ในสังคมที่วุ่นวายสับสน เพราะ ความซับซ้อนของโครงสร้าง ทำให้คนต้องปรับตัวให้อยู่ได้ ความกระหายของคนยากที่จะรู้จักคำว่า “พอ” ความทะยานอยากยังไม่จางหายไปจากผู้ที่มีกิเลสเกาะกุมหัวใจ
แม้แต่พระภิกษุ ที่อยู่ใต้ร่มกาสาวพัตร์ ที่ต้องปฏิบัติธรรมเพื่อการละซึ่งกิเลสแต่กลับเหมือน “ใกล้เกลือกินด่าง” หรือ “ทัพพีไม่รู้รสแกง” ทำให้พระภิกษุสมัยนี้หันไปเพิ่มกิเลสสร้างประโยชน์ตนและคนที่เอาแต่ได้ ด้วยการ เล่นเดียรัจฉานวิชา หาเรื่องทำ “จตุกรอก” และสารพัดวิชามารร้อยแปด ครับ ศาสนาพุทธไม่ได้เสื่อม แต่คนนับถือศาสนาพุทธนั้นเสื่อม เพราะติดแค่เปลือกไม่ถึงแก่นแท้
ลองพิจารณาวรรณกรรมเรื่องต่อไปนี้ดูครับว่า ท่านได้เห็นความจริงอะไร
พระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งออกบิณฑบาต สีหน้าของท่านมีความกังวลฉาบอยู่จนสังเกตได้ชัด เพราะท่านต้องเร่งรีบจัดเตรียมต้อนรับกฐินจากแดนไกลยังไม่แล้วเสร็จ ครุ่นคิดแต่เรื่องนี้มาหลายวันแล้ว
ระหว่างทางเดินกลับวัด หลังจากได้ข้าวปลาอาหารเต็มบาตรก็สวนทางกับชายบ้าซอมซ่อคนหนึ่ง ชายบ้านั้นเข้ามานั่งยองๆ แบมือขออาหารจากท่านด้วยใบหน้ายิ้มละไม
พระหนุ่มจึงหยิบข้าวและอาหารให้ถุงหนึ่ง ชายบ้านั้นยิ้มละไม ยกมือไหว้แล้วเดินหลบไปนั่งกินข้าวนั้นริมต้นไม้ข้างทาง
พระหนุ่ม ครุ่นคิดในใจว่า ไฉนชายบ้าจึงยิ้มละไม ดูมีความสุขเหลือประมาณ ในขณะที่อัตคัดต้องมาขอข้าวคนอื่นกินอย่างนี้ เขาจะคิดไหมว่า ถ้าขอข้าวใครกินไม่ได้ จะต้องอดข้าวเช้า หรือไม่ก็อดไปตลอดวัน พระภิกษุหนุ่มจึงคิดจะให้อาหารเพิ่มจึงเดินเข้าไปหาชายบ้าแล้วถามว่า
“โยม อาตมา มีข้าวปลาเหลือเฟือ พอจะแบ่งให้โยมได้อีกโยมรับไปเถิด อาตมาให้”
ชายบ้าเงยหน้ามองพระหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มละไม แล้วส่ายหน้าพร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า
“พอแล้ว อิ่มแล้ว”
“อ้าว! แล้วมื้อกลางวัน มื้อเย็น ล่ะ โยมจะเอาที่ไหนกิน รับไปเถอะ” พระหนุ่มคะยั้นคะยอ
“ พอแล้ว ”
ชายบ้าพูดซ้ำ พลางมัดถุงข้าวปลาอาหารชูให้เห็น แล้วเก็บลงในย่ามใบเก่า ยกมือไหว้ด้วยใบหน้ายิ้มละไมแล้วเดินจากไป
พระหนุ่มยืนมองตามชายบ้าจนลับตา สักครู่หนึ่ง พระหนุ่มก็กระจ่างใจ พลางยิ้มละไม เดินกลับวัดโดยไร้ร่องรอยของความกังวลบนใบหน้า
(เขียนครั้งแรก 2548)
สวัสดีค่ะ
เคยรู้มาอีกอย่างคือสัตว์ จะล่าเมื่อหิวเท่านั้น เพราะมันไม่รู้จักการปรุงแต่ง และสะสม
คุณตันติราพันธ์ ครับ
ที่คุณพูดมานั้นถูกต้องที่สุดครับ สัตว์จะล่าเมื่อมันหิว สัตว์บางชนิดอาจจะสะสมอาหารก็เพื่อเก็บไว้กินให้พอในฤดูหนาว แต่พ้นหนาวแล้วสัตว์ก็ล่าหรือหาอาหาร "กินเพื่ออยู่" เท่านั้น
ผิดกับคนครับ ที่อยู่เพื่อกิน กินแล้วก็ก็ไม่พอ ทะยานอยากไม่รู้สิ้น สังคมจึงเต็มไปด้วยการแก่งแย่ง ฉกฉวยมาเป็นของตน ใครจะเดือดร้อนอย่างไรก็ไม่ค่อยนำพา
ความจริงอย่างนี้ ยังมีอีกหลายคนครับที่ยังไม่รู้ และไม่อยากจะรู้ด้วย
ขอบคุณครับ
คุณLittle Jazz ครับ
ขอบคุณครับที่เอาข้อคิดจากคัมภีร์ไบเบิลมาฝาก การสะสมทรัพย์ไว้ใช้ในภายหน้าเป็นเรื่องดี แต่พึงสะสมทรัพย์ที่สุจริต โดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น ทรัพย์ที่ดีที่สุดคือความดี สะสมมากเท่าใด ก็เป็นคุณแก่ตัวและแก่ประเทศชาติครับ
สวัสดีครับ คุณ biggun
ที่คุณเว้นว่างไว้ ผมนึกไม่ออกจริงๆ ครับ ลองขยายความหน่อยนะครับ ขอบคุณครับที่เข้ามาร่วมแสดงความเห็น