แปลง DVD เป็น Video CD ...ง่ายนิดเดียว


แปลง DVD เป็น Video CD ...ง่ายนิดเดียว

หน้า: 1/4

 


รูปแบบของดีวีดีทุกวันนี้ เรียกว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในเรื่องของเครื่องเล่นที่สามารถหากซื้อได้ในราคาไม่แพง หรือตัวแผ่นเองก็เรียกว่า ราคาไม่สูงมากแล้ว ทำให้การใช้งานนั้นเริ่มแพร่หลายมากขึ้น ด้วยคุณภาพของการแสดงผลที่ได้นั้น พอๆ กับการรับชมในโรงภาพยนตร์ ขณะที่ยังสามารถเลือกซับไตเติ้ลได้เอง ทั้งภาษาไทยอังกฤษ หรือว่าอื่นๆ ที่มีอยู่ ทำให้ผู้ดูสามารถเลือกรับชมภาษาได้ตามต้องการ

 











รูปแบบของดีวีดีทุกวันนี้ เรียกว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในเรื่องของเครื่องเล่นที่สามารถหากซื้อได้ในราคาไม่แพง หรือตัวแผ่นเองก็เรียกว่า ราคาไม่สูงมากแล้ว ทำให้การใช้งานนั้นเริ่มแพร่หลายมากขึ้น ด้วยคุณภาพของการแสดงผลที่ได้นั้น พอๆ กับการรับชมในโรงภาพยนตร์ ขณะที่ยังสามารถเลือกซับไตเติ้ลได้เอง ทั้งภาษาไทยอังกฤษ หรือว่าอื่นๆ ที่มีอยู่ ทำให้ผู้ดูสามารถเลือกรับชมภาษาได้ตามต้องการ

แต่การรับชมภาพภาพยนตร์ในรูปแบบของวิดีโอซีดีนั้น ก็เรียกว่ายังได้รับความนิยมอยู่ บรรดาเครื่องเล่นวิดีโอซีดีต่างๆ นั้นก็ยังพากันขายได้ และส่วนใหญ่ก็มีกันแทบทุกบ้านเสียด้วย ก็เลยเป็นที่มาของการแปลงภาพยนตร์จากดีวีดีไปเป็นวิดีโอซีดีกันก็คราวนี้ล่ะ

ข้อดีของการแปลงจากดีวีดีไปเป็นวิดีโอซีดีนั้นมีอะไรบ้าง... จริงๆ แล้วต้องขอบอกว่าการแปลงจากดีวีดีไปเป็นวิดีโอซีดีนั้น มีข้อดีอยู่มากเลยทีเดียว นับตั้งแต่เป็นการแบ็กอัพแผ่นดีวีดีราคาแพงๆ ให้ไม่มีรอยขีดข่วนแล้ว ยังช่วยให้เราสามารถแบ็กอัพแผ่นซีดีที่ต้องการเก็บไว้ส่วนตัวได้อีกด้วย เช่น มีแผ่นซื้อแผ่นดีวีดีจากต่างประเทศมา ก็สามารถแปลงเป็นวิดีโอซีดี แล้วแจกจ่ายให้กับผู้ที่ต้องการได้ ซึ่งการใช้งานแบบนี้ก็ย่อมทำให้แผ่นดีวีดีของเราสามารถอยู่ได้ยาวนานเลยล่ะ หรือจะเอาไว้สำหรับก็อปปี้แผ่นดีวีดีที่ยืมมาก็สะดวก เพราะถ้าไปซื้อไดรฟ์สำหรับเขียนดีวีดีมาใช้งาน ตอนนี้ก็ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ แถมแผ่นดีวีดีอาร์ก็ยังแพงอีกด้วย นอกจากนั้นดีวีดีอาร์ยังเขียนได้เฉพาะดีวีดีแบบเลเยอร์เดียว 4.7 กิกะไบต์เท่านั้นเอง ดังนั้นการแปลงจากดีวีดีมาเป็นฟอร์แมตอื่นๆ เช่นวิดีโอซีดีหรือ DivX จึงสะดวกกว่า เอาล่ะพล่ามมาพอสมควรแล้ว ก็เข้าเรื่องการแปลงดีวีดีเป็นวิดีโอซีดีกันดีกว่า

รูปแบบของการแปลงดีวีดีการแปลงจากดีวีดีไปเป็นวิดีโอซีดีนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้สบายๆ มาก เพราะนับตั้งแต่เรื่องของความละเอียด ดีวีดีก็เหนือกว่าอยู่แล้ว ทำให้สามารถนำมาแปลงเป็นวิดีโอซีดีที่มีความละเอียดต่ำกว่าได้อย่างสบายๆ หรือหากอยากได้ความละเอียดสูงๆ หน่อย ก็ยังสามารถแปลงเป็น Super VCD ได้อีกด้วย และในกรณีที่ต้องการแปลงเป็นฟอร์แมตของ DivX หรือ MPEG4 ก็สามารถทำได้อย่างไม่มีปัญหา ขอเพียงให้ต้นฉบับเป็นดีวีดีเท่านั้นเอง ซึ่งจากตารางเราจะเป็นว่า หากไม่นับ DV ซึ่งเป็นฟอร์แมตสำหรับกล้องถ่ายวิดีโอดิจิตอลแล้วล่ะก้อ ความละเอียดของดีวีดีถือว่าสูงสุด รองลงมาก็จะเป็น DivX, Super VCD และ VCD เป็นลำดับต่อมา

หากดูจากขนาดของภาพและความละเอียด การแปลงดีวีดีเป็นวีซีดี เรียกว่าไม่มีปัญหา เพราะจากความละเอียด 720x480 พิกเซลแปลงมาเป็น 352x240 พิกเซล เรียกว่าสบายๆ หรือหากต้องการความละเอียดสูงหน่อย จะแปลงเป็น DivX ก็ไม่มีปัญหา แถมความละเอียดที่ได้ก็เรียกว่าไม่น้อยหน้าเท่าไหร่ แต่เสียอย่างเดียวก็ตรงที่ต้องใช้กับคอมพิวเตอร์อย่างเดียวเท่านั้นเอง แต่ก่อนที่จะลงมือทำเรามาดูเรื่องของสเปกของเครื่องคอมพ์ที่จำเป็นต้องใช้ก่อนดีกว่าว่าเครื่องที่มีอยู่ไหวสำหรับการนำมาใช้งานรึเปล่า อัพเกรดเครื่องให้แปลงดีวีดีได้ในการแปลงดีวีดีเป็นวิดีโอซีดีหรืออื่นๆ นั้น อันดับแรกต้องมีไดรฟ์ดีวีดีด้วยนะ เอาไว้อ่านข้อมูลจากแผ่นดีวีดีโดยเฉพาะ แบบว่าเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมี แต่ก็ไม่น่ามีปัญหา หากคุณจะหาไดรฟ์ดีวีดีมาใช้งานสัก เพราะตัวไดรฟ์ดีวีดีเดี๋ยวนี้มีราคาไม่แพงแล้ว เรียกว่าหากจะหาไดรฟ์ซีดีตัวใหม่มาแทนที่ตัวเก่า ก็ซื้อไดรฟ์ดีวีดีมาใช้ยังคุ้มค่ามากกว่าเลย เพราะราคาไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่ และดีวีดีไดรฟ์ยังสามารถอ่านแผ่นข้อมูลเดิมๆ บนแผ่นซีดีเก่าที่เก็บไว้ได้ด้วย

ต่อมาก็เป็นเรื่องของเครื่องคอมพ์ที่จะใช้ แนะนำว่าหาเครื่องที่เร็วๆ มาใช้จะดีที่สุด เพราะขั้นตอนในการแปลงจากดีวีดีเป็นวิดีโอซีดีหรืออื่นๆ นั้น ต้องใช้เวลานานมาก หากเครื่องที่ใช้ไม่แรงพอ ไม่ได้เป็นอินเทลเพนเทียมโฟร์ ขั้นตอนในการแปลงดีวีดีตามปกตินั้น ขั้นตอนในการแปลงจากดีวีดีมาเป็นวิดีโอซีดีหรือว่า DivX นั้นเรียกว่ายุ่งยากมาก และไม่สามารถทำได้ในขั้นตอนเดียวจนเสร็จ โดยเริ่มต้นจากการใช้โปรแกรม Ripper เพื่อดึงข้อมูลที่อยู่ในแผ่นดีวีดีให้มาอยู่ในฮาร์ดดิสก์ก่อน เช่นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากอย่าง SmartRipper เป็นต้น จากนั้นถึงจะใช้โปรแกรมแปลงไฟล์จากฟอร์แมตของดีวีดีให้เป็นไฟล์ในรูปแบบของ AVI เช่นโปรแกรม DVD2AVI ซึ่งจัดอยู่ในโปรแกรมจำพวก FrameSaving เพื่อที่จะได้ใช้โปรแกรม Encode ให้อยู่ในรูปแบบอื่นๆ ตามต้องการ ที่นิยมใช้งานกันก็คือ TMPGEnc Plus นั่นเอง ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้นอกจากยุ่งยากแล้ว ยังมีปัญหาตามมาก็คือไม่สามารถเพิ่มซับไตเติ้ลลงในไฟล์วิดีโอที่สร้างขึ้นได้ แต่ในระยะหลังๆ นี้ได้มีโปรแกรมที่จะช่วยให้สามารถแปลงดีวีดีเป็นวิดีโอซีดีหรือว่า DivX ได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจจะใช้ขั้นตอนในการทำเพียงสองหรือสามขั้นตอนเท่านั้นเอง ซึ่งในที่นี้ผมก็ขอแนะนำวิธีการแปลงดีวีดีทั้งขั้นตอนแบบเก่าและแบบใหม่มาให้ได้รับรู้กัน เพราะแม้จะมีการแปลงที่ง่ายขึ้นแล้ว แต่ขั้นตอนเก่า ก็ยังมีข้อดีอยู่มากเหมือนกัน โดยเฉพาะหากต้องการแปลงดีวีดีเป็นวิดีโอซีดี โดยไม่ต้องการซับไตเติ้ล จะสามารถทำได้รวดเร็วกว่ามาก แถมตัว Encode ยังให้ภาพที่คมชัดแบบไม่น้อยหน้าใครด้วย โดยเฉพาะในการแปลงแบบวิดีโอซีดี จะเห็นได้ชัดมากเลย และช่วยให้ผู้ใช้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการก๊อบปี้ดีวีดีได้มากกว่าอีกด้วย การแปลงแบบ Ripping, FrameSaving และ Encodeในขั้นตอนการแปลงดีวีดีแบบนี้ เราจำเป็นต้องใช้โปรแกรมหลักๆ สามตัวด้วยกัน คือ Smart Ripper สำหรับดึงข้อมูลมาจากแผ่นดีวีดีเพื่อเก็บลงในฮาร์ดดิสก์ก่อน และใช้โปรแกรม Frame Saving เช่น DVD2AVi ในการแปลงข้อมูลจากไฟล์ VOB ของดีวีดีเป็นไฟล์ AVI จากนั้นใช้ TMPGEnc Plus ในการแปลงจาก AVI มาเป็นฟอร์แมตที่ต้องการ จากนั้นแบ่งไฟล์ Mpeg ที่ได้ให้เหมาะสำหรับขนาดของแผ่นซีดีที่นำมาใช้บันทึก โดยโปรแกรมทั้งหมดนั้น สามารถดาวน์โหลดได้จากที่ต่างๆ ดังนี้

  • Smart Ripper
    (http://www.afterdawn.com/general/disclaimers/decss_disclaimer.cfm?software_id=251&mirror=184&x=31&y=14)

  • DVD2AVI
    (http://arbor.ee.ntu.edu.tw/%7Ejackei/dvd2avi/)

  • TMPGEnc Plus
    (http://www.pegasys-inc.com/e_download.html)

หน้า: 2/4


Smart Ripper

เมื่อได้โปรแกรมที่ต้องการมาแล้วก็ให้ติดลงเครื่องได้เลย โดยโปรแกรมตัวนี้เป็นฟรีแวร์ สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้โดยไม่เสียตังส์ ส่วนการติดตั้งนั้นเนื่องจากตัวโปรแกรมถูกซิปเอาไว้เพียงแค่คลายซิปลงในไดเร็กทอรี่ก็พร้อมจะเรียกใช้งานได้แล้ว เมื่อพร้อมก็เรียกโปรแกรมขึ้นมา จากนั้นนำแผ่นดีวีดีใส่ลงในไดรฟ์ดีวีดี และใช้โปรแกรม Smart Ripper ดึงข้อมูลจากแผ่นดีวีดีมาเก็บลงในฮาร์ดดิสก์ก่อน โดยขั้นตอนนี้จะใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นัก ซึ่งการก็อปปี้ลงในฮาร์ดดิสก์ก่อนนี้ นอกจากจะช่วยให้แปลงเป็น AVI ได้ง่ายแล้ว ยังช่วยในการแปลงข้อมูลได้เร็วขึ้น และไม่ต้องอ่านไดรฟ์ตลอดเวลา โดยขั้นตอนของการแปลงนี้เริ่มต้นจากการเรียกโปรแกรม Smart Ripper ขึ้นมาก่อน ซึ่งหน้าตาของโปรแกรมตัวนี้ ก็เป็นอย่างที่เห็นในรูปล่ะ เรียกว่าไม่มีอะไรที่ใช้งานยากนัก เพียงแต่เลือกไฟล์ข้อมูลในดีวีดีให้ถูกก็พร้อมจะ Rip ออกมาเป็นไฟล์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้ทันที

การใช้งานโปรแกรม Smart Ripper สามารถดึงข้อมูลได้หลายรูปแบบด้วยกัน คือในลักษณะของ Movie, Files และ Backup ซึ่งให้เลือกแล้วแต่ความต้องการในการใช้งานของคุณ โดยสำหรับการเลือกในที่นี้เป็นแบบ Movie ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับดึงข้อมูลจากแผ่นหนังวิดีโอโดยเฉพาะ โดยการใช้งานนั้น ก็เพียงแต่คลิ้กเลือกที่ปุ่ม Movie จากนั้น เลือกที่ Chapter 1 แล้วเลือกไดเรกทอรีที่ต้องการ จากนั้น ก็คลิ้ก Start การดึงข้อมูลจากแผ่นดีวีดีลงฮาร์ดดิสก์ก็เริ่มต้นขึ้น และเมื่อเสร็จแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนการการทำงานอื่นต่อไป โดยขั้นตอนการ Ripping นี้จะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ขึ้นอยู่กับความเร็วของไดรฟ์ดีวีดีและคุณภาพแผ่นที่นำมาใช้งาน

ขั้นตอนการ Ripping ด้วย SmartRipper

หน้าตาของโปรแกรม Smart Ripper

1. หน้าตาของโปรแกรม Smart Ripper ซึ่งแต่ละส่วนบอกถึงหน้าที่การทำงานต่างๆ ดังนี้
1.1 ส่วนของโหมดการทำงาน ซึ่งสามารถเลือกได้ระหว่างการอ่านข้อมูลแบบ Movie , File และ การแบ็กอัพข้อมูลทั้งแผ่น
1.2 ส่วนที่สองนี้ก็คือปุ่มสำหรับเซตอัพการทำงานต่างๆ ของโปรแกรม Smart Ripper
1.3 ส่วนนี้คือบอกข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในแผ่นดีวีดี ซึ่งในที่นี้จะเป็นการบอกข้อมูลของดีวีดีภาพยนตร์ที่เรานำมาอ่านเพื่อเก็บลงในฮาร์ดดิสก์
1.4 อย่าลืมกำหนดพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ข้อมูลที่อ่านมาจากแผ่นดีวีดีด้วยการกำหนดโฟลเดอร์ และดูถึงพื้นที่ที่ต้องการสำหรับแผ่นดีวีดีแผ่นนั้นก่อน

2. เซตอัพรูปแบบของการ Ripper ได้ตามที่ต้องการจากเมนูส่วนของ Setting ซึ่งมีหน้าตาของการเซตอัพดังนี้
2.
3.

3. กำหนดพื้นที่ของการเก็บข้อมูลก่อนที่จะ Ripper ไม่งั้นคุณต้องเสียเวลาในการค้นหา หรือไฟล์ที่ Rip มานั้น อาจจะไปทับกับข้อมูลของดีวีดีแผ่นอื่นๆ ที่ Rip ก่อนหน้านั้นได้

4. ขั้นตอนระหว่างการ Ripping ซึ่งหากได้ไดรฟ์ดีวีดีความเร็วสูงๆ หน่อย ก็จะใช้เวลาไม่มาก
4.
5.

5. เมื่อเห็นหน้าตาแบบนี้ ก็เตรียมตัวไปทำขั้นตอนของการแปลงได้เลย

การแปลง .VOB เป็น AVI

หลังจากที่เราดึงข้อมูลจากแผ่นดีวีดีให้อยู่ในฮาร์ดดิสก์เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนการแปลงให้เป็นไฟล์ AVI เพื่อเตรียมนำไป Encode กันแล้วล่ะ โดยการแปลงนี้ ก็เพื่อให้โปรแกรมสำหรับ Encode ต่างๆ สามารถอ่านและแปลงให้อยู่ในฟอร์แมตของ MPEG ได้ เท่านั้นเอง จะเรียกว่าเป็นการเตรียมการก่อนจะแปลงให้อยู่ในรูปของ MPEG ก็ได้ โดยขั้นตอนนี้ได้ใช้โปรแกรม DVD2AVI ซึ่งก็ใช้งานได้ไม่ยากเช่นเดียวกัน โดยโปรแกรมนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับโปรแกรม Smart Ripper ซึ่งสามารถหาดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี และตัวโปรแกรมเพียงแต่คลายซิปออก ก็สามารถใช้งานได้เลย

ในการใช้งานนั้น ก็เพียงแต่เรียกโปรแกรม DVD2AVi ขึ้นมาก็พร้อมจะสามารถใช้งานได้แล้ว โดยในขั้นตอนแรกนี้ให้สร้างโปรเจ็กต์ไฟล์ของ DVI ขึ้นมาก่อน โดยการเปิดไฟล์ .VOB ที่เราได้ดึงเข้ามาในฮาร์ดดิสก์แล้ว โดยการคลิ้กที่ File แล้วเลือก Open ก็จะปรากฏไฟล์ .VOB ให้เราเลือกมาใช้งาน จากนั้นเพียงแต่จัดการเซฟโปรเจ็กต์ไฟล์ที่อิมพอร์ตเข้ามา แล้วโปรแกรม DVD2AVI ก็จะแปลงข้อมูลของไฟล์ .VOB ให้อยู่ในรูปแบบของไฟล์ AVI ทันที

ขั้นตอนการทำ Frame Saving ด้วย DVD2AVI

1. โปรแกรม DVD2AVI สามารถเรียกใช้งานได้ง่ายๆ โดยเรียกจากไฟล์ได้ทันที

1.
2.

2. เริ่มต้นใช้งาน ก็เปิดไฟล์ IFO ที่ต้องการ ซึ่งจากขั้นตอนที่แล้ว ก็คือไฟล์ที่ rip มาเก็บไว้ในไดเรกทอรีที่ต้องการ

3. เลือกไฟล์ฟอร์แมตของดีวีดีซึ่งเป็น .VOB ที่ต้องการ โดยโปรแกรมจะจัดชุดเอาไว้ให้พร้อมอยู่แล้ว
3.
4.

4. จากนั้นก็ให้เซฟเป็น Project เพื่อแปลงให้อยู่ในรูปฟอร์แมตที่โปรแกรม Encode สามารถอ่านได้

5. เลือกไดเรกทอรีที่ต้องการเซฟไฟล์ Project ลงไปเก็บไว้
5.
6.

6. จากนั้นโปรแกรม DVD2AVI ก็จะแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบของฟอร์แมต AVI หรือฟอร์แมตที่โปรแกรม Encode สามารถนำไปใช้งานต่อไปได้

แปลงให้อยู่ในรูปแบบของ MPEG

ขั้นตอนสุดท้ายในการแปลงจากดีวีดีให้อยู่ในรูปแบบของวิดีโอซีดีก็คือการแปลงจากไฟล์ AVI ที่ได้ในขั้นตอนที่สองเพื่อนำมา Encode ให้อยู่ในรูปแบบของการบีบอัดต่างๆ ซึ่งสามารถทำได้ทั้งแบบ MPEG1 (วิดีโอซีดี : VCD) , MPEG2 (Super VCD) หรือว่า MPEG2 (DVD) โดยขึ้นอยู่กับตัวแปรที่เราเลือกใช้ว่าต้องการบีบอัดขนาดไหน โดยวิธีการง่ายสุดสำหรับโปรแกรม TMPGEnc Plus ตัวนี้ ก็คือการใช้งาน Wizard เพราะง่าย และให้ความสะดวกในการใช้งานโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลว่าจะเริ่มจากตรงไหน เพราะโปรแกรมจะสอบถามแล้ว แปลงข้อมูลออกมาให้ได้ตามที่เราต้องการ พร้อมทั้งสามารถเลือกรูปแบบการเขียนลงแผ่นซีดีให้ได้ในตัวเสร็จสรรพเลย

ขั้นตอนการ Encode โดยใช้ Wizard

1. จะใช้ง่ายที่สุดก็ต้องเปิด Wizard มาใช้งานเลย

1.
2.

2. เลือกฟอร์แมตที่ต้องการจะ Encode แล้ว ก็คลิ้ก Next ได้เลย

3. เลือกข้อมูลไฟล์ดีวีดีที่แปลงแล้วมาเป็นต้นฉบับ
3.
4.

4. เลือกรูปแบบของการ Filter ซึ่งหากเลือก ก็จะใช้เวลาในการแปลงมากขึ้น นอกจากนั้นตรงนี้ เรายังสามารถเลือกช่วงเวลาในการแปลงได้ด้วย

5. มาถึงขั้นตอนของการเลือกแผ่น ว่าจะให้เขียนลงแผ่นข้อมูลแบบไหน ก็เลือกได้ตามใจชอบแล้ว แล้วโปรแกรมจะตัดความยาวของหนังให้เองอัตโนมัติเลย
5.
6.

6. ทีนี้ก็ต้องบอกที่เก็บภาพยนตร์ที่แปลงแล้วล่ะ ว่าจะให้เก็บไว้ตรงไหน

7. อยู่ในช่วงระหว่างการแปลง ก็จะมีการบอกเวลาที่ต้องใช้ในการแปลง รวมทั้งพรีวิวภาพให้ดู และหากหยุด ก็จะได้ไฟล์วิดีโอตามระยะเวลา Encode ได้ไป
7.
8.

8. ไฟล์วิดีโอที่ได้ ก็จะแบ่งออกเป็นไฟล์ต่างๆ ตามแต่ขนาดของซีดีที่เลือก ในที่นี้ไฟล์วิดีโอแบ่งออกเป็นสองไฟล์สำหรับเขียนลงซีดีสองแผ่น และอยู่ในไดเรกทอรี่ที่ได้เลือกเอาไว้

หลังจากที่ได้ข้อมูลไฟล์ MPEG-1 เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ ก็ต้องนำไปเขียนลงซีดีกันล่ะ ซึ่งโปรแกรมที่เอาไว้สำหรับเขียนแผ่นนี้ จะว่าไปแล้ว ก็สามารถใช้โปรแกรมยอดนิยมอย่าง Nero Burning Rom ได้เลย ซึ่งก็เรียกว่าใช้งานได้ง่ายอยู่แล้ว ซึ่งขั้นตอนการเขียนนั้น ไม่ขออธิบายแล้วกัน
การแปลงเป็นวิดีโอซีดีด้วย DVDx
หน้าตาของโปรแกรม DVDx
นอกจากการใช้โปรแกรม Rip มาทีละขั้นตอนแล้ว ยังมีโปรแกรมอีกตัวหนึ่งให้เลือกทำวิดีโอซีดีได้โดยง่ายอีกด้วย ซึ่งในที่นี้ก็คือโปรแกรม DVDx นั่นเอง โดยปัจจุบันได้พัฒนาไปถึงเวอร์ชันที่ 2 แล้ว และโปรแกรมตัวนี้เรียกว่าช่วยให้การทำวิดีโอซีดีหรือซูเปอร์วิดีโอนั้นทำได้ง่ายมาก และสามารถทำได้จากการดึงข้อมูลจากแผ่นโดยตรง หรือว่าจะ Rip ข้อมูลจากแผ่นมาเก็บลงฮาร์ดดิสก์ก่อนก็ได้ แต่ถ้าให้แนะนำก็คือควรใช้โปรแกรม Rip ข้อมูลมาลงในฮาร์ดดิสก์ก่อนเพื่อความรวดเร็วในการใช้งาน

โปรแกรมนี้เรียกว่าใช้งานได้ไม่ยาก โดยเริ่มต้นนั้น ก็ไปดาวน์โหลดมาติดตั้งลงในเครื่องก่อน และข้อดีของโปรแกรมตัวนี้ก็คือฟรี ไม่ต้องเสียเงิน โดยหลังจากที่ติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เราเรียกโปรแกรมขึ้นมาทำงานได้เลย

หลังจากเรียกโปรแกรม  DVDx ขึ้นมาแล้ว ก่อนอื่นเราต้องเรียกข้อมูลจากแผ่นดีวีดีนั้นขึ้นมาก่อนเลย ซึ่งหากอยู่ในแผ่นดีวีดีก็ให้เลือกที่ file แล้วเลือกที่ Root DVD หรือหาก Rip มาที่แผ่นแล้ว ก็ให้เลือกไฟล์ IFO ขึ้นมาเลย จากนั้นก็ให้กำหนดข้อมูลในส่วนของ Input ว่าต้องการอะไรบ้าง เช่น เสียง หรือว่า Subtitle เป็นต้น ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตามต้องการ จากนั้นก็เลือกส่วนที่เป็น Output เพื่อกำหนด รูปแบบของการแปลงว่าจะเป็นไปในรูปแบบใด ทั้งรูปแบบวิดีโอซีดี Super VCD หรือว่า DivX ก็ตาม โดยหากเป็นการแปลงในรูปแบบของวิดีโอซีดีและ Super VCD นั้น โปรแกรมจะกำหนดขนาดและรูปแบบของการแปลงให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเราไม่ต้องไปกำหนดอะไรอีกเลย จะมีก็เพียงแต่กำหนดแผ่นซีดีที่ต้องการนำไปเขียนหลังจากที่แปลงเสร็จแล้วเท่านั้น ซึ่งส่วนของการกำหนดขนาดแผ่นซีดีนี้ ตัวโปรแกรมจะตัดแบ่งไฟล์ออกความความจุของแผ่นซีดี ทำให้เราไม่ต้องใช้โปรแกรมช่วยในการตัดแบ่งไฟล์อีก ช่วยให้สะดวกมากขึ้นสำหรับการนำไปเขียนลงแผ่นซีดี เพราะจะแบ่งออกเป็น Volume พอดีๆ เลย และหลังจากที่กำหนดข้อมูลเอาต์พุตแล้ว ก็ให้เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการเก็บข้อมูลที่ทำเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับตั้งชื่อไฟล์ให้ตรงกับความต้องการ เท่านี้ ก็พร้อมจะเริ่มทำการแปลงแล้วล่ะ
เปิดไฟล์ดีวีดีที่ต้องการ

โดยขั้นตอนการแปลงก็เริ่มจากการคลิ้กที่ปุ่ม Record บนทูลบาร์เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็รอได้เลย เพราะหลังจากที่โปรแกรมแปลงเสร็จแล้ว  ไฟล์วิดีโอนั้นก็จะถูกเซฟลง? ดิสก์ และโปรแกรมก็จะหยุดทำงานเองอัตโนมัติ ซึ่งขั้นตอนการแปลงนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่ารูปแบบของการแปลงนั้นเป็นอยู่ในรูปแบบไหน และมีความยาวของการแปลงอยู่เท่าไหร่ ซึ่งขั้นตอนการแปลงโดยใช้โปรแกรม DVDx นี้ จะเริ่มต้นดังนี้

ขั้นตอนที่ 1. เลือกไฟล์ IFO หรือเปิด DVD Root ขั้นตอนแรกสุดก็ต้องเปิด IFO นี้ขึ้นมาก่อน ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะดึงจากแผ่นดีวีดีโดยตรง หรือว่าจะใช้อ่านข้อมูลจากไฟล์ที่ดึงมาเก็บไว้ในเครื่องก็ได้

ขั้นตอนที่ 2. กำหนดรูปแบบของวิดีโออินพุต

เลือกรูปแบบของการป้อนสัญญาณอินพุต


Program Chain: เลือกรูปแบบของหนังที่ต้องการ Rip ทั้งในเรื่องของความยาวหนัง และมุมกล้องที่สามารถเปลี่ยนได้

Audio: เลือกแทร็กเสียงที่ต้องการ โดยแนะนำว่าควรจะเลือกเป็น AC3 หรือ LPCM เท่านั้น สำหรับระบบสเตริโอทั่วๆ ไป และสามารถเลือกได้ว่าจะเอาคุณภาพเสียงแบบไหน

Subtitle: เลือกซับไตเติ้ลที่ต้องการ สำหรับซับไตเติ้ลนี้ สามารถเลือกได้ตามแต่ที่มีอยู่ในแผ่นดีวีดี โดยบางแผ่นนั้น สามารถเลือกเปลี่ยนสีได้ด้วย

Frame rate: สำหรับการแปลงแผ่นนี้ ต้องเลือกเฟรมเรตที่ต้องการด้วย เพราะโปรแกรมไม่ได้ทำให้อัตโนมัติ โดยควรจะเลือกให้ตรงกับเฟรมเรตทาง Output ซึ่งปากเป็นในบ้านเราก็คือ PAL 25 เฟรมต่อวินาทีนั่นเอง

iDCT: เลือกรูปแบบของการใช้อัลกอริทึมในการแปลง ซึ่งมีให้เลือกตามความเหมาะสมสำหรับแต่ละซีพียูอยู่

Deinterlace Filter: ในกรณีที่เกิดภาพเบลอๆ หรือซ้อนกันเป็นเหลื่อมๆ ก็ต้องมีการเลือกฟิลเตอร์ด้วยนี้ด้วย เพื่อให้ภาพนั้นออกมาเป็นปกติให้ได้มากที่สุด ไม่เกิดการเหลื่อมให้ไม่สบายตา ซึ่งกรณีนี้มีโอเกดที่จะเกิดขึ้นได้มาก
กำหนดข้อมูลที่ต้องการทางฝั่งเอาต์พุต


Save your DVD drive: เป็นการใช้งานหน่วยความจำสำหรับเป็นบัพเฟอร์ข้อมูลภาพดีวีดี เพราะหากยิ่งเซตเอาไว้มาก ก็สามารถทำงานได้เร็วขึ้น หากต้องการให้ทำให้ได้เร็วๆ ก็ต้องไป Disable หน่วยความจำแคชสำหรับโอเอสให้น้อยที่สุด เพื่อจะนำมาใช้กับการแปลงวิดีโอให้ได้มากที่สุดนั่นเอง เรียกว่ายิ่งมากยิ่งดี แต่ระวังจะทำงนอย่างอื่นไม่ได้ด้วย

ขั้นตอนที่ 3. กำหนดรูปแบบของเอาต์พุตที่ต้องการ (เลือกแบบ VCD)

MPEG Specific: เลือก Encode เป็นแบบ Video CD (MPEG 1)

Video birate: เลือกวิดีโอบิตเรต ซึ่งความจะอยู่ระหว่าง 650 ถึง 1150 Kbit/s ยิ่งมากภาพยิ่งคมชัด
เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการเก็บภาพวิดีโอ


Audio Bitrate: เลือกออดิโอบิตเรต เช่นเดียวกับภาพวิดีโอ

Capture: เลือกความละเอียด โดยสำหรับ NTSC Video CD ความละเอียดจะอยู่ที่ 352x240 ส่วนระบบ PAL จะอยู่ที่ 352x288

Whole: คลิ้กที่ปุ่มนี้ กรณีที่ต้องการเก็บภาพทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบของภาพยนตร์ ไม่งั้นอาจจะจำกัดที่เฟรม

Volume don't exceed: เลือกขนาดไฟล์ที่ต้องการให้พอเหมาะกับการเขียนลงแผ่นซีดี โดยมีให้เลือกทั้งแบบ 650 หรือ 700 เมกะไบต์

ขั้นตอนที่ 4. เริ่มต้นสตาร์ทการแปลงข้อมูล พอเสร็จแล้ว คราวนี้ก็คลิ้กปุ่ม Apply พร้อมกับปุ่ม Record ได้เลย เพื่อเริ่มต้นแปลงภาพจากดีวีดีไปเป็นวิดีโอซีดีได้เลย และอย่าลืมเลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการนำไฟล์ไปเก็บไว้ด้วย ซึ่งเมื่อเรียบร้อยแล้ว ข้อมูลที่ได้ก็จะแบ่งตามขนาดของแผ่นซีดีที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก


ขั้นตอนที่ 5. เขียนข้อมูลที่ได้แปลงเรียบร้อยแล้วลงแผ่นซีดี
กด Record เพื่อเริ่มต้นแปลงภาพวิดีโอ
หน้าตาของโปรแกรมขณะที่กำลังแปลงภาพ

สุดท้ายก็คือนำข้อมูลที่ได้ไปเขียนลงแผ่นซีดี ได้เลย ถึงตอนนี้จะใช้โปรแกรมอะไรก็ไม่มีปัญหาแล้วล่ะ

ทั้งหมดนี้ก็คือขั้นตอนการแปลงไฟล์จากดีวีดีให้อยู่ในรูปแบบของวิดีโอซีดี อย่างง่ายๆ ก็เรียกว่าไม่มีอะไรยุ่งยากมากนัก เพียงแต่ขอให้มีเครื่องเร็วๆ ก็สามารถแปลงได้แล้ว ซึ่งเป็นจุดสำคัญสำหรับการแปลงดีวีดีเลย ยิ่งเครื่องเร็วมากๆ ก็ช่วยร่นเวลาในการแปลงลงได้อย่างมากเลยทีเดียว ข้อสำคัญอีกข้อก็คือควรจะมีเครื่องเขียนแผ่นซีดีเอาไว้ด้วย เพราะช่วยให้เราสามารถแบ็กอัพงานลงแผ่นซีดีได้สะดวกมากขึ้นด้วย 
http://www.arip.co.th
คำสำคัญ (Tags): #it
หมายเลขบันทึก: 118102เขียนเมื่อ 8 สิงหาคม 2007 18:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 01:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณครับ ผมก็เล่าเรื่องอย่างนี้บ้างเหมือนกันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท