ชีวิตที่เหลืออยู่ของเด็กชายคนหนึ่ง


กำลังใจ กำลังกาย สิ่งสัมผัสทางคำพูด สิ่งสัมผัสทางการกระทำ ช่วยสร้างรอยยิ้มให้กับหัวใจดวงน้อย

 

             เด็กชายธรรมดา อนาคตที่ยาวไกล และชีวิตคงดำเนินไปเรื่อยๆ แต่แล้วชะตาก็พลิกผันให้ความสุข และอนาคตที่รออยู่หยุดชะงักลงตรงอายุเพียง 12 ปี จากเหตุการณ์ไฟช๊อตขณะเดินอยู่หน้าโรงเรียน เนื่องจากสายไฟขาด เพราะฝนตกหนักมาก เมื่อครั้งพายุเข้า โชคดีตรงที่เด็กชายยังมีชีวิตอยู่ แต่นั่นจะโชคดีจริงๆรึเปล่า เพราะมันเหมือนกับการตายทั้งเป็นทีเดียว เข้ารับการรักษตัวได้สักพัก พี่พยาบาลก็มาบอกว่า น้องอาจต้องโดนตัดขาทั้ง 2 ข้างเร็วๆนี้ เพราะเซลล์ตายหมด ถ้าไม่ตัดอาจเป็นอันตรายได้ จากนั้นไม่กี่วันน้องก็ถูกตัดขาทั้ง 2 ข้าง หลังจากตัดแล้วน้องอาการทรุดลงเล็กน้อย พี่พยาบาลก็มาบอกอีกว่า น้องหมดกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ขาก็ไม่มีแล้ว ไม่รู้ว่าอนาคตจะอยู่ยังไง นี่มันควรจะเป็นคำพูดที่ออกมาจากเด็กอายุเพียง 12 ปีหรือ สิ่งที่ทำให้น้องคิดแบบนี้เป็นเพราะสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลหรือเป็นเพราะยังปรับสภาพจิตใจไม่ได้ แล้วฉันก็เกิดความคิดว่า มันต้องมีสิ่งที่อาสาสมัครอย่างฉันน่าจะทำอะไรเพื่อน้องได้บ้าง ฉันอยากเข้าไปคุย ไปเล่นด้วย แต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต ซึ่งฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าคำพูดฉันมันจะสื่อถึงน้องหรือเปล่า แต่ความหวังดีของฉันน้องคงเข้าใจได้ ฉันกลับมาปรึกษาพี่ที่ทำงาน พี่บอกลุยเลย ลองคุยกับเจ้าหน้าที่ดูว่าเข้าได้รึเปล่า และไม่ต้องกลัวว่าจะพูดไม่ถูก หลังจากที่ได้คำปรึกษาไม่นาน ก็พอดีพี่พยาบาลอยากให้หาหนังสือมาให้น้องอ่าน เพราะน้องอยากอ่านหนังสือ แต่ฉันก็ไม่ได้เอาหนังสือไปให้น้องซะที เลยลองเอาโน๊ตบุ๊คไปให้น้องเล่นเกมส์แทน ซึ่งน้องก็ชอบ น้องเริ่มพูดด้วย ถามว่ามีเน็ตมั้ย น้องคงอยากดูสิ่งต่างๆ ทั้งความรู้ หนัง ดนตรี เนื่องจากรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลมาได้พักใหญ่แล้ว คงจะเบื่อห้องสี่เหลี่ยมแล้ว น้องดูสนุกที่ได้เล่นเกมส์ ได้ทำสิ่งที่ต่างไปจากทุกๆวันและฉันก็ได้เห็นรอยยิ้มของน้องเป็นรางวัลตอบแทน มันเป็นรอยยิ้มของการมีชีวิต และเข้าใจถึงการที่จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป

             การทำหน้าที่อาสาสมัครของฉันก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น เข้าใจในตัวตนของคำว่าอาสาสมัครอย่างชัดเจนขึ้น ซึ่งตัวน้องเองก็คงอยากมีคนคุยด้วยที่นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่พยาบาลหรือญาติๆ อยากเล่นเท่าที่จะเล่นได้  ความคิดที่น้องไม่อยากมีชีวิตอยู่คงเป็นเพราะยังต้องอยู่โรงพยาบาลรักษาตัวสักพักใหญ่ๆ และไม่ได้คุยกับใครมากนัก อาจทำให้เหงา และวิตกกังวล การที่อาสาสมัครสักคน หรือใครสักคนเดินเข้าไปคุยด้วย เล่นด้วย พูดเรื่องมีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง ให้มีรอยยิ้มติดที่มุมปากก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช้เดินไปหาเพียงเพื่อถามไถ่อาการว่าเป็นไงบ้าง ขอตรวจหน่อยนะ ไปเอ็กซเรย์กัน หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการรักษาและอาการ ซึ่งคิดว่ามันเป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจไม่น้อย

              กำลังใจที่สำคัญอีกสิ่ง ก็คือ กำลังใจจากคนในครอบครัว ซึ่งครอบครัวของน้องเป็นกำลังใจที่ดีมาก น้องคงจะลืมเรื่องการไม่อยากมีชีวิตอยู่ไปได้ และอาจจะอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อหัวเราะ เพื่อร้องไห้ เพื่อพูดคุยกับทุกๆคน เพื่อที่จะได้เล่น และได้ทำสิ่งต่างที่ยังไม่ได้ทำต่อไปอีก เมื่อได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว

 

หมายเลขบันทึก: 116392เขียนเมื่อ 2 สิงหาคม 2007 18:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท