ในวันนี้ได้ ลปรร.กับคนทำงาน ห้องคลอด
ในฐานะคนทำงานเพื่อพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพนั้น บางครั้งระหว่างการทำงาน ช่วงแรกๆที่เริ่มทำ ผมไม่กล้าที่จะพูดเรื่องคุณภาพ หรือ HA นัก เพราะว่าตนเองนั้นไม่ค่อยมีทักษะมากนัก เพราะเคยมีประสบการณ์ที่พูดเนื้อหาโดยตรง ปรากฏว่าทำๆไปแล้วคนไม่รู้เรื่องกัน แล้วอาจจะไม่อยากฟัง
เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับคนทำงาน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน โดยที่ไม่ให้เขารู้สึกว่าเรากำลังพูดเรื่อง HA วันนี้ก็เช่นกันได้แลกเปลี่ยนกับคุณพยาบาลที่ห้องคลอด
เพราะว่าคนไข้น้อย ผมไปแต่เช้า ผมตั้งคำถามว่า...ในการทำงานและดูแลผู้ป่วยหลังคลอดมีปัญหาและอุปสรรคอะไรบ้าง
ก็ได้รับการตอบกลับอย่างดี
เจ้าหน้าที่ท่านนี้ได้เริ่มการสนทนาที่เกี่ยวกับงาน และการดูแลผู้ป่วยหลังคลอด และสิ่งที่ผมได้ยินได้ฟังและเข้าใจมีดังนี้คือ
เธอบอกว่าผู้ป่วยหลังคลอดส่วนมาก ไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่าเป็นคลอดปกติ และมีแนวทางปฏิบัติที่ดี ชัดเจน
แต่เธอเสริมว่าตอนนี้กำลังพัฒนาเรื่องการให้นมบุตร โดยทำหมอนเพื่อหญิงหลังคลอด เป็นหมอนที่ทำขึ้น ถ้าให้อธิบายมันคล้ายๆกับหมอนรองคอตอนนั่งรถทัวร์ แต่อันนี้มันใหญ่กว่ามาก และใช้หนุนเวลาให้นมลูก
เธอบอกว่ามันจะได้ไม่เมื่อยและไม่เจ็บ จริงๆแล้วเธอบอกว่าที่โรงพยาบาลอื่นๆเขาก็มีกันแล้ว แต่ที่นี่ไม่มี จึงคิดริเริ่มทำ
เธอเสริมว่า การพัฒนางานของเธอนั้น เธอเพียงต้องการพัฒนาการดูและผู้ป่วยให้ดีขึ้น ให้ผู้ป่วยได้รับการบริการที่ดีและสะดวกสบายขึ้นขณะให้นมบุตร เธอเสริมว่าไม่ได้คิดจะให้ผ่าน HA อะไรกับเขา
เมื่อผมได้ยินได้ฟังในสิ่งที่เธอเล่าและแสดงให้เห็นแล้ว ในฐานะพวกติดลมบนเรื่องพัฒนาคุณภาพเช่นผมแล้ว ผมรู้สึกปีติและดีใจอย่างมาก แม้ว่าคนที่พูดอาจจะไม่รู้สึกอะไร แม้ว่ามันจะดูเล็กน้อย
แต่มันคือโอกาส คือประตูสู่การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดียิ่งๆขึ้น ผมบอกกลับเธอไปว่า เรื่องคุณภาพก็คือเรื่องที่เธอกำลังทำอยู่ คุณภาพพื้นฐานคือความปลอดภัย การหายป่วยของผู้รับบริการ
แต่สิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ มันมากกว่าคุณภาพพื้นฐาน คือสิ่งที่จะทำให้ผู้รับบริการ ยอมรับ ชื่นชมและพอใจมากยิ่งๆขึ้น
สุดท้ายผมถามเธอว่า แล้วหมอนแบบนี้ไปเอามาจากไหนครับ... เธอบอกว่า เธอทำมันด้วยตัวของเธอเอง ...
ขอบคุณมากครับ.... ขอบคุณแทนผู้ป่วย และในฐานะคนพัฒนางานหนึ่งคน ^_^
ตามมาชื่นชมครับคุณหมอ
คนทำงานมี 2 ประเภท
ประเภทแรก ต้องอาศัยทฤษฏีหรือการอบรม จึงจะรู้ว่าควรทำอย่างไร
ประเภทที่สอง อาศัยใจของตน ในการคิดเป็นผู้ให้อยู่เสมอ จึงเข้าใจในงานของตนและพัฒนางานของตนได้ดี โดยไม่ต้องอาศัยทฟษฏีใดใดหรือเข้ารับการอบรมใดใดเลย และคนประเภทนี้กลายเป็นตัวตั้งที่นักวิชาการเอามาทำให้เกิดทฤษฏีครับ
ผมอ่านแล้วเกิดปีติสุขไปด้วย และดีใจที่สำนักงานคุณหมอมีคนประเภทที่สองครับ :)
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้ค่ะ
อ่านแล้วใจเป็นสุขจังเลย
สวัสดีครับอาจารย์
สวัสดีตอนสายๆครับ
ขอบคุณมากครับที่เข้ามาสรุปประเด็นและให้ความรู้เพิ่มเติมครับ
คนแบบนี้อาจจะมีมากครับ แต่ว่าขาดพี่เลี้ยง ขาดคนหนุน หรือขาดบรรยากาศที่อำนวยครับ
ได้รับกำลังใจจากท่านอาจารย์ผมจะพยามเรียนรู้และฝึกฝนตนเองต่อไปครับ