การจัดการความรู้ต่อสู้กับความโง่ เจ็บจน


"โง่ เจ็บ จน"คือวงจรแห่งความชั่วร้ายแก้ได้ด้วยการจัดการความรู้

เราคงเคยได้ยินผู้คนพูดอยู่เสมอๆว่า "การศึกษาคือยาหม้อใหญ่"  เป็นคำกล่าวที่อาจมีส่วนถูกบ้างแต่คงไม่ใช่ทั้งหมด  เพราะตราบใดที่คนไข้ไม่ยอมทานยา หรือเชื้อโรคดื้อยา  ยาที่ว่ามีสรรพคุณดีเลิศก็ไม่สามารถรักษาโรคร้ายให้หายได้

ทุกวันนี้ประเทศของเรากำลังเผชิญกับโรคร้ายที่เป็นภัยคุกคามบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศทำให้ตกอยู่ในภาพของความอ่อนแอ อ่อนล้า ขาดภูมิต้านทานและสักวันหนึ่งหากไม่เร่งรีบดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ทันเวลา และเอาจริงเอาจัง เชื่อว่าสักวันหนึ่งประเทศของเราคงจะต้องถูกหามเข้าห้อง ไอซียู เหมือนเมื่อตอนที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ

สิ่งที่เป็นเครื่องชี้วัดที่เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรม คือ การกลับเข้าสู่วังวนของความโง่ ขาดการใช้วิจารณญาณไตร่ตรองให้รอบคอบ จนเป็นเหตุให้เกิดการเสียเปรียบในการเจรจาข้อตกลง การทำสัญญาต่างๆ ดังที่เคยปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนกรณีที่รัฐบาลเสียค่าโง่หลายเรื่อง

ส่วนความเจ็บหรือภาวะของโรคภัยไข้เจ็บที่คุกคามรุมเร้าเข้ามาไม่ว่าจะเป็นกรณีไข้หวัดนกก็ดีหรือโรคเอดส์ก็ตามล้วนสร้างความอ่อนแอให้กับพลเมืองของชาติที่ไม่อาจปฏิเสธได้

ประการต่อมาคือความยากจนที่สวนกระแสกับอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งนับวันจำนวนประชากรของประเทศที่เป็นคนจนรุ่นใหม่จะมีจำนวนเพิ่มขึ้น สืบเนื่องมาจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นแต่รายได้เท่าเดิมหรืออาจเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเป็นเสมือนภาพลวงตา แต่คนมีรายจ่ายล่วงหน้าจากการรูดบัตรเครดิตการ์ดหรือการซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือ

ทางออกของการตัดวงจรแห่งความชั่วร้ายเหล่านี้ มีหนทางที่พอจะเยียวยาหรือป้องกันแก้ไขปัญหาได้ หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน นำแนวทางการจัดการความรู้มาใช้ ดังนี้
 
          1.ขจัดความไม่รู้ - ให้รู้เท่าทัน รู้ลึก รู้รอบ และรู้จริง ไม่หลงเชื่องมงายไร้เหตุผลโดยนำกระบวนการจัดการความรู้มาใช้เป็นเครื่องมือ

          2.เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับประชาชน - โดยส่งเสริมให้ทุกคนออกกำลังกาย รู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย รู้จักรักษาสุขภาพกายและสุขภาพจิตอยู่เสมอ

          3.สนับสนุนให้คนไทยทุกคนรู้จักขยันทำมาหากิน ประหยัด เก็บออม -โดยน้อมนำเอาแนวพระราชดำรัส "เศรษฐกิจพอเพียง" มาประยุกต์ใช้ให้เกิดมรรคผลอย่างจริงจัง

ดังนั้นจึงขอเชิญชวนทุกฝ่ายนำเอาแนวทางการจัดการความรู้มาใช้เป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างสมานฉันท์ ด้วยความร่วมมือร่วมใจไม่ถือเขาถือเรา และน้อมนำเอาพระราชดำรัสของในหลวงมาประยุกต์ใช้ในการทำงานตลอดทั้งการดำเนินชีวิตต่อไป
           

 

หมายเลขบันทึก: 12820เขียนเมื่อ 19 มกราคม 2006 23:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 02:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท