วันนี้มีโอกาสได้เห็นที่มาที่ไปของก้าวเดินแห่งการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
และโอกาสที่หยิบยื่นมาให้ในสิ่งเหล่านี้ ซึ่งที่ควรคว้าไว้หรือไม่ อย่างไร?
ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่สะท้อนหลายๆอย่างในจิตใจของผมนั้นเอง
มุมมองการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นนั้น มีส่วนช่วยให้เกิดการเล่นแง่ให้หลายด้าน ซึ่งเป็นผลดีต่อการตัดสินใจอะไรบ้างอย่างของชีวิตผมเอง(พูดแล้วก็งงเองนะครับ ^ ^)
วันหนึ่งถ้ามีคนบอกว่าท่านทั้งหลายคู่ควรที่จะได้รับสิ่งนั้น...สิ่งนี้... แล้วสิ่งใดเป็นตัวชี้วัดความไม่คู่ควร
มีคำปฏิเสธใดที่จะบอกว่า เขาผู้นั้นไม่คู่ควรบ้าง
เป็นประเด็นที่น่าปวดใจ และปวดหัวอย่างยิ่งครับ
การที่เราคัดเลือกสรรสิ่งต่างๆที่เข้ามานั้นต้องเป็นสิ่งที่ดีเลิศ แล้วเราจะประสบการณ์แต่สิ่งที่ดีเลิศ
แนวความคิดที่ดีเลิศ มันจะทำให้กระบวนการต่างๆที่ต้องการไปในทางที่ดีเลิศ
.................นั้นอาจเป็นความคิดโบราณของผมเอง...........
แต่ตอนนี้นั้น ความคิดเหล่านั้นไม่อาจเป็นจริงได้เสมอไป
ความแตกต่างเป็นสิ่งที่ถูกบรรดาลให้แก่ทุกท่าน เพราะว่า ความแตกต่างเป็นสิ่งค้ำจุลสมดุลของโลกใบนี้
ไม่มีใครสามารถต้านความแตกต่างเหล่านี้ได้(อย่างที่ทุกท่านเห็นในสงครามต่างๆ)
ดังนั้น การคัดแต่ของชิ้นดี เพื่อไปปรับปรุง แล้วคิดว่า สิ่งเหล่านั้นจะเปลี่ยนโลกนี้ได้
....ท่านน่าจะคิดผิด(รวมทั้งผมด้วย) ....
KM ถูกกำเนิด ผมว่า สิ่งที่เราตื่นเต้นกันนี้มันมีนานมาแล้วในกระบวนการต่างของคนโบราณ และสิ่งเหล่านี้นั้นเป็นสิ่งที่น่าจะเกิดจากภูมิปัญญาของ คนทั้งหลาย ที่ไม่ผูกติดกับเกียรติยศและศักดิ์ศรีใดๆทั้งสิ้น
ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่เราเห็นนั้น ใช้จะมาจากผู้ดีเสมอไป เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เข้าทำนั้นยิ่งใหญ่ต่อคนรุ่นหลังมากมายแค่ไหน
ในชีวิตเขาก็ไม่ได้ถูกยกขึ้นมาให้มีหน้ามีตาต่อสังคมมากนัก ยิ่งจะถูกกฏขี่จากระบบต่างๆในยุคนั้นไว้ เพราะ "ไม่ได้มาตรฐาน"
"ไม่ได้มาตรฐาน" คำนี้แหละครับ เป็นคำที่มีค่าคู่ควรต่อการปฏิเสธความคู่ควรของท่าน ซึ่งมันเหมือนข้ออ้างซะมากกว่า
มาตรฐานทำให้เกิดความแตกต่าง
มาตรฐานทำให้เกิดเกียรติยศ ศักดิ์และสิทธิ์
...................
ขอบคุณที่ทำให้ผมแตกต่าง
ขอบคุณที่ทำให้ผมไม่เห็นคำว่าเกียรติยศมากเกินไป
ขอบคุณที่ KM ทำลายคำว่ามาตรฐานออกไป เพราะว่าใครๆก็เป็นจุดหนึ่งของกระบวนสำคัญ และยอมรับทุกกระบวนทรรศที่น่าจะเกิดขึ้น และยอมรับความแตกต่าง
และการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ในใจท่านทั้งหลาย ผ่านทาง UKM11
ปล.ผมเขียนไม่เก่งนัก แต่มาจากใจจริงครับ ประเด็นต่างๆ อาจไม่น่าสนใจนัก แต่ผมก็อยากพูด
ถ้ามันไม่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ของท่าน ก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
เพราะว่า ผมมอง KM ว่า นี่มันอิสระทางความคิดนี่ครับ ^ ^
ครับ...เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ในความเป็นจริง ในโลกของเรา ในโลกของหน่วยงาน ในโลกของสังคม ในปัจจุบันก็ยังมีเส้นแบ่งอยู่ครับ แม้จะมี KM เริ่มจะเข้ามา เริ่มจะพูดถึงกันอย่างมากขึ้น อะไรทุกอย่างต้อง KM หมด แต่ในกรรมวิธีกลวิธี ของ KM ที่พูดๆกัน คนบ้างกลุ่มเข้าใจ คนบ้างกลุ่มไม่เข้า คนบ้างกลุ่มไม่รับรู้อะไร คนบ้างกลุ่มยังถือประโยชน์ตนเป็นที่ตั้ง ผลสำเร็จในการใช้ KM จึงต่างกัน
ผมได้ไปงานประชุมของนักเทคโนฯ เมื่อ 4-5 เดือนที่ผ่านมา มีอาจารย์ท่านหนึ่งได้พูดว่า "ผู้บริหารบางคน ในการบริหารงาน เขาจะมีธงอยู่ในใจแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็แล้วแต่ เขาก็ไม่ถือคำพูดนั้นเป็นบรรทัดฐาน เขาก็จะทำตามที่เขาคิดเสมอ ไม่ว่าจะถูกหรือผิด"