พบพื้นที่มีวาทะ


"สำหรับผม สลึงเดียวผมก็ไม่เอา"

๑๑  มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๙ (ต่อ)
 หลังจากเราพูดคุยกับปู่สวัสดิ์พอได้เนื้อหาจำนวนหนึ่งซึ่งน่าจะเห็นภาพกว้างๆ ของชุมชนในสมัยก่อน เราจึงขอลาไปศึกษาข้อมูลบุคคลในเป้าหมายต่อไป โดยผู้ใหญ่เทพพิทักษ์เป็นผู้ชี้แนะและนำทางให้เราไป ฝ่ายนิสาเป็นผู้ขับรถ ส่วนดวงมณีและนเรศมันต์ นั่งบนเบาะหลัง ปอกส้มและแกะถั่วลิสงกินกันสบายอุรา ระหว่างนั่งรถไป ๒ คนนี้ก็พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวบางเรื่อง เบาะหน้านิสาและผู้ใหญ่เทพพิทักษ์ ก็คุยกันอีกเรื่องหนึ่ง ภายในรถระหว่างเดินทางจึงมีกลุ่มย่อย ๒ กลุ่ม แต่ละกลุ่มคุยกันคนละเรื่อง ดูเหมือนเบาะหน้าจะคุยเกี่ยวกับกองทุนและบุคคลในเป้าหมายที่กำลังเดินทางไปหา ส่วนเบาะหลังคุยเรื่อง สภาพความเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยใหญ่อย่าง มอ.กับมหาวิทยาลัยราชภัฏฯที่เราทำงานในปัจจุบันและอนาคต มีบางคราวทั้ง ๒ กลุ่มย่อยจะคุยเรื่องเดียวกัน
 บุคคลในเป้าหมายที่ ๒ ที่อนุญาตให้พูดคุยด้วยคือ กำนันหัสชัย ใจมีธรรม ในคราวนี้ คนที่ถามคือ นิสาขณะเดียวกันก็จดบันทึกไปด้วย ฝ่ายดวงมณีนั้นจดบันทึกเป็นหลักอยู่แล้ว นเรศมันต์ นั่งสังเกตโดยมิได้พูดหรือถามเรื่องใด บางคราวก็ลุกขึ้นไปเก็บภาพ ส่วนผู้ใหญ่เทพพิทักษ์จะเป็นเสมือนกระบอกเสียงทักทายใครๆหลายๆคนที่เข้ามาประชุมเรื่องบางเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเรา

 ดูเหมือนลุงกำนันจะตอบและเล่าเรื่องราวต่างๆได้อย่างอิสระ จากการนั่งฟังและคอยสังเกตพบว่า
๑. คนในตำบลบางปลากด ไม่ใช่คนในพื้นที่ทั้งหมด คนในตำบลนี้ ผสมผสานกัน โดยมากจะเป็นคนนอกพื้นที่เข้ามาอาศัยทำมาหากินกันเป็นเวลานาน
๒. หมู่ที่ ๑ คือหมู่แรกที่โรงงานเข้ามาตั้ง
ข้อสังเกต ๑ : ในบางคราว ดูเหมือน นิสา จะถามวกไปวนมา อาจเกิดจากถามไปด้วยและต้องจดไปด้วย ส่วนลุงกำนันนั้น เมื่อพิจารณาจากบุคลิกแล้วน่าจะเป็นคนมีใจนักเลง (กล้าคิด กล้าทำ พูดจริง ทำจริง) ดูไม่ออกว่าพอใจหรือไม่พอใจ บางครั้งดูเหมือนจะพอใจกับการตอบคำถาม โดยสังเกตจากการยิ้มและคำพูด ตลอดถึงเสียงหัวเราะในลำคอ “ฮึๆ” บางครั้งจะมีมุขตลกอยู่ด้วย ดูไปดูมาน่าจะเป็นคนเฉยๆ แต่มีความว่องไวในการให้บริการ นอกจากนั้น ด้วยความตรงไปตรงมา น่าจะเป็นคนไม่แคร์ใคร เมื่อเราชายตามองที่ตาของลุงกำนันพบว่า ตาของลุงกำนันจะนิ่งซ่อนเร้นซึ่งความดุด้วยตบะ คาดการว่า ท่านผู้นี้อย่าให้โกรธ ถ้าโกรธ บ้านแตกแน่ๆ แต่ถ้าดีกับใครแล้วจะดีสุดจิตสุดใจ สำหรับวาทะที่ลุงกำนันเน้นและพูดออกมาโดย (น่าจะ) ไม่รู้สึกตัวคือ “สำหรับผม สลึงเดียวผมก็ไม่เอา”
ข้อสังเกต ๒ : ผู้ใหญ่เทพพิทักษ์ ท่านเจอใครพบใครจะทักทายก่อนทันที มีบุคลิกอ่อนน้อมต่อทุกคน ดูเหมือนจะทำตัวน้อยท่ามกลางผู้มีตำแหน่งสูง แต่ภายในน่าจะซ่อนไว้ซึ่งความแข็งแกร่ง อีกอย่างหนึ่ง เป็นคนทันคน ลูกเล่นลูกชนเรียกได้ว่า “เอากันไม่ลง” เลยทีเดียว บุคลิกดูเหมือนจะโกรธใครไม่เป็น เดินหน้าอย่างเดียวโดยไม่ใส่ใจว่าใครจะชอบตนหรือไม่ คนแบบนี้จะมีก็แต่ผู้ซื่อสัตย์ละมั้ง ดีเหมือนกันกับการพบเจอคนแบบนี้
บทเรียนรู้สำหรับชาวเราผู้ยังไม่เคยจับธุรกิจนายหน้าค้าที่ การเป็นนายหน้าขายที่ คือการวางเงินมัดจำไว้ก่อนแล้วไปขายต่อ เงินส่วนต่างที่มากกว่าจำนวนราคาซื้อคือรายได้ของนายหน้า ภาวะเสี่ยงคือ หากขายไม่ได้ต้องขาดทุน บางอย่างแล้วแต่ดวง ขายได้มากกว่าเงินที่ซื้อเท่าไร เงินค่าตอบแทนก็มากกว่าเท่านั้น

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 12119เขียนเมื่อ 13 มกราคม 2006 13:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท