โลกร้อนกำลังนำเราสู่หายนะ คำเตือนจากนักวิทยาศาสตร์ไทย


ผู้เขียนรู้สึกขนลุกและเกิดอาการสั่นสะท้าน เหมือนมีสัญญาณเตือนว่าต้องฟังอย่างตั้งใจอย่าฟังผ่านๆ
Signal from Scientists
        สัญญาณเตือนภยันตราย  ที่น่าสังเกต  และให้ความสนใจมากเป็นพิเศษคือ  
สิ่งที่มีการกล่าวออกมาจากปากของท่านอาจารย์  ดร.อาจอง  ชุมสาย ณ อยุธยา  ที่ได้พูดคุยออกอากาศในรายการ  "โลกสวยด้วยมือเรา"  กับ คุณสัญญา  คุณากร  เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 7  กรกฎาคม  2007  หรือ  วันที่  7  เดือน  7  ปี  2007  เวลา  20.47 น.    สถานีโทรทัศน์สีช่อง  5  กองทัพบก  ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่า  ผู้ชม  และผู้ฟังส่วนใหญ่  มักจะชมและฟังแล้ว  ก็ผ่านเลยไป  หาได้ใส่ใจในเนื้อหาสาระมากนัก  แต่เนื่องจาก  ในช่วงที่ฟัง  ผู้เขียนรู้สึกขนลุกและเกิดอาการสั่นสะท้าน  เหมือนมีสัญญาณเตือนว่าต้องฟังอย่างตั้งใจอย่าฟังผ่านๆ  ดังนั้น  ผู้เขียนจึงตั้งใจฟังอย่างจรดจ่อ  ทำให้เก็บเนื้อหามาเล่าสู่ต่อเพื่อนสมาชิกผู้สนใจได้ว่า         -        ภยันอันตรายที่ร้ายแรง  ที่  ดร.อาจอง  ชุมสาย ณ อยุธยา  พูดกับคุณสัญญา   คุณากรว่า   "จำได้ไหม  เมื่อ  2  ปีก่อน  ผมเคยพูดให้คุณสัญญาฯ  ทราบว่า  ภายใน  12  ปีข้างหน้า  จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก  ซึ่งผ่านมาแล้ว  2  ปี ก็เหลืออีกเพียง  10  ปี  (ปีนี้  2550  ก็น่าจะ  หมายถึง  ปี  2560 – ผู้เขียน)  ผมก็ขอยืนยันสิ่งที่ได้เคยบอกกล่าวให้คุณสัญญาฯ ทราบแล้วนั้น  ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง จะมีเหตุการณ์ที่เป็นภยันตรายร้ายแรงเกิดขึ้น  เพียงแต่เกรงว่า  ระยะเวลาอาจร่นลงมาเหลือเพียง  7  ปี  ส่วนปีที่  10  นับจากนี้ไป  ก็อาจจะเป็นปีที่มีความสงบสุข ปีที่มีแต่ความสมานฉันท์  ปีที่เลิกทะเลาะกันแล้ว  เพราะผู้คนในช่วงนั้น  เหลืออยู่น้อยมาก  ไม่มีเวลาที่จะทะเลาะกันแล้ว  แต่ต้องอยู่ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน"
        -        ที่ ดร.อาจองฯ  กล่าวเช่นนั้น  ดร.อาจองฯ  ขยายความให้ฟังว่า   "จากปัญหาโลกร้อน  ปริมาณน้ำแข็งมีการละลายมากขึ้น  และในที่สุดก็ไหลลงทะเล  และมหาสมุทร  ซึ่งพื้นที่ทะเล  และมหาสมุทรแม้จะมีมากกว่าส่วนที่เป็นพื้นดิน  
แต่เผอิญ  น้ำทะเลทั้งหมดมิได้มีปริมาณที่เท่ากันทั้งโลก  แต่ไปถ่วงด้านหนึ่งมากขึ้น 
โลกอีกด้านหนึ่งมีน้อยกว่า  เมื่อน้ำทะเลไปถ่วงด้านหนึ่งมากขึ้น  ก็ เกิดสภาวะไม่สมดุล  เป็นเหตุให้โลกแกว่งตัวผิดปกติ  มีผลทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของแผ่นเปลือกโลก  แผ่นเปลือกโลกปรับตัวครั้งใด  ก็จะเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนั้นๆ  แผ่นเปลือกโลกจะมีรอยร้าวมากขึ้น  ขอให้ทุกท่านสังเกตเหตุการณ์ของการเกิดแผ่นดินไหว  ในช่วง  2  ปีที่ผ่านมา  มีปริมาณมากขึ้น  และถี่ขึ้นในทุกพื้นที่ของโลก  รวมทั้งกระทบมาสู่ประเทศไทย  ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในลักษณะที่ถี่มากขึ้นเช่นนี้ (ในช่วงต้นปี 2550  หากจำไม่ผิดมีการเกิดแผ่นดินไหวแถวแม่ริม จ.เชียงใหม่  ประมาณ  60  ครั้ง ผู้เขียน) การเปลี่ยนแปลงของโลกครั้งนี้  อาจส่งผลกระทบให้แกนขั้วโลกมีการเปลี่ยนแปลง  หากขั้วแม่เหล็กโลกมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหันหายนะครั้งใหญ่ของโลกจะเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน  (น่าจะเกิดสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันเกินความคาดคิดของนักวิทยาศาสตร์กายภาพ   ดร.อาจองฯ  เป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกเป็นผู้ได้รับการประกาศเกียรติคุณในหอเกียรติยศขององค์การนาซ่าว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นชั้นนำของโลกคนสำคัญคนหนึ่ง ดร.อาจองฯ นอกจากการเป็นนักวิทยาศาสตร์กายภาพแล้ว ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตด้วย โดยเป็นศิษย์เอกคนสำคัญของ   "ท่านสัตยาไสบาบา"  ผู้มีพลังฌานสมาบัติแก่กล้า  ที่สหรัฐอเมริกายอมรับว่ามีพลังเหนือธรรมชาติในตัวท่านโดยเคยทดลองอดอาหาร / อดน้ำ  ให้นักวิทยาศาสตร์อเมริกันชม  ได้ถึง  17  วัน  -  ผู้เขียน)
        -         ในปัจจุบันปริมาณน้ำแข็งที่ภูเขาหิมาลัยได้มีการละลายไปมาก  และปริมาณน้ำแข็งก็จะเหลือน้อยลง  ซึ่งน้ำแข็งที่ภูเขาหิมาลัย  มีผลต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง   เมื่อปริมาณน้ำแข็งมีน้อยลง  ปริมาณน้ำแข็งที่จะละลายเป็นน้ำในอนาคตก็จะมีน้อยลง  ซึ่งในที่สุด  ก็จะเกิดปัญหากระทบกระทั่งของประเทศต่างๆ  ที่ต้องอาศัยน้ำในแม่น้ำโขงจะต้องเกิดการพิพาทแย่งน้ำกัน  ในที่สุด  แม่น้ำโขงจะเหือดแห้งลง  
        -        องค์การสหประชาชาติ  ได้ตระหนักในปัญหานี้  ได้มีหนังสือแจ้งมาถึงประเทศไทยให้ตระหนักในปัญหาที่จะเกิดในอนาคต  ที่จะเกิดกรณีพิพาทแย่งแหล่งน้ำจืดกัน  และจะต้องเร่งพัฒนาจิตใจในการมีคุณธรรม  มีความเข้าใจในธรรมชาติที่จะมีปัญหาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่  โดย ดร.อาจองฯ  ได้เริ่มใช้   "โรงเรียนสัตยาไส"  ที่ลพบุรี  
เป็นศูนย์พัฒนาจิตใจเด็กรุ่นใหม่  ที่จะเติบใหญ่เป็นผู้นำประเทศ  เน้นพัฒนาการด้านจิตใจ  และความมีคุณธรรมเป็นสำคัญ  ซึ่งหวังว่าจะมีส่วนช่วยให้สังคม  
และประเทศชาติ  มีความสงบและสันติเร็วขึ้นหลังจากเกิดมหันตภัยขึ้นในช่วงไม่เกิน  10  ปีข้างหน้า   (ไม่เกินปี  2560 – ผู้เขียน)
                ก่อนหน้านี้  ประมาณ  1  สัปดาห์  เผอิญได้ดูรายการโทรทัศน์  ที่คุณสัญญา  คุณากร  สนทนากับ   ดร.สมิทธิ  ธรรมสโรช  อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา  (อาจจะเป็นรายการ  "โลกสวยด้วยมือเรา"  ก็ได้  เพราะอยู่ในช่วงวันเสาร์ที่  30  มิถุนายน  2550  เวลาประมาณใกล้ๆ   23.00 น.)
        -        สิ่งที่ได้เห็นคือ   ภาพแผนที่ประเทศไทย  ที่ ดร.สมิทธิ์ฯ แจ้งว่า  เป็นผู้ระบายสีด้วยตัวเอง  ถึงพื้นที่น้ำท่วมถาวร  ในช่วง  10  ปีข้างหน้า  ถ้าทุกคนในโลกใบนี้  ไม่ตระหนักปัญหาโลกร้อน  ไม่ตั้งใจที่จะช่วยลดปริมาณการเพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  ในชั้นบรรยากาศของโลก  ทุกคนยังคงเห็นแก่ตัว  เป็นนักบริโภคนิยม  ไม่มีการเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวัน  ก็เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้  นั่นคือ  พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ  สมุทรสาคร  สมุทรสงคราม  กรุงเทพมหานคร  นครปฐม  ราชบุรี  เพชรบุรี  นนทบุรี  ปทุมธานี  อยุธยา  สระบุรี  ชลบุรี  และฉะเชิงเทรา  (ประมาณการด้วยสายตาว่ามีจังหวัดใดบ้างตามแผนที่  ที่คุณสัญญา  คุณากร แสดงให้ดูทางโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ซึ่ง ก็น่าจะเป็นพื้นที่ที่จมน้ำถาวร  หรือเป็นพื้นที่ทะเลในอนาคต)
        -        สำหรับ จังหวัดต่างๆ  ริมทะเลทุกจังหวัดของประเทศไทย  จะเป็นพื้นที่น้ำท่วมชั่วคราว  ช่วงน้ำทะเลขึ้น  ก็จะท่วม  น้ำทะเลลด  ก็จะไม่ท่วม  ที่ไม่ท่วมเลยนั้นไม่มี  ทั้งนี้  เพราะปัจจุบันปริมาณน้ำในทะเลมีมากกว่าอดีตนั่นเอง  นั่นคือ  ปรากฏการณ์ที่จะได้เห็นในช่วง  10  ปีข้างหน้า  ถ้าทุกอย่างดำเนินการเหมือนปกติเช่นทุกวันนี้
                สำหรับนักวิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบัน  เช่น   ดร.อานนท์  สนิทวงศ์ ณ อยุธยา  จะพูดจาระมัดระวังมากหน่อย  เพราะมีตำแหน่งเป็นข้าราชการประจำในขณะนี้  ได้แสดงความเห็นในรายการ  "โลกสวยด้วยมือเรา"  ในวันเสาร์ที่  7  เดือน  7  ปี  2007  ว่า
        -        
ปัจจุบันนี้  กระแสน้ำร้อน น้ำเย็น  ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก -         ปรากฏว่าในประเทศไทย  มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง  เช่น  มีพายุเข้ามาทางอ่าวไทยมากขึ้น  ความแห้งแล้งมีมากขึ้น  บางพื้นที่มีฝนตกมากจนน้ำท่วม  บางพื้นที่มีทั้งแห้งแล้ง  และน้ำท่วม  ในปีเดียวกัน  มีแผ่นดินถล่ม  โคลนถล่มมากขึ้น  ถี่ขึ้น -         ในอดีต  ฝนตกหนัก  จะเห็น  1,000 ปีสักครั้ง  แต่จากนี้ไป  จะเห็นทุกๆ  3  ปี  
ที่มีฝนตกหนักมาก  ทำให้เกิดอุทกภัย  และโคลนถล่ม  เป็นภัยร้ายแรงที่ต้องระวังมากขึ้น
-        
ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  ที่ลอยไปสู่ชั้นบรรยากาศของโลก  จะฝังตัวบริเวณนั้น  ประมาณ  50 – 200  ปี  ถือเป็นหายนะของมนุษยชาติในอนาคต                 ดร.ธรณ์  ธำรงนาวาสวัสดิ์         -         ได้ชี้ให้เห็นว่า  ปัจจุบันมีสัญญาณเตือนถึงภัยพิบัติทางทะเลให้เห็นหลายประการ  เช่น  ปะการังมีการตายมากอย่างผิดสังเกต  น้ำทะเลกัดเซาะชายตลิ่งมากขึ้น   ในปัจจุบันบางพื้นที่  บางส่วนของ จ.สมุทรปราการ  บางส่วนของเขตบางขุนเทียน  ใน กทม.พื้นดินถูกกลืนหาย  กลายเป็นบริเวณน้ำทะเลถาวร  
       
-         มีพายุขึ้นฝั่งมากขึ้น  คลื่นลมแรงมากขึ้น  มีอุทกภัยมากขึ้น
       
-         โลกก็มีชีวิต  มีการเคลื่อนไหว  เมื่อมนุษย์มีการกระทำที่เป็นการทำลายธรรมชาติบนโลก  โลกก็จะมีการโต้ตอบ  ซึ่งจะทำให้เกิดอาการตายทั้งเป็น  เพราะความวิบัตินี้จะมีผลถึงลูกหลานของเรา
       
-         เมื่อเดือนที่แล้ว  มิถุนายน  2550  มีแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ขั้วโลกใต้แตกลงมา  ซึ่งเป็นแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่  เท่ากับมลรัฐแคลิฟอเนียร์  ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึง  ปัญหาอุณหภูมิของโลกได้ร้อนเพิ่มมากขึ้น
       
-         ตำราต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์  ที่เคยอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ  ที่เกิดขึ้น  ไม่สามารถพยากรณ์เหตุการณ์เช่นเดิมได้อีก  สิ่งที่ปู่ย่าตายาย  เคยบอกเล่าให้ฟังไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป  ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เดิม  เป็นความรู้ที่ไม่ถูกต้องมีมากขึ้น  ในช่วงนี้  มีสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆ ต้องเรียนรู้ปรากฏการณ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกมาก  จะประมาทกับปรากฏการณ์ต่างๆ มิได้  ยุคความหรรษากำลังจะหมดไป  (ยุคหฤโหดกำลังจะเข้ามาแทนที่  -  ผู้เขียน)
               
รศ.ดร.ธนวัฒน์  จารุพงษ์สกุล  ภาคธรณีวิทยา  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
       
-         ให้ความจริงว่า   ปัจจุบันบริเวณอ่าวไทยตอนบน  น้ำทะเลท่วมลึกเข้ามาในผืนแผ่นดิน  ปีละ  2 – 4  เมตร  และท่วมลึกเข้ามาในแผ่นดินเรื่อยๆ
       
-         บริเวณแถวหมู่บ้านคลองด่าน  และหมู่บ้านขุนสมุทรจีน   จ. สมุทรปราการ  พื้นดินหายไปในทะเลมากกว่า  180,000  ไร่แล้ว  วัดขุนสมุทรจีน  ซึ่งปัจจุบันอยู่ในทะเล ห่างจากฝั่งประมาณ  1  กิโลเมตร  ทั้งๆที่เดิมนั้น  วัดขุนสมุทรจีน  อยู่บนพื้นดินไม่มีน้ำล้อมรอบ  แต่ปัจจุบันล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเลแล้ว  และทรุดตัวลงจากพื้นดินไปมาก
       
-         หมู่บ้านขุนสมุทรจีน  ค่อยๆจมหายไปในน้ำทะเล  ทั้งๆที่พื้นดินบริเวณนี้มีโฉนดที่ดิน  แต่ไม่มีโอกาสเห็นพื้นดินอีกแล้ว  สะพานของกรมโยธาธิการที่เหลืออยู่  ปรากฏว่า  ไม่มีหมู่บ้านรองรับ  แต่เป็นสะพานที่วิ่งลงไปในทะเล  เสาไฟฟ้าอยู่ในทะเล  โรงเรียนอยู่ในทะเล  แต่อยู่ไกลออกไป  โดยไม่เห็นสภาพโรงเรียนอีกต่อไป  เพราะจมหายมิดทั้งโรงเรียน  สิ่งเหล่านี้  คือ  ภาพที่รายการ  "โลกสวยด้วยมือเรา"  ถ่ายมาออกอากาศที่ช่อง  5  เมื่อวันเสาร์ที่ 7  เดือน  7  ปี  2007  ที่ผ่านมา
       
-         ที่ดินบริเวณ  จ.สมุทรปราการ  มีการทรุดตัวลงเร็วมาก  ถึงปีละ  3 - 5  เซนติเมตร  เป็นภาวะที่น่าจะอยู่ในระดับวิกฤติที่คนไทยต้องตื่นตัวได้แล้ว
               
ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร  (นายอภิรักษ์ฯ)   -         ได้ให้ข้อมูลในรายการ  "โลกสวยด้วยมือเรา"  ในวันที่  7  เดือน  7  ปี  2007  อีกคนหนึ่ง
-        
ผู้ว่าการ  กทม.  ให้ข้อมูลว่า   ณ ปัจจุบัน  บริเวณชายทะเลบางขุนเทียน  
มีน้ำทะเล  รุกล้ำเข้ามาในบริเวณซึ่งเป็นที่ดินถึงปีละ  5  เมตร  และคงสภาพท่วมถาวรในสภาพเช่นนั้น
-        
เดิม  ไข้เลือดออก  จะมีการระบาด  2 – 3  ปีต่อครั้ง  แต่ปัจจุบันมีการระบาดของโรคไข้เลือดออกทุกปี
-        
ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ประเทศไทยปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ  100 %  เป็นปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  ที่ปล่อยจากบริเวณผู้อยู่อาศัยในกรุงเทพมหานครถึง  40 %  เป็นเรื่องที่คนใน  กทม.  ทุกคนต้องทราบถึงการที่ทุกคนมีส่วนทำลายชั้นบรรยากาศของโลกในปัจจุบัน
-        
ทุกวันที่  9  ของทุกเดือน  ขอความร่วมมือจากทุกท่านร่วมใจกันปิดไฟทุกดวง  คนละ  15  นาทีในเวลา  19.00 น.  หรือ  เปิดเพียง  1  ดวงในช่วงเวลาดังกล่าว  เพื่อจะได้มีแสงสว่างพอจะเห็นสิ่งต่างๆ  และร่วมกันปิดเครื่องปรับอากาศ  คนละ  15  นาทีในช่วงดังกล่าวด้วย
-        
เครื่องปรับอากาศทุกเครื่อง  จะต้องตั้งอุณหภูมิไว้ที่  25 oC  ไม่ควรตั้งต่ำกว่า  25  oC  
-        
หากที่ใดยังใช้หลอดไฟที่ใช้ไส้  ต้องรีบเปลี่ยนหลอดไฟเป็นชนิดหลอดตะเกียบ  ซึ่งจะลดกระแสไฟฟ้าได้มาก  อีกทั้ง หลอดไส้ให้แสงสว่างเพียง  10 %  แต่ให้ความร้อนถึง  90 %  ทุกคนจึงควรร่วมใจกันลดปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้า  และช่วยกันลดอุณหภูมิความร้อนของโลก  โดยไม่ใช้หลอดไส้อีกต่อไป
-        
ทุกคนควรถอดปลั๊กไฟทุกครั้งที่ไม่ใช้  ไม่ควรเสียบปลั๊กแช่ไว้  แม้มิได้เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า  แต่การเสียบปลั๊กแช่ก็สูญเสียกระแสไฟฟ้าเช่นกัน
-        
หากเป็นไปได้  จะต้องพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถส่วนตัว  มาใช้รถสาธารณะ  หรือรถไฟฟ้ามากขึ้น
-        
2  ปีที่ผ่านมานี้  มีปริมาณน้ำท่วมมากขึ้น  ฝนตกมากขึ้น  พายุแรงมากขึ้น  (และในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม 2550  ก็ปรากฏว่ามีไฟป่าเผาผลาญถึง  7  มลรัฐในสหรัฐอเมริกา  เช่น  ที่ยูท่าห์  ไฟป่าทำลายป่าไม้ไปมากกว่า  700,000  ไร่  ในประเทศจีน  ก็มีอุทกภัยใหญ่ ใน  7  มณฑล  บ้านเรือนถูกทำลายมากกว่า  270,000  หลัง  เป็นต้น  เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนฯ ให้ทราบถึงมหันตภัยในอนาคต ผู้เขียน)
-        
จากข้อมูลความเปลี่ยนแปลงของโลก  เป็นสิ่งที่ทุกคนเพียงแต่  "รู้"  ไม่เพียงพอ  แต่จะต้อง   "รู้  และเข้าใจ  ตระหนัก  และจูงใจ"  นั่นคือ   "ทุกคนจะต้องรู้ถึงสภาพปัญหาที่มีการเปลี่ยนแปลง  และเข้าใจสิ่งที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงนั้น  เกิดจากการกระทำของพวกเราทุกคน  ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำลายชั้นบรรยากาศของโลก  ต้องตระหนักว่าเป็นภัยที่กำลังจะมาถึงตัวเรา  ครอบครัวของเรา  ภริยา / สามีของเรา  บิดามารดาของเรา  ลูกหลานของเรา  ชุมชน  สังคม  ประเทศชาติ  รวมทั้งโลกของเราด้วย"
-        
ทุกคนจะต้องเลิกผลัดวันประกันพรุ่ง  แต่   "ต้องลงมือทำทันที  ที่มีโอกาส"  โดยเริ่มเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราเองก่อน
-        
หากไม่มีการเกิดระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่  หรือไม่มีอุกกาบาตใหญ่มาชนโลกจนเกิดฝุ่นปกคลุมบรรยากาศโลก  โลกก็จะเพิ่มความร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
-        
แต่  ถ้ามีการเกิดระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่  หรือมีอุกกาบาตใหญ่วิ่งมาชนโลก  ย่อมทำให้เกิดฝุ่นปกคลุมบรรยากาศของโลก  ทำให้แดดส่องลงมาไม่ถึงพื้นผิวโลก  พื้นที่ส่วนนั้นๆ ก็จะกลับกลายเป็นยุคน้ำแข็งได้
-        
สิ่งที่แน่นอนที่สุด  คือ  ความไม่แน่นอน
-        
ให้ระวังสักนิด  ประเทศไทย  จะได้พบกับ  "สึนามิ"  อีกครั้ง  แต่สึนามิครั้งนี้จะมีความใหญ่มากกว่า  เหตุการณ์เมื่อ  26  ธันวาคม  2547  เพียงแต่จะเกิดเมื่อไรไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด  แต่ภาพนิมิตร  "สึนามิ"  ในอนาคตในประเทศไทยมีหลายท่านได้เห็นแล้ว  แต่ช่วงเวลายังไม่ยืนยัน  อยู่ระหว่างปี  2550 – 2560  ค่อนข้างแน่ครับ
-        
อย่าลืม   โปรดแบ่งเวลาบางส่วนของชีวิตท่านในปัจจุบัน
-        
ไปทำจิตให้สงบ  ฝึกการมีสติ  และมีสมาธิให้มากขึ้น
-        
ฝึกฝนการรักษาศีล 5  อย่างจริงจัง
-        
ฝึกทำความเข้าใจในโลกธรรม  8  โดยเฉพาะส่วนลบของโลกธรรม  8  คือ  การเสื่อมยศ  เสื่อมลาภ  ถูกนินทา  และเป็นทุกข์
-        
ฝึกความเข้าใจในสามัญญลักษณะ  ที่เป็นจริงของโลกว่าทุกสิ่งเป็นอนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดกาล  ไม่มีสิ่งใดอยู่ในสภาพเดิมได้ตลอด  ไม่มีสิ่งใดเป็นตัวตนที่แน่นอนตลอด  ทุกอย่างเกิดขึ้น  ตั้งอยู่แล้วก็แปรเปลี่ยน  ในที่สุดก็ดับไปเสมอ
-        
ฝึกทำความเข้าใจ  และตระหนักชัดว่า  เมื่อมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น  และแล้วก็ย่อมต้องมีการแตกดับ  ฝึกให้เห็นว่า  "ความตาย  เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนที่เกิดแล้ว  ต้องมีแก่  มีเจ็บ  และมีตาย  ไม่มีผู้ใดก้าวล่วงได้"
-        
ทำความเข้าใจว่า  "ทรัพย์ทั้งปวง  ของรักของหวงทั้งปวง"   ไม่มีผู้ใดนำไปใช้ในโลกหน้าได้  สิ่งที่เหลืออยู่  และนำไปได้ในโลกหน้า  ก็มีเพียง  "บุญกุศล  บุญบารมี  คุณงามความดี  ที่เราสร้างไว้เท่านั้น"  โปรดอย่าลืมเป็นอันขาด             ****************************************************************************
หมายเลขบันทึก: 121166เขียนเมื่อ 22 สิงหาคม 2007 01:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม 2012 06:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท