฟ้า...ลูกชายดิฉันก็ลงมือกระทืบเธอด้วยความสะใจ!!...นอกจากลูกสาวดิฉันที่รู้สึกเจ็บแทนและสงสารเธอจากการกระทำ
ของพ่อและพี่ชาย.....
...ในที่สุดเด็กสาวรับใช้ก็ปลงและยอมจำนนต่อชีวิตที่ถูกทารุณของเธอและอยู่กับเราต่อไป....ทุกครั้งที่เธอทำพลาดหรือไม่ถูกใจ
เธอก็จะถูกทุบตีทรมาณจากเรา...และในวันที่เราไปเที่ยวมีความสุขในวันหยุด...เราก็จะทิ้งเศษอาหารที่เหลืออาทิตย์หนึ่งให้เธอไปทาน...
ต่อมาเธอเริ่มมีอาการผิดปกติทีละนิดทีละนิด...จาน..แก้วที่อยู่ในมือของเธอเรื่มหล่นและหลุดจากมือเธอบ้าง...หกล้มบ้าง...เธอจะเรื่ม
เดืนอย่างระมัดระวังมากเป็นพิเศษจนเรารู้สึกแปลกใจ....เราจึงนำเธอไปหาหมอเพื่อตรวจอาการ...คุณหมอจึงยืนยันกับเราว่า...
การมองเห็นของเธอเรื่มอ่อนลงไปมาก...และเธอจะเริ่มมองไม่เห็นแม้สิ่งที่อยู่ตรงเท้าเธอ...ถึงกระนั้นเราก็ไม่ได้ให้ความเมตตาต่อเธอเลย
แม้แต่น้อย..และยังคงให้เธอทำงานบ้านทุกอย่างเหมือน...และบ่อยครั้งที่เธอออกไปซื้อของมาผิดและก็ถูกทำโทษ...จนกระทั่งหลายๆครั้ง
ที่ยามเฝ้าบ้านพาเธอไปซื้อเพราะความสงสารและไม่อาจทนดูเธอถูกทรมาน!!...
...วันเวลาผ่านไปอย่างนี้จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็หนีออกจากบ้านไปอีกครั้งหลังจากที่ตาเธอเริ่มจะบอดสนิทและไม่ได้กลับมาอีก...
แต่ในครั้งนี้เราไม่ได้ตามหาเธออีกเหมือนครั้งที่ผ่านมา...

...วันเวลาได้ผ่านไปเป็นปี...สามีดิฉันเกศียรจากงาน...จนลูกของดิฉันเติบโตจบการศึกษาจากมหาลัย...และทำงาน....
แต่งงานมีครอบครัว...เราทุกคนมีความสุขมากในวันที่ลูกชายดิฉันแต่งงาน....และเรายิ่งดีใจเข้าไปอีกเมื่อรู้ว่าภรรยา
ของลูกชายดิฉันท้อง...เพราะเรากำลังจะมีหลาน...เรารอเวลาที่เธอจะคลอดมาหลายเดือน...จนกระทั่งเธอคลอดหลาน
คนแรกของเรา...พวกเราต่างก็รอใจจดใจจอเพื่อจะดูหน้าหลาย....แต่เมื่อเราเข้าไปดูหน้าหลาน...กลับต้องเสียใจ!!..
เพราะหลานคนแรกมองไม่เห็น....ตาบอดสนิท!!!...เราพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษา...แต่ก็ไร้ประโยชน์!!..
ในที่สุดพ่อแม่ของเด็กก็ยอมรับในความเป็นจริง....แล้วเราก็ส่งหลานเราให้กับสถานสงเคราะห์เด็กตาบอด.....
หลังจากนั้นภรรยาของลูกชายดิฉันก็ไม่ยอมที่จะตั้งท้องอีก...เพราะกลัวที่จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำ!!!...
แต่หลังจากที่หมอและพวกเราช่วยกันพูดปลอดใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างเกิดขึ้นอีกเธอจึงสบายใจ....
แล้วเธอก็ตั้งท้องอีกครั้งที่สอง...และคลอดออกมาเป็นเด็กสาวที่น่ารัก...และหลังจากที่หมอได้ตรวจเด็กแล้ว..ก็ได้ให้แสดง
ความยินดีกับครอบครัวเรา...และยืนยันว่าเด็กน้อยมองเห็นตามปกติเหมือนๆกับเด็กทั่วๆไป.....เมื่อได้ฟังอย่างนี้
แล้วเราต่างก็ชื่นใจและดีใจกันทั่วหน้า...วันเวลาผ่านไปได้7เดือนกว่าๆ..เราสังเกตุพฤตกรรมของเด็กสาวว่า
เธอมองไปในทิศทางเดียวเท่านั้น!!....เราจึงนำเธอยังโรงพยาบาลเพื่อตรวจดวงตาของเธอ...
และเมื่อหมอทำการตรวจสายตาของเด็กน้อย...เราก็ได้รับข่าวที่สะเทือนใจยิ่งนัก!!..นั่นก็คือเด็กน้อยจะมองเห็น
เฉพาะแสงสว่างสลั่วๆเท่านั้น...และมีแนวโน้มว่าเด็กจะบอดสนิท!!...เมื่อได้ฟังเช่นนี้สามีดิฉันกระทบกระเทือนจืตใจ
อย่างหนัก!!...กลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย...เกลียดทุกอย่างเหมือนคนเสียสติ..หมอจึงแนะนำให้เราพาสามีดิฉัน
ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลประสาท!!...
...ดิฉันรู้สึกผิดหวังและเสียใจมาก...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ดิฉันนึกถึงเด็กสาวคนหนึ่ง...ที่เคยอยู่รับใช้ครอบครัว
ของดิฉัน...และถูกเรากลั่นแกล้งทำทารุณต่างๆนานาและหนีออกไปด้วยตาที่บอดจากการที่ถูกเรากลั่นแกล้งขึ้นมา!!...
และฉันก็คิดทันทีว่า...นี่คงจะเป็นผลตอบแทนจากการกระทำของเราต่อเด็กผู้หญิงคนนั้นซินะ!!...

                                               (2)

..ตั้งแต่นั้นมา...ภาพของเด็กสาวที่น่าสงสารที่เราไม่เอาใจใส่ดูแลจนทำให้ตาของเธอบอดคนนั้น
ปรากฏอยู่ในความคิดของดิฉันตลอดเวลา....ทำให้ฉันอยากพบเจอเธอเพื่อที่จะไถ่บาปจากการกระทำของครอบครัว
ของฉันต่อเธอ...หลังจากที่ดิฉันถามข่าวคราวของเธอและตามหาเธอมานานพอสมควร...จึงได้รู้ว่า..ทำงานและพักอยู่ที
มัสยิดแห่งหนึ่ง...แล้วดิฉันก็ไปหาเธอ...เพื่อนำเธอกลับอยู่กับเราอย่างน้อยที่สุดก็ช่วงที่ดิฉันยังมีลมหายใจ...ถึงแม้ว่า
เธอจะเคยถูกเราทุกข์ทรมานมานาน...แต่เธอก็ยังอุตสาห์ดีใจที่รู้ว่า..ดิฉันตามหาเธอ...แต่ชวนเธอกลับไปอยู่ด้วย....
แล้วเธอก็ยอมกลับมาอยู่กับดิฉันอยู่...เธอยืนขึ้นมาพร้อมๆกับเดินอย่างระมัดระวังไปกับดิฉัน...และดิฉันจับมือเธอเพื่อ
จูงและนำทางเธอกลับไปยังบ้านของเรา...ตั้งแต่นั้น...ดิฉันกลับกลายเป็นคนที่ต้องคอยดูแลและเอาใจใส่เธอพร้อมๆกับ
หลานดิฉันที่บอดทั้งสองคน...เพื่อชดเชยในสิ่งที่ครอบครัวของดิฉันได้กระทำต่อเธอ...และสิ่งที่ดิฉันหวังไม่มีอะไรนอก
จากการอภัยโทษจากพระผู้เป็นเจ้าในความผิดที่ดิฉันและครอบครัวได้ทำลงไป....และดิฉันขอบอกแด่ท่านที่ไม่มีจิดเมตตา
ต่อผู้อื่นไว้ว่า...แท้จริงนั้นอัลลอฮฺทรงมีอยู่และมองเราอยู่ตลอดเวลา...ฉะนั้นหากคิดจะทำอะไรเพื่อให้คนอื่นเดือดร้อนเล้ว
ซักวันหนึ่งการกระทำนั้นจะสนองตอบเราอย่างแน่นอน...เหมือนอย่างดิฉัน....ดิฉันหวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับดิฉันนี้จะเป็น
อุทาหรณ์ให้กับทุกๆครอบครับที่อาศัยอยู่ในสังคม...โดยเฉพาะครอบครัวที่มีคนงานคอยรับใช้......จบ.

หมายเลขบันทึก: 128778เขียนเมื่อ 16 กันยายน 2007 15:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

วิเคราะหื เรื่องราว ทำกรรมแล้วย่อมได้รับผลกรรม

ในโลกนี้ยังมีคนเช่นนี้อยู่อีกหรือ?

ครับคุณ rampaipun
ในโลกนี้ยังมีคนเช่นนี้อยู่อีกมาก มาย เพื่อให้คนในสังคมมีจิตสำนึกในการกระทำ
ของตน ... ไม่มีใครหนีกระทำของตัวเองพ้น
หรอกครับจะอยู่แค่ช้าหรือเร็วเท่านั้น

การที่เราได้ทรมานคนอื่นหรือทำให้คนอื่นสูญเสีย แน่นอนที่สุดอัลลอฮจะตอบแทนเราโดยการให้ใจเรานั้นเป็นทุกข์ทรมานและต้องสูญเสียเป็น 2 เท่า และในเรื่องนี้อัลลอฮได้ตอบแทนกับครอบครัวนี้โดยการได้หลานที่น่ารักแต่ตาบอดทั้งสองคน รู้ตัวก็สายเกินแก้ซะแล้ว.................................................

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท