ชื่อ นาย
แบบสรุปผลการฝึกอบรม
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">สวัสดีครับชาว Blog และลูกศิษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทุกท่าน </p><p>ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ คือ เป็นผู้จัดโครงการพัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารมืออาชีพของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้จัดโครงการพัฒนาผู้นำและผู้บริหารมืออาชีพของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ครับ ก่อนอื่น ผมขอชื่นชม วิสัยทัศน์ของผู้บริหารของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้เล็งเห็น และให้ความสำคัญในเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ขององค์กร ซึ่งสังเกตได้จากในวันพิธีเปิดโครงการได้รับเกียรติจาก ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเปิดงาน และกล่าวปาฐกถา เรื่อง วิสัยทัศน์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับการปฏิรูประบบราชการและกำหนดยุทธศาสตร์เชิงรุกสำหรับรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เข้ารับการเรียนรู้ ในโครงการนี้ ดังนั้น ผมจึงอยากให้ทั้ง 63 คนนี้ มีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ และมีทัศนคติในการแสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่อง สามารถนำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมหวังว่าทั้ง 63 ท่าน จะเป็นผู้นำ และผู้บริหารมืออาชีพ ที่สามารถขับเคลื่อนองค์กรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงสุดท้ายนี้ ผมไม่อยากให้การเรียนรู้จบแต่เพียงในห้องเรียนเท่านั้น ผมอยากให้ทุกคนเมื่อเรียนจบแล้ว มีจิตวิญญาณในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และจะเป็นผู้จุดประกายองค์กรแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ปล. ผมขอให้ Blog นี้ เป็นสื่อกลางของช่องทางในการแสดงความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันครับ </p><p> จีระ หงส์ลดารมภ์</p><p></p><p></p><p> </p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p> </p><p></p><p></p><p></p>
ผลที่เกิดขึ้นกับตนเอง
1.สามารถมองเรื่อง HR ได้ลึกขึ้น ทั้งในส่วนตัว และเพื่อนร่วมงาน
2. สามารถกำหนดเป้าหมายชี้วัดเองได้ว่า จะทำอะไรในสิ่งที่สำคัญก่อน
3. ทำให้มีทักษะทางความคิด โดยมีมุมที่กว้างไกลและหลากหลาย และต้อมีกรอบความสำเร็จของงาน (ประสิทธิภาพ)
4. ทำให้รู้จักลักษณะของผู้นำที่ดี
5. ได้กรอบความคิดในการจัดนำสังคมของการเรียนรู้
ผลที่เกิดขึ้นในองค์กร
1. นำ 7 Habits นำไปปรับใช้ในการทำงานได้มากขึ้นในทุกระดับ ทั้งผู้ร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา ทำให้ดำเนินการได้บรรลุเป้าหมาย
2. มีจริยธรรมและคุณธรรมในการปฏิบัติงานในทุก ๆ ด้าน
3. นำไปใช้พัฒนาองค์กรสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายได้
4. มีระบบการทำงานที่ดีขึ้น
5. บุคลากรมีจิตวิญญาณในการทำงาน
6. คนในองค์กรสามารถที่ใช้ความรู้ความสามารถของตนเองในการทำงานได้อย่างเต็มที่
1. แนวทางในการพัฒนาองค์กรจากการพึ่งพาผู้อื่นไปเป็นพึ่งตนเอง และเป็นการพึ่งพาซึ่งกันและกัน จะต้องให้บุคลากรในองค์กรมีแนวคิดในการสร้างอุปนิสัย 7 ประการคือ
1.Be Proactive
2. Begin with the end in mind
3. Put first things first
4.Think win win
5. Seek First to be understand and then to be understood
6.Synergie
7. Sharpen the saw
2. ประโยชน์ต่อตนเอง
- ได้ความรู้และแนวคิดต่าง ๆ ที่จะนำไปปรับใช้ในการพัฒนาตนเอง ให้สามารถพึ่งพาตนอง และซึ่งกันและกัน
- การให้ทำงานให้มีประสิทธิผลสูงขึ้น
3. ประโยชน์ต่อองค์กร
- ถ้าองค์กรมีบุคลากรในองค์กรที่มีอุปนิสัย 7 ประการนี้ องค์กรก็จะเป็นองค์กรที่พึ่งพาตนเอง และซึ่งกันและกันได้ และสามารถอยู่ได้ในสังคมปัจจุบัน
4. แนวคิดในการบริหารองค์กรโดยใช้ทฤษฎี 3 วงกลม ซึ่งประกอบด้วย Context, Competencies,Motivation จะต้องมองภาพในองค์รวม
5. ผู้นำในปัจจุบันจะต้องรู้จักโลกกว้าง ต้องมองการเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นอิทธิพลของกระแสโลกาภิวัตน์ ซึ่งถ้าเป็นเรื่องของ WTO ,FTA จะรู้จักวิเคราะห์ SWOT ในภาพรวมได้
กลุ่มที่ 1วันที่ 2 สิงหาคม 2550 คำถาม : ได้รับประโยชน์จาการบรรยาย 7 Habits อย่างไร
- ต่อบุคคล และ ต่อองค์กร ความเห็นกลุ่ม : บุคคล องค์กร อุปนิสัย 7 ประการของผู้มีประสิทธิผลสูง
- เป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิบัติได้ยาก จำเป็นต้องมีการฝึกฝน
- ให้ข้อคิดและหลักการในการพัฒนาตนองให้ประสบความสำเร็จในการอยู่ร่วมกับสังคมทุกระดับ- ก่อนที่จะสามารถนำผู้อื่นต้องสามารถนำตนเองได้ก่อน
- อุปนิสัยที่จำเป็นและมีผลสืบเนื่องจากตนเองถึงองค์กร คือการเป็นผู้ฟังที่ดีและยอมรับความแตกต่างของผู้ร่วมงาน หากองค์กรมีบุคลากรที่มีอุปนิสัยทั้ง 7 ประการ จะทำให้
- องค์กรมีบุคลากรที่มีความสามารถในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิผล
- มีแผนงานและเป้าหมายที่ชัดเจนสามารถปฏิบัติได้และมีประสิทธิภาพ
- สามารถใช้ศักยภาพที่แตกต่างให้เกิดประสิทธิผลได้เต็มที่
- องค์กรมีความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่มาจากปัจจัยภายในและภายนอกองค์กร
กลุ่ม 4
จากการศึกษาเรื่อง 7 Habits และ 4 Roles of Leadership ทำให้ทราบถึง 7 Habits คือ
1. Be Proactive
2. Begin with the End in Mind
3. Put first things first
4. Think Win- Win
5. Seek first to understanding , then to be understood
6. Synergize
7. Shapen the Saw
จาก 7 Habits ทำให้เกิด Modelling ซึ่งเป็นแนวทางให้เกิดเป็น
-Path Finding
- Empowering
- Aligningทำให้เกิดประโยชน์ส่วนบุคคล คือ
1. ใช้เป็นเครื่องมือในการปรับพฤติกรรมส่วนบุคคลเพิ่มส่วนที่ขาด
2. ตั้งเป้าหมายในการดำเนินชีวิต
3. จัดลำดับความสำคัญในการดำเนินชีวิตทำให้เกิดประโยชน์ขององค์กร คือ
1. ลดความขัดแย้งในการทำงานภายในองค์กร
2. รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
3. ประสานความต่างให้ได้ประโยชน์ร่วมกันเรื่อง HR for Non HRสามารถใช้กำหนดวิธีการเพื่อพัฒนาองค์กร
ซึ่งจากการวิเคราะห์ ทั้ง 3 วงกลมทำให้ทราบถึงศักยภาพในการพัฒนาองค์กรประโยชน์ส่วนบุคคล ใช้วิเคราะห์ตนเองในการนำไปพัฒนาการดำเนินชีวิตประโยชน์ขององค์กร ใช้วิเคราะห์องค์กร เพื่อพัฒนาองค์กรสู่เป้าหมายที่ต้องการ
ความคิดเห็นของกลุ่มที่ 5
สิ่งที่ได้จากเวทีเรียนรู้ ในวันที่ 3 สิงหาคม 2550
ประโยชน์ต่อตนเอง
1. ได้เรียนรู้ในเรื่องของ Effective Communication and Team Building
2.ได้เรียนรู้ถึงเทคนิค วิการในการสื่อสารและการสร้างและบริหารทีมงาน เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงานของตนเอง เพื่อนร่วมงานและเกษตรกร
3.ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ระหว่างวิทยากรและผู้เรียน เพื่อนำไปปรับใช้จริงในการทำงาน
ประโยชน์ต่อองค์กร
1.องค์กรได้บุคลากรที่มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของ Effective Communication and Team Building
2.องค์กรสามารถพัฒนาเทคนิคการสื่อสาร รวมถึงการสร้างและบริหารทีมงานให้องค์กรมีการดำเนินงานที่เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ในวันที่ 3 สิงหาคม 2550
ประโยชน์ต่อตนเอง
· ได้เรียนรู้ในเรื่อง Effective Communication และ Team Building
· ได้เรียนรู้ถึง เทคนิค วิธีการในการสื่อสารและการสร้างและบริหารทีม เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงานของตนเอง เพื่อนร่วมงานและเกษตรกร
· ได้มีการแลกเปลี่ยน เรื่อง Share ประสบการณ์ระหว่างวิทยากรและเพื่อน เพื่อปรับใช้กับประโยชน์ในการทำงานจริง
ประโยชน์ต่อองค์กร
1.องค์กรได้บุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของ Effective Communication และ Team Building
2. องค์กรสามารถพัฒนาเทคนิคการสื่อสาร รวมถึงการสร้าง และบริหารทีมงานให้องค์กรมีการดำเนินงานที่เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น
กลุ่มที่ 6
ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนรู้ในวันที่ 3 สิงหาคม 2550
1. ได้ความรู้วิธีการและเทคนิคการสื่อสารในหลายรูปแบบ
2. เรียนรู้ลักษณะองค์ประกอบที่สำคัญของผู้นำ คือ มีคุณภาพ เน้นลูกค้า กระบวนการ และมีความมุ่งมั่น
ประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการเรียนรู้ 1. สามารถนำความรู้เรื่องวิธีการและเทคนิคในการสื่อสารไปปรับใช้ในการดำเนินงาน การประสานงาน และการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลในองค์กรและนอกองค์กรให้เหมาะสมกับลักษณะงานและเป้าหมาย
2. ภาพลักษณ์ขององค์กร และผลงานเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
1.การคิดสร้างสรรค์ทางบวกด้วยเทคนิค Cresitive-Thinking
1.1 ต่อตนเอง
ได้เข้าใจแนวคิด การคิดออกนอกกรอบ จะทำให้เราพบความรู้ใหม่ การคิดในแง่บวก ทำให้เรามองเห็นสิ่งที่ดีมากขึ้น มองเพื่อนร่วมงานดีขึ้น และกล้าทำในสิ่งที่ดี
1.2 ต่อองค์กร
การนำเอาความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการทำงานกับองค์กร จะทำให้บรรยากาศในการทำงานดีขึ้น
2. บทบาทของข้าราชการในยุคโลกาภิวัตน์
2.1 ต่อตนเอง
เข้าใจบทบาทภาระกิจของข้าราชการ จะต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกและปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง มีจิตสำนึกในการบริการประชาชน เป็นกลางทางการเมือง ทำเงินเชิงรุก มีวิสัยทัศน์
2.2 ต่อองค์กร
มักจะนำเอาความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่ในองค์กรได้ เช่น บทบาท ภาระกิจของข้าราชการ เพื่อทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพในการทำงาน ทำงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ มีความตื่นตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
1.ฝนตกลงมาน้ำไหลเป็นทา
2.ให้คิดแบบใหม หาทางใหม่ ๆ หลีกเลี่ยงรูปแบบเดิม
3.ให้ระวัง หลุมพรางความฉลาด
4.หลักปลอดภัย อิสระ
5. กล้าบุญ กลัวบาป
6. 95% 5% คนชอบมอง
7.เป็นตัวของตัวเอง
8. ให้คิดไปในทางบวกตลอด
9.เปลี่ยนความคิดตัวเองได้ ชีวิตก็เปลี่ยน
1.ข้าราชการปั้จจุบันจะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลง
2.ยึดหลักการกระจาย
3.ในระบบประชาธิปไตยจะต้องมีดุลอำนาจ
4.รู้จักการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และวางแผนระยะยาว มองการไกล
5. เทคโลโลยีสมัยใหม่ทำให้สังคม
6. ข้าราชการพึ่งประสงค์
7. เราจะต้องเป็นผู้นำและผู้จัดการ
8. KM การจัดการความรู้
อะไรคือความรู้ที่เราต้องการ
การแสวงหาความรู้
การกระจายความรู้
การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
อ.รัศมี
การได้สร้างสรรค์ทางบวก
1.ฝนตกลงมาน้ำไหลเป็นทาง
2.ให้คิดสิ่งใหม่ ๆ
3.ให้ระวังหลุมพรางความฉลาด
4.ยึดหลักความปลอดภัยและเป็นอิสระส่วนตัว
5. กล้าบุญและกลัวบาป
6. ให้มองที่ 95% มากกว่า 5%
7. เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด และคิดไปในทางบวก
8. ถ้าเปลี่ยนความคิดตัวเองได้ ชีวิตก็เปลี่ยน
อ.สถิตย์ บทบาทของข้าราชการไทยในยุคโลกาภิวัตน์
1.ผู้นำต้องมีการเปลี่ยนแปลง
2.การกระจายอำนาจให้ผู้น้อย
3.การคานอำนาจ และดุลอำนาจ
4. อย่าคิดแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้คิดให้ยาวไกล
5.ผู้นำต้องรู้เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
6,เราจะต้องเป็นทั้งผู้นำและผู้จัดการ
7.ผลสัมฤทธิ์จะต้องประกอบด้วย Out put Out come Impact
8.การนำความรู้ที่เก็บซ่อนไว้ออกมา กระจายให้ผู้อื่นได้รู้ด้วย
อ.รัศมี หลักสูตรการคิดสร้างสรรค์ทางบวกด้วยเทคนิค
1.ฝนตกลงมาน้ำไหลเป็นทาง
2.ได้คิดแบบใหม่ หาทางใหม่ ๆ หลีกเลี่ยงรูปแบบเดิม ๆ
3. ให้ระวังการตกหลุมพรางความฉลาด
4.ยึดหลักความปลอดภัย ความอิสระ
5.กล้าบุญกลัวบาป
6.ให้มอง 95% แต่คนไม่มอง 5%
7.เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด
8.ให้คิดในทางบวกตลอด
9.ถ้าเปลี่ยนความคิดตนเองได้ชีวิตก็เปลี่ยน
อ.สถิตย์ ลิ่มพงษ์พันธุ์ หลักสูตรบทบาทของข้าราชการในยุคโลกาภิวัตน์
1.ข้าราชการยุคปัจจุบันจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงตลอด
2.ยึดหลักการกระจายความรู้ อำนาจ
3.ในระบบประชาธิปไตยจะต้องมีการคาดอำนาจ
4.รู้จักการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการมองการไกล
5.เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลง
6. เราจะต้องเป็นทั้งผู้นำและผู้จัดการ
7.การบริหารระบบราชการ ต้องมีหลักคุณธรรม หลักสมรรถนะ หลักผลงานและหลักกระจายอำนาจ
8.กลุ่มบริหารควรจะต้องมีสมรรถนะ ดังนี้ มีวิสัยทัศน์ การวางกลยุทธ์ภาครัฐ ศักยภาพเพื่อนำการปรับเปลี่ยนการควบคุมตนเอง และการให้อำนาจแก่ผู้อื่น
9.ผลสัมฤทธิ์ประกอบด้วย Output Outcome and Impact
วิชา บทบาทของข้าราชการในยุคโลกิวัตน์
ประโยชน์ที่ได้รับต่อตนเอง
1.ทราบว่าข้าราชการที่พึงประสงค์นั้นจะต้องเป็นมืออาชีพ มีความรู้ ความสามารถ และเป็นคนดีมีคุณธรรม มีวิสัยทัศน์ที่ดี ทำงานในเชิงรุก ไม่ใช่รอคอยแต่คำสั่งเท่านั้น
2. การทำงานต้องมีการประเมินผลตามตัวชี้วัด (KPI) ที่วางไว้ ดังนั้นเราควรทำงานอย่างมีสมรรถนะด้วย
3. ทราบว่าในอนาคตอันใกล้นี้ในระบบราชการจมการเลิกใช้ระบบซี แต่จะไปใช้ระบบแท่งแทน โดยจะมี 4 กลุ่มงาน คือ
- กลุ่มบริหาร
- กลุ่มอำนวยการ
- กลุ่มวิชาการ
- กลุ่มทั่วไป
4. เราควรบริการแก่ประชาชนให้ดีขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากเป็นสิ่งที่สำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ และเป็นสิ่งที่ข้าราชการไทยควรทำเป็นอย่างยิ่ง
ประโยชน์ต่อองค์กร
1. หากข้าราชการมีความประพฤติดีเป็นมืออาชีพ มีคุณธรรมก็จะส่งผลให้องค์กรเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป
2. หากองค์กรสามารถกำหนดตัวชี้วัด (KPI) ที่มีความเหมาะสมในแต่ละเรื่องแล้วจะส่งผลให้ผลงานที่ได้นั้น มีความเป็นไปได้สูง องค์กรก็จะมีการพัฒนาที่ดีขึ้น
3. หากองค์กรมีการจัดสรรบุคลากรได้เหมาะสมกับหน้าที่การงานของข้าราชการแต่ละคนแล้วจะทำให้ข้าราชการมีกำลังใจในการทำงาน และจะส่งผลให้องค์กรมีการพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ
4.หากองค์กรใดมีข้าราชการที่ให้บริการที่ดี ก็จะส่งผลให้องค์กรเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป
วิชา การคิดสร้างสรรค์ทางบวกด้านเทคนิคประโยชน์ที่ได้รับ
ประโยชน์ต่อตนเอง
1. ทราบว่าสมองมีการทำงานในลักษณะ ฝนตกลงมาน้ำไหลเป็นทาง กล่าวคือคนเรามักทำอะไรในลักษณะซ้ำ ๆ ไม่ยอมเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ เท่าที่ควร แต่มนุษย์ก็สามารถฝึกสมองให้คิดในทางบวกได้ ไม่จำเป็นต้องคิดในทางลบเสมอไป
2.มองโลกในแง่ดีไว้ก่อน อย่าคอยแต่จับผิดผู้อืน เวลาจะพูดอะไรกับใครควรให้เกียรติผู้พูด และควรตั้งใจฟังด้วยความสนใจ
3. คนเราเกิดมาอย่าตกหลุมพรางความฉลาด เพราะหาเป็นเช่นนั้น สมองจะไม่คิดทำอะไรใหม่ ๆ ในเชิงสร้างสรรค์
ประโยชน์ต่อองค์กร
1. ผู้นำขององค์กรที่สูงสุดสามารถปรับเปลี่ยนวิธีคิดแบบใหม่ ๆ ได้อยู่เสมอๆ ทำให้องค์กรมีการพัฒนาไปในทางดีทีดีขึ้น
2. ในการประชุมแต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด หากทุกคนมีการแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ และทุกคนเปิดใจยอมรับในสิ่งใหม่ ๆ ก็จะทำให้องค์กรมีการพัฒนาทีดีข่น
3.หากผู้นำในองค์กรไม่ฉลาดแบบเอาเปรียบผู้อื่นก็จะทำให้ทีมงานหรือผู้ร่วมงานก็จะทุ่มเททำงานให้กับองค์กรอย่างเต็มประสิทธิภาพส่งผลให้องค์กรมีการพัฒนาที่ดีขึ้น
6 สิงหาคม 2550
- การคิดสร้างสรรค์ทางบวกด้วยเทคนิค Cresitive Thinking
- บทบาทของข้าราชการในยุคโลกาภิวัตน์
ประโยชน์ต่อตนเอง
1. ทำให้ได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการคิดในทางสร้างสรรค์ การมองโลกในแง่ดี การรู้จักคิด วิเคราะห์ หาแนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
2. ได้รับทราบวิธีการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนร่วมห้อง
3.ได้นำความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการปฏิบัติงานประจำวันได้
4.ได้รับความรู้เกี่ยวกับบทบาทของข้าราชการที่เหมาะสมในยุคโลกาภิวัตน์
5.นำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่และพัฒนาเพื่อนร่วมงาน
ประโยชน์ต่อองค์กร
1.องค์กรจะได้รับประโยชน์จากการนำเอาความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบะติตนภายในองค์กร
2.จะนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาและปรับปรุงการปฏิบัติขององค์กรให้มีประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์สุงของประชาชน
แบบสรุปผลการฝึกอบรม
แบบสรุปผลการฝึกอบรม
หลักสูตรพัฒนาภาวะผู้นำและเตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้บริหารมืออาชีพ
ชื่อ นาย ประเวศน์….ศิริศิลป์ …… เลขที่ 33 กลุ่มที่ 4 นายช่างชลประทาน 7 กรมชลประทาน
แบบสรุปผลการฝึกอบรม
หลักสูตรพัฒนาภาวะผู้นำและเตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้บริหารมืออาชีพ
ชื่อ นาย ประเวศน์….ศิริศิลป์ …… เลขที่ 33 กลุ่มที่ 4 นายช่างชลประทาน 7 กรมชลประทาน
ในวันนี้(7 สค.50) ได้ร่วมเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการประชุม การพูดต่อหน้าสาธารณชน กลยุทธ์การคิดแบบผู้บริหารยุคใหม่ การบริหารความขัดแย้งและการตัดสินใจ
ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับในวันนี้นับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปฏิบัติงานของข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ เป็นแนวคิดใหม่ที่จะทำให้การทำงานในสภาวะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งสามารถดำเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล ในสภาพการทำงานในปัจจุบัน ความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นที่พอใจของผู้รับบริการนับเป็นสิ่งที่ข้าราชการในยุคนี้และในอนาคตต้องพิจารณาและคำนึงถึงเป็นอย่างยิ่ง การได้รับความรู้เพิ่มเติม ได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ อย่างนี้ จะส่งผลให้เกิดการปรับต้ว เปลี่ยนแปลงตนเอง พ้ฒนาตนเองให้ดีขึ้น กระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น และผลที่จะกระทบต่อองค์กรก็คือ จะทำให้องค์กรได้บุคลากรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่แน่นอนทีสุดก็คือ การที่จะได้นำความรู้และประสบการณ์นี้ไปเผยแพร่ให้กับบุคลากรในองค์กร ให้ได้ร้บความรู้นี้ไปใช้ในการปรับตนเพื่อพัฒนาผลงานขององค์กรต่อไป รวมทั้งเป็นการต่อยอดการเรียนรู้ให้เพิ่มมากขึ้น มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ให้เกิดเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้นต่อไป
ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์จีระ อาจารย์ท่านอื่น ๆ และน้อง ๆ เจ้าหน้าที่ที่น่ารักทุกท่านที่ได้กรุณาให้ความรู้ และให้การต้อนรับเป็นอย่างดียิ่ง
ขอบพระคุณครับ
สรศักดิ์
9 สิงหาคม 2550
วันนี้ได้เดินทางไปเพื่อศึกษาดูงานกิจการปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ โดยเฉพาะหน่อไม้ฝรั่ง ที่จังหวัดสระแก้ว การเดินทางไปครั้งนี้แม้จะเหนื่อยและใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน แต่สิ่งที่ได้ก็คุ้มค่า ได้พบเห็นและรับทราบองค์ความรู้ ประสบการณ์ต่าง ๆ จากพื้นที่จริงและเห็นสภาพจริง ที่เป็นรูปธรรม สิ่งที่ได้ในวันนี้เป็นการจุดประกายแนวคิดในการประกอบอาชีพเกษตรแนวทางใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมในภาวะปัจจุบัน เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคส่วนใหญ่ ที่นับวันจะคำนึงถึงสุขภาพของตนเอง ซึ่งหากได้นำความรู้ไปเผยแพร่ให้สามารถเป็นที่รับรู้กันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้นก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเกษตรกรทั่วไป ซึ่งแน่นอนการนำไปเผยแพร่และถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ เป็นกระบวนการที่นักพัฒนาทรัพยากรฯ นำไปใช้ในการปฏิบัติงานเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังได้เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันอย่างแพร่หลายอีกด้วย
การปฏิบัติงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควรจะนำแนวทางต่าง ๆ ไปศึกษาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือและนำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป
ในการเดินทางไปครั้งนี้ ได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ น้อง ๆ ที่คอยดูแล เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือ ท่านอาจารย์จีระ ได้ร่วมเดินทางไปด้วยนับเป็นขวัญกำลังใจที่ได้รับ และเกิดความปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง
ขอบคุณครับ
สรศักดิ์
กลุ่ม 4
การศึกษาดูงาน พื้นที่ปลูกหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์ จ.สระแก้ว วันที่ 9 ส.ค. 50
จากปัญหาความยากจนของเกษตรกร อันสืบเนื่องมาจากสาเหตุต่าง ๆ หลายประการ เช่น
1. การถือครองที่ดิน / แปลงเล็ก เช่า ผลผลิตน้อย
2. การเข้าถึงตลาด / เข้าไม่ถึงตลาด พ่อค้าคนกลาง
3. ห่วงโซ่อุปทานที่ไม่มีประสิทธิภาพ (Supply Chain)
การแลกเปลี่ยนสินค้ามีหลายขั้นตอน กว่าจะเข้าถึงผู้บริโภค ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในแต่ละตอน
ทำให้เกิดการรวมตัวและรวมกลุ่มกันระหว่างเกษตรกร ในการผลิตสินค้าเกษตรภายใต้ความร่วมมือของผู้ประกอบการ และความสนับสนุนจากนักวิชาการ เกิดแนวคิดในการทำการเกษตรในลักษณะของการร่วมกลุ่ม และเอื้ออาทรต่อกัน โดยเกษตรกรอยู่ได้และผู้ประกอบการก็อยู่ได้ เป็นลักษณะของความร่วมมือกันแบบหุ้นส่วน เกษตรกรขายสินค้าได้ราคา บริษัทหรือผู้ประกอบการได้วัตถุดิบหรือสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ โดยการปลูกพืชแบบเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ ได้มาตรฐานสากล มีการตกลงทำการเกษตรแบบมีสัญญาซื้อขาย ระหว่างเกษตรกรและผู้ประกอบการ ซึ่งส่งผลให้เกิดผลดีหลายประการ
1. การทำเกษตรแบบมีสัญญาซื้อขายช่วยให้หลุดพ้นภาวะและวงจรของความยากจนได้
2.มีการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อให้ได้ปริมาณผลผลิตเพียงพอที่จะขนส่งได้คุ้มค่า
3. มีการวางแผนการปลูกให้ได้ผลผลิตต่อเนื่อง เพื่อที่จะส่งมอบให้ผู้ซื้อได้อย่างสม่ำเสมอ
4. มีการทำการเกษตรที่เป็นไปตามระบบการเกษตรที่ดีและเหมาะสม (GAP) เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปลอดภัย
5. ผลผลิตที่มีคุณภาพปริมาณพอเพียงและส่งมอบได้อย่างต่อเนื่อง สามารถลดอัตราสูญเสียและลดต้นทุนการผลิตลง ทำให้ผู้ซื้อสามารถให้ราคาซื้อที่สูงขึ้นได้
6. เกษตรกรสามารถสู้ราคาขายได้ก่อนปลูก และถ้าได้ราคาไม่ดีพอ ก็ปฏิเสธการเข้าทำสัญญาได้
7.การต่อรองราคาในการเข้าทำสัญญาทำให้กลุ่มเกษตรกรสามารถขายได้ราคาสูงขึ้นได้จากการขายส่งตลาดตามปกติ
8. มีตลาดพร้อมที่จะรับผลผลิต
ทั้งนี้ การรวมกลุ่มกันดังกล่าวจะต้องมีความซื่อสัตย์ เอื้ออาทรต่อกัน ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน มีการพูดคุยตกลงกัน
...ถึงบ้านหรือยัง ?...
...เป็นอย่างไรกันบ้าง...เพื่อนผู้นำที่เตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นผู้บริหาร คงกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้วนะคะ...เริ่มได้ประมวลความรู้ที่ได้รับเตรียมนำเสนอผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานแล้วหรือยัง...พวกเราได้รับความรู้เยอะแยะมากจากเวทีเรียนรู้ของสถาบันเกษตราธิการที่มีท่าน ผอ.บุษบาเป็นโต้โผใหญ่...ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แห่งประเทศไทย...ได้รับความรู้ที่หลากหลาย..สด..ทันสมัยและประกาย..พลังจากท่านอาจารย์ ดร.จีระ พร้อมทีมงาน Chiraacademy...ขอขอบคุณน้อง ๆ ทีมงานที่น่ารักทุกคนค่ะ.......
...โชคดีทุกท่านนะคะ
ถึงพี่น้องผู้ยริหารมืออาชีพชาว กษ
ผมใช้ [email protected] แทน [email protected] นะครับ
ถึง....เครือข่ายชาว กษ.
ถึงที่พักเรียบร้อยแล้วนะค่ะ สิ่งแรกที่จะบอกก็คือ คิดถึงเพื่อน ๆ ทุกคน และทีมงาน academy ที่น่ารักมาก ๆ แต่ที่สำคัญเพื่อน ๆ ลืมทำการบ้านของอ.จิระ หรือยัง เพราะเราหาข้อมูลไม่ได้ง่าย ๆ เลย ใครหาได้แล้วช่วยบอกต่อ ๆ ด้วยนะ อันที่จริงเราเข้า blog ตั้งแต่วันจันทร์ ตั้งหลายครั้ง แต่ทำยังไง มันก็ไม่ได้ ก็เลยทนไม่ไหว โทร.ถามน้องเอ ปรากฏว่า เวบมีปัญหานิดหน่อย เผื่อเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ มีปัญหาเหมือนเรา แล้วถ้ามีเวลาขอให้เพื่อน ๆ อย่าลืมส่งข่าวถึงกันบ้างนะ
ขอบคุณค่ะ..
ตุ๊ก : พด.(กรมพัฒนาที่ดิน)
สวัสดีค่ะ อาจารย์&ทีมงาน academy และ พี่ ๆ เพื่อน ๆ & น้อง ๆ ร่วมรุ่น 1 ทุกท่าน
เราทั้งหลายคงได้เข้าสู่ที่ทำงานและดำเนินชีวิตตามปกติ เรียบร้อยทุกท่าน ซึ่งไม่เป็นไปตาม "ฝนตกลงมา น้ำไหลเป็นทาง" เพราะอย่างน้อยทุกคนได้รับทั้งพลังความรู้ พลังกาย และพลังใจ ที่อาจารย์ทุกท่านได้มอบให้ตลอดระยะเวลา 10 วันที่ผ่านมา เป็นดั่งแสงสว่างนำทางให้มุ่งสู่เป้าหมายของชีวิตดีงาม รวมทั้งบ่มเพาะให้เราคิด พูด และทำในสิ่งที่ถูกต้องและดีงามตลอดไป ต้องขอบพระคุณเป็นอย่างสูงคะ
ในขณะนี้ได้เริ่มต้นกับการเป็นคุณลิขิตชีวิตเราก่อน โดยการจัดการกับงานประจำที่สำคัญที่สุดให้เรียบร้อยก่อนก่อน แล้วจึงได้มาสู่งานใฝ่รู้ที่สำคัญรองลงมา นั่นคือการบ้านที่อาจารย์จีระ มอบหมายให้ทำส่งภายใน 2 สัปดาห์ ที่ต้องพยายามดำเนินการให้แล้วเสร็จต่อไปคะ แต่ขอบอกว่าหาทางเข้าสู่ระบบยากจังเลย สมัครแล้วก็ยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้สำเร็จคะ
ขอให้ทุก ๆ ท่านโชคดี&ประสบความสำเร็จ มีความสุขและสนุกในชีวิตและการทำงาน นะคะ
ขอบคุณค่ะ
เอ๋ : กรมส่งเสริมการเกษตร
กราบเรียน ศ.ดร.จีระ ที่เคารพ และเพื่อนผองน้องพี่ที่รักทุกท่าน
ผมได้กลับมาอยู่กับครอบครัวแล้ว ด้วยความอบอุ่นเป็นที่สุด แต่งานก็มีมากขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งผมกำลังคิดหาวิธีการให้สมาชิกสหกรณ์ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นมาในอดีต โดยจะใช้ความรู้ต่าง ๆ ที่ได้รับมาจากการเรียนรู้ร่วมกัน มาประยุกต์ใช้ต่อไป แต่ในอีก 2-3 วันข้างหน้านี้ อย่าลีม ?? ไปใช้สิทธิของทุกท่านนะครับ (19 สิงหาคม 2550) รับ หรือ ไม่รับ เป็นสิทธิอันชอบธรรมของทุกคน
คิดถึงทุก ๆ คน
กวิน
...ทำ Assingment...กันหรือยัง?
ท่านผู้นำ (มืออาชีพ) ค้นหาข้อมูลและ Search กันบ้างหรือยัง IC ของ Stewart มีเยอะมากจริง ๆ ใครมีข้อมูลนำมาแลกเปลี่ยนกันอ่านบ้างนะคะ...ก่อนที่จะสังเคราะห์ วิเคราะห์ส่งอาจารย์ อาจารย์ ดร.จีระ ท่านให้กำลังใจพวกเราโดยจะเริ่ม ทำ Phase 2 ต่อแล้ว พวกเราสู้ ๆนะคะ แม้ว่ากลับไปทำงานแล้ว ยังเจอฝนตกลงมา...น้ำไหลเป็นทาง(ช่วงนี้ยิ่งหน้าฝนซะด้วย)น้ำหลากเลยหละ ยิ่งใกล้หมดปีงบประมาณด้วย...ยังไงก้อ..มองจุด 95 % เข้าไว้ค่ะ...
ระลึกถึงทุกท่านค่ะ
แดง : ลำพูน
ถึงเพื่อนๆ พี่น้องผู้นำทุกท่าน พอมีเวลา search ได้ข้อมูลมาบ้าง แต่ยังไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเลือกชุดไหน ถ้าคืบหน้าจะส่งข่าวมา คิดถึงทุกคน ขอให้มีความสุข กับคนที่รัก
เวศน์ ชลประทาน
อ.จีระ บอกให้มีความloveต่อทุกคนก่อนเสมอแล้วpositive thinking จะเกิดขึ้นตามมา ทำให้มีความคิดมากมายไม่รู้จบสามารถดำเนินการอะไรก็สำเร็จ
ถึงพี่น้องทุกท่าน
ผมทำรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบถึงผลการอบรมดังนี้ครับ
รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนาภาวะผู้นำและเตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้บริหารมืออาชีพระหว่างวันที่ 1-11 สิงหาคม 2550วัตถุประสงค์ของโครงการ1.เพื่อให้ข้าราชการระดับ7 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถมองภาพใหญ่ของทรัพยากรมนุษย์ ว่าไม่ใช่ต้นทุน แต่เป็นกำไร2.สร้างสังคมการเรียนรู้ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์3.มีการทำ Workshop เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน4.ให้มีการนำเอาแนวคิดที่ได้จากการอบรมไปประยุกต์กับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของหน่วยงานเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและวัดผลได้กรอบความคิดในการเรียนรู้ 1.การเรียนที่มีการโต้ตอบ แลกเปลี่ยนข้อมูลซักถามตลอดเวลา 2. การเรียนที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีบรรยากาศของการหาความรู้ได้ตลอดเวลา 3. การเรียนที่มีการพูดคุยและยอมรับกันด้วยเหตุผล 4.การเรียนที่เป็นสั่งคมของการเรียนรู้ โดยมีกลุ่มมีทีมที่ช่วยเหลือกันเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเนื้อหาของการอบรม1. หัวข้อที่ใช้เพื่อปรับลักษณะนิสัยและการเป็นต้นแบบของผู้นำที่เป็นมืออาชีพHR for Non-HR, 7Habits and 4 Roles of Leadership, เทคนิคการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ, การสร้างและบริหารทีมงานเพื่อผลงานที่เป็นเลิศ และการจัดการความรู้2. หัวข้อที่ใช้ในการปรับเปลี่ยนมุมมองและแนวความคิดในการบริหารงานนวัตกรรมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปรับใช้กับความพอเพียงระดับองค์กร, การคิดสร้างสรรค์ทางบวกด้วยเทคนิค Cresitive Thinking, บทบาทของข้าราชการยุคโลกาภิวัตน์, บทบาทของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับงานวิจัยที่สร้างคุณค่า, คิดอย่างผู้นำ (การใช้หลัก 8 H: Heritage, Head, Hand, Heart, Health, Home, Happiness และ Harmony เป็นปรัชญาในการทำงาน), บทบาทของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสังคม การเมือง และโลกาภิวัตน์ การบริหารโครงการและความเสี่ยง และ ทุนทางปัญญา ทางรอดของสังคมไทยยุคไร้พรมแดน3. หัวข้อที่ใช้ในการปรับปรุงการนำเสนอแนวความคิดต่อสาธารณชนและบุคลิกภาพของผู้บริหารมืออาชีพการประชุมและการนำเสนอแบบมีประสิทธิภาพ, เทคนิคการพูดต่อหน้าสาธารณชน, กลยุทธ์การคิดแบบผู้บริหารยุคใหม่, การบริการความขัดแย้งและการตัดสินใจ, การสร้างความมั่นใจสู่บุคลิกภาพของนักบริหาร และ บุคลิกภาพของผู้นำมืออาชีพ สิ่งที่ได้จากการอบรม แนวทางในการชักนำให้การทำงานภายในหน่วยงานมีค่านิยมในการทำงานเป็นทีมที่มีแนวความคิดเชิงบวก บนพื้นฐานของความมีเหตุผล ความพอประมาณ และป้องกันความเสียหาย อันประกอบด้วยความรู้และคุณธรรม เพื่อรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของโลก กิจกรรมต่อเนื่อง ผู้เข้ารับการอบรมต้องทำการบ้าน ในหัวข้อ Intellectual Capital ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และส่งให้ผู้จัดการอบรมอย่างต่อเนื่อง
ถึงเพื่อนพี่น้องผู้นำทุกท่าน
เก็บมาฝาก บาบาร่า เดอแอนเจอรีส นักเขียนชาวอเมริกัน กล่าวไว้ว่า“No one is in control of your happiness but you;
therefore, you have the power to change anything about yourself or your life
…that you want to change.”
praves kromchol
สวัสดีค่ะพี่ ๆ ทุกคน
หวังว่าพี่ ๆ สบายดีนะคะ ดีใจที่พี่ ๆ ยังไม่ลืมเข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ ส่งข่าวคราวถึงกันที่นี่ พวกเราทีมงาน Chira Academy ทุกคนคิดถึงนะคะ และแจ้งข่าวดีว่าทำเนียบรุ่นเสร็จแล้วคาดว่าจะจัดส่งให้ถึงมือพี่ ๆ ทุกคนทางไปรษณีย์ประมาณอาทิตย์หน้านะคะ
หมายเหตุ อาจารย์จีระ ยังติดตามความเคลื่อนไหวของพี่ ๆ ทุกคนที่นี่เสมอค่ะ
ทีมงาน Chira Academy
กราบเรียนอาจารย์จีระที่เคารพ และเพื่อนร่วมรุ่นทุกคน
คิดถึงเพื่อน ๆ ทุกคน ครับ ไม่ทราบว่า ท่านประธานที่เคารพ (คุณวนิดา) ใช้หมายเลขโทรศัพท์ 081 - 8434446 ใช่หรือไม่ รวมถึงคุณอ๋อย แห่ง กรมชลประทาน 089-9227034 ใช่หรือไม่ เนื่องจากติดต่อไปแล้ว ผล ไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่น หากได้ทำเนียบรุ่นแล้ว คงได้มีโอกาสติดต่อกัน นะครับ
คิดถึงทุกคน
กวิน
...Individual Homework...
สวัสดีค่ะ...เพื่อน ๆ ผู้นำของกระทรวงเกษตรฯรุ่นที่ 1 ส่งการบ้านกันหรือยัง น่าจะ...ไม่นะ เพราะไม่เห็นมีข้อมูลใน Blog เลย อย่าทำให้ท่านอาจารย์ ดร.จีระและทีมงาน และท่าน ผอ.บุษบาผิดหวังนะคะ ขอย้ำการบ้านอีกครั้งนะคะ
1). Search ใน Internet อ่านบทความเกี่ยวกับ IC ของ Stewart เปรียบเทียบ กับ 8K และ 8Hของคุณหญิงทิพาวดี
2).จะสร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC ในกระทรวงเกษตรฯได้อย่างไร? ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม
ขณะนี้กำลังอ่าน...รวบรวม เรียบเรียง..วิเคราะห์และสังเคราะห์อยู่ค่ะ Search ใน Web Googleหรือ Amazon.com ก็ได้ค่ะ ...ขอย้ำอย่าให้ท่านอาจารย์ผิดหวังนะคะ....
ระลึกถึงเสมอค่ะ
ประหยัด : ลำพูน
ถึง พี่ ๆ เพื่อน ๆ และน้อง ๆ ร่วมสำนักทุกคน เพิ่งมีโอกาสได้อ่านข่าวของทุก ๆ คน รู้สึกว่าจะคร่ำเคร่งกับการหาข้อมูลทำการบ้านกันใหญ่ ตัวเองยังไม่มีโอกาสเลยเพราะจะต้องเดินสายอยู่คิดว่ากว่าจะว่างก็คงเป็นกลางเดือนไปแล้ว คิดถึงทุก ๆ คน และเป็นห่วงคุณธนาชัย ว่าเป็นอย่างไรบ้างเอาใจคนที่บ้านสำเร็จหรือเปล่า ยังไงก็ส่งข่าวด้วย สำหรับทุก ๆ คน ไม่ว่าจะกำลังทำอะไรอยู่ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการทำการบ้านนะจ๊ะ ส่วนข้อมูลเรื่องการบ้านถ้ามีก็ส่งมาให้เน้อ
ตุลญา พ.ด.
ทุนทางมนุษย์ (Human Capital) พูดเกี่ยวกับความรู้ ความสามารถในการเรียนรู้เชาว์ปัญญา และอื่นๆที่รวมเรียกว่า Talent, Competencies and Performance ของบุคลากร ซึ่งทั้งหมดเป็นทรัพยากรบุคล(HR)ในองค์กร ต้องลงทุน/ต้องคิดว่าเป็นต้นทุนและต้องรักษาคนเหล่านี้ไว้ เพื่อสร้างเทคโนโลยี นวัตกรรมที่ขายได้เป็นสินค้าขององค์กร นอกจากนี้ยังรวมถึงสิทธิบัตรทางปัญญาที่เกิดขึ้นจากองค์กร (ข้อนี้รู้สึกว่า ถ้าเราละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาเขามากๆ เขาอาจจะเอาเราคืนเหมือนปี 2540 อีกหรือเปล่า555)
ทุนทางโครงสร้างองค์กร(Structural Capital)เป็นเรื่อง Non-HR พูดเกี่ยวกับ Knowhowในการบริหารจัดการองค์กรให้มีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องใช้เครื่องมือบริหารจัดการ ต้องใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสารเทศ เครื่องมือสำนักงาน ล้วนแต่ต้องลงทุนทั้งสิ้นเช่นกัน ทั้งหมดทั้งปวงก็เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่องค์กร ทุนทางลูกค้า/การปฏิสัมพันธ์ (Customer/ Relational Capital)พูดเกี่ยวกับการสร้างสรร จรรโลงและดำรงไว้ด้วยการมีปฏิบัติสัมพันธ์ที่ดี และการบริหารจัดการความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง แม้แต่คู่แข่งก็ตาม ด้วยการมีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันทุกภาคส่วน เป็นเรื่องการสร้างแบรนด์ ความเชื่อถือด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี (น่าจะต้องมีเรื่องคุณธรรม/ จริยธรรมและธรรมาภิบาลรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน, มีGive&Take ไม่ตีหัวเข้าบ้าน กำไรน้อยๆ ขายได้มากๆ ค้าขายกันนาน) IC จึงมีค่ายิ่งกว่าเงินและสินทรัพย์ด้านวัตถุ ธุรกิจที่ต้องการความยั่งยืนในยุคเศรษฐกิจใหม่ จึงได้ให้ความสำคัญอย่างมาก ตัวอย่างที่เห็นได้ในประเทศญี่ปุ่น 2. ในภาคส่วนการเกษตรประเทศไทย (กลับมาประเมินศักยภาพตนเอง)คำถาม ถามว่า เราจะวิธีการอย่างไร ในการสร้าง Value Creation ในกระทรวงเกษตรฯ ยกตัวอย่างเป็นรูปธรรม.....................คำตอบ ที่ได้จะเป็น Spot solution เป็นส่วนใหญ่และสามารถจับต้องได้ยาก และแก้ไขได้อย่างไม่ยั่งยืน ถึงแม้เราจะใช้การบริหารจัดการในกระบวนการต่างๆเชิงยุทธศาสตร์แล้วก็ตาม(เป็นความเห็นของผมคนเดียวนะ) ก่อนผมจะบอกเหตุผล ขออนุญาตใช้ข้อมูลบางประการประกอบ(อ้างถึงดร. ดนัย เทียนพุฒ) สภาพัฒน์ฯ (2545) สรุปถึงเศรษฐกิจใหม่ว่าเป็นภูมิทัศน์ธุรกิจและอุตสาหกรรมการแข่งขันในระดับโลก โดยประเทศจะแข่งขันได้ต้องเปลี่ยนจากการสร้างความได้เปรียบจากสินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Tangible Assets) ไปสู่การได้เปรียบจากสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ (In-tangible Assets) ไม่ว่าจะเป็น ความรู้ ทักษะและเทคโนโลยี (ผมไม่แน่ใจว่าเป็นสมมติฐานของสภาพัฒน์ฯ หรือจากการวิเคราะห์เอง ซึ่งสอดคล้อง/ สอดรับกับแนวคิดของ Stewart Thomas A.มาก )โดยแผนฯ 10 เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปี ให้ความสำคัญในเรื่อง 1.ฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน 2.เพิ่มมูลค่าผลผลิตด้วยฐานความรู้ 3.นโยบายสังคมเชิงรุก 4.เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคเพื่อความมั่นคงที่ยั่งยืน โครงสร้างที่สมดุลมากขึ้นและการกระจายรายได้และความเจริญ ซึ่งน้ำหนักจะค่อนข้างไปทางด้านการแข่งขันทางการตลาดมากที่สุด ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ตำแหน่งทางตลาด การผลิตตามกลุ่มCluster การสร้างมูลค่าเพิ่ม และมีประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ใน 5 ประเด็นคือ 1.ยกระดับคุณภาพคนไทยสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ 2.สร้างความมั่นคงปลอดภัยทางสังคม 3.รักษาคุณค่าของสังคมไทย 4.เตรียมความพร้อมสู่สังคมผู้สูงอายุ 5.ปฏิรูประบบบริหารจัดการให้เอื้อต่อการพัฒนา ถ้าเป็นเช่นนั้น กษ.จะต้องนำ การเพิ่มค่าผลผลิตด้วยฐานความรู้ มากำหนดเป็นประเด็นยุทธศาสตร์......ถูกต้องหรือไม่ครับ ผมไม่แน่ใจจริง แต่ขออนุญาตพักครึ่งแรกก่อน ......ขอบคุณครับตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากต้นทุนทางปัญญาในกระทรวงเกษตรฯ เห็นได้ชัดเจนจากกลุ่มเกษตรกรในโครงการทับทิมสยาม จังหวัดสระแก้ว ที่ผลิตหน่อไม้ฝรั่งแบบเกษตรอินทรีย์ จะเห็นว่าเกษตรกร ข้าราชการ นักวิชาการ และบริษัทส่งออก ต่างก็มีต้นทุนทางปัญญาของตนเอง ซึ่งมีทั้งความรู้ที่อยู่ภายในได้แก่ประสบการณ์หรือที่เรียกว่าเคล็ดวิชาไม่สามารถเขียนเป็นสูตรสำเร็จได้แต่สามารถเรียนรู้จากการทำงานร่วมกัน และความรู้ที่ได้จากการวิจัยที่สามารถเขียนบรรยายให้ผู้อื่นนำไปใช้ได้ เมื่อนำมารวมกับต้นทุนโครงสร้างของกระทรวงเกษตรฯและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่มีการวิจัยด้านการปลูกหน่อไม้ฝรั่งทั้งที่ผลิตเป็นสื่อเผยแพร่แก่เกษตรกร และเทคโนโลยีการผลิตที่ผ่านการค้นคว้ามาอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน บริษัทส่งออกมีต้นทุนทางปัญญาขององค์กรที่ต้องการสินค้าเป็นหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์ การผลิตหน่อไม้ฝรั่งแบบอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรที่มีการพัฒนาต้นทุนทางปัญญา มีการลองผิดลองถูกเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ต้องการ ก่อให้เกิดองค์กรแห่งการเรียนรู้ จึงก่อให้เกิดนวัตกรรมการผลิตที่ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้มีราคาสูงกว่าการผลิตหน่อไม้ฝรั่งทั่วไป และได้ผลกำไรสูง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร อันเป็นเป้าหมายของกระทรวงเกษตรฯ
วุฒิชัย วังคะฮาต กรมประมง
เรียนเพื่อนร่วมรุ่นทุกท่าน
มีเพื่อนอีกหลายท่านที่ยังไม่รู้วิธีการส่งการบ้าน ถ้าทราบ E-mail ท่านใดก็ช่วยแจ้งกันบ้างเด้อ
ภัทราภรณ์
Assignment 1. อ่านบทความเกี่ยวกับ IC ของ Stewart เปรียบเทียบกับ 8K’s และ 8 H’s ของ คุณญิงทิพาวดีIC ของ Stewart จำแนกออกเป็น 3 ส่วน ทั้งทุนความรู้ที่อยู่ในบุคคลากรโดยตรง (Human Capital) ทุนความรู้ที่เก็บอยู่กับหน่วยงาน (Structure Capital) และทุนความรู้ความสัมพันธ์กับคนหรือหน่วยงานที่ขายบริการให้ (Customer Capital) IC ของ Stewart จะครอบคลุมส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของหน่วยงานทั้งหมด ส่วน IC ในทฤษฏี 8K จะเน้นในการคิดเป็น วิเคราะห์เป็น และนำไปสร้างมูลค่าเพิ่ม ของบุคคล เช่นเดียวกันกับหลัก 8 H ของคุณหญิงทิพาวดี ที่เป็นการเน้นที่ตัวบุคคล ไม่ได้พิจารณาในส่วนสัมพันธ์กับผู้รับบริการ 2. จะสร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้อย่างไรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC ได้โดยการจัดทำเป็นโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC อย่างต่อเนื่องประจำทุกปี โดยแบ่งเป็น
- การให้งบประมาณสนับสนุนแก่ผู้เขียนขอเสนอโครงการ โดยมีคณะกรรมการพิจาณาถึงความเหมาะสมของโครงการ ทั้งนี้ต้องแสดงให้เห็นถึง Outcome และผู้ได้รับผลประโยชน์ที่ชัดเจน
- จัดการสัมนาวิชาการประจำปี เพื่อให้โครงการที่ได้รับการสนับสนุนในปีงบประมาณที่ผ่านมา นำเสนอผลการดำเนินงานในที่ประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อคิดเห็น โดยให้ผู้รับบริการจากกระทรวงมีโอกาสได้รับฟังด้วย เพื่อแสดงปัญหา และความต้องการ เพื่อที่กระทรวงจะได้สร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC ให้สอดคล้องกัน แหล่งข้อมูลIntellectual Capital (IC) จากบางส่วนของบทความของ Thomas Stewart 1. The New Concept of Capital (หลักการใหม่ของคำว่า ทุน)โดยทั่วไป ทุน ถูกมองในเทอมของการเงินหรือทางกายภาพอย่างเดียว ซึ่งแสดงถึงการเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างหรืออุปกรณ์ และพบได้ในเอกสารแสดงสมดุลการดำเนินงานเมื่อเร็วๆนี้ ทุนทางปัญญา (Intellectual Capital, IC)ได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นการเน้นด้านทรัพย์สินที่วัดหรือมองเห็นไม่ได้ ทุนทางปัญญา สามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ 1. ทุนมนุษย์ (Human Capital) 2. ทุนลูกค้า (Customer Capital) (ในเอกสารประกอบการบรรยายเรื่องทุนทางปัญญา..ทางรอดของสังคมไทยยุคไร้พรมแดน ใช้คำว่าทุนความสัมพันธ์, Relationship Capital) และ 3.ทุนทางโครงสร้าง (Structure Capital)2. ทุนมนุษย์ (Human Capital) คือความรู้ที่อยู่ในหัวของบุคคลากรซึ่งเกี่ยวพันกับวัตถุประสงค์ของหน่วยงาน ทุนมนุษย์ สามารถถูกกำหนดรูปแบบและพัฒนาเมื่อพรสวรรค์ของบุคคลากรได้ถูกแสดงออกมาผ่านกิจกรรมซึ่งทำให้เกิดเป็นนวัตกรรม ทุนมนุษย์เติบโตได้ 2 แนวทาง คือ เมื่อหน่วยงานใช้สิ่งที่บุคคลากรรู้มากขึ้น หรือเมื่อบุคคลากรรู้มากขึ้นในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับหน่วยงาน3. ทุนลูกค้า (Customer Capital) แสดงมูลค่าของความสัมพันธ์ของบริษัทกับคนหรือหน่วยงานที่ขายบริการให้ ตัวดัชนีของทุนลูกค้า ได้แก่ ส่วนแบ่งตลาด การรักษาลูกค้าไว้ อัตราการเสียหาย และผลกำไรต่อลูกค้า ทุนลูกค้าอาจเป็นการจัดการที่แย่ที่สุดในบรรดาทรัพย์สินที่วัดหรือมองเห็นไม่ได้ทั้งหมด ธุรกิจจำนวนมากที่ไม่รู้แม้แต่ลูกค้าของตนคือใคร4. ทุนทางโครงสร้าง (Structure Capital) ที่ความรู้ที่อยู่ภายในหน่วยงาน มันเป็นของหน่วยงานทั้งหมดและสามารถนำมาผลิตใหม่หรือแบ่งปันได้ ทุนทางโครงสร้างรวมถึง เทคโนโลยี การประดิษฐ์ การเผยแพร่ และกระบวนการทางธุรกิจ
ทฤษฎีทุน 8 K ที่เป็นพื้นฐานของ ทรัพยากรมนุษย์ |
หลัก 8 H ของคุณหญิงทิพาวดี | ||
1. | ทุนมนุษย์ (Human Capital) | 1. | Heritage (รู้จักตนเองอย่างแท้จริง) |
2. | ทุนทางปัญญา (Intellectual Capital) | 2. | Head (มีสมองที่รู้จักคิดวิเคราะห์) |
3. | ทุนทางจริยธรรม (Ethical Capital) | 3. | Heart (มีจิตใจที่ดี มีทัศนคติในเชิงบวก) |
4. | ทุนแห่งความสุข (Happiness Capital) | 4. | Happiness (ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข โดยไม่เบียดเบียนใคร) |
5. | ทุนทางสังคม (Social Capital) | 5. | Hand (เน้นที่การลงมือทำด้วยตนเอง) |
6. | ทุนแห่งความยั่งยืน (Sustainability Capital) | 6. | Health (สุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์) |
7. | ทุนทาง IT (Digital Capital) | 7. | Home (มีครอบครัวที่อบอุ่น) |
8. | ทุนทาง Knowledge, Skill, Mindset (Talented Capital) | 8. | Harmony (สร้างความปรองดอง สมานฉันท์) |
กราบเรียน อาจารย์จีระที่เคารพ และเพื่อน ๆ ทุกท่าน
(1) IC ของ STEWART เมื่อเทียบกับ 8K's และ 8H's ของคุณหญิงทิพาวดี มีแนวคิดการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่คล้ายคลึงกัน กล่าวคือ มนุษย์ที่เกิดมาย่อมมีมันสมองที่สามารถรู้จักวิเคราะห์ ใช้เหตุ-ใช้ผล ทำให้เกิดปัญญาขึ้นได้ และสามารถอยู่ในสังคมได้เช่นกัน แต่เท่านั้นยังไม่เพียงพอต่อการพัฒนาตนเอง สิ่งที่จะทำให้มนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า จะต้องสามารถเรียนรู้ร่วมกันในสังคมที่ตนอยู่ มีการจัดการกับชีวิตของตนเองอย่างเหมาะสม และที่สำคัญ การจะทำสิ่งใดที่ได้ผลนั้น จะต้องมีการทำหรือ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
(2) การสร้างมูลค่าเพิ่ม จาก IC ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ความจริงภูมิปัญญาชาวบ้าน ของไทยเรามีมานานแล้ว และเป็นสิ่งดี ที่ควรสนับสนุน เช่น การทำสาโทจากแป้งข้าวเหนียว แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจาก การจัดการไม่ดี ไม่มีการพัฒนาและการสนับสนุนจากรัฐบาล อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากจะสร้างมูลค่าเพิ่ม จาก IC รัฐบาลจะต้องเน้น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเฉพาะบุคลากรภาครัฐ และรัฐบาลเองก็ควรสนับสนุนภูมิปัญญาชาวบ้านในด้านต่าง ๆ ด้วย เช่น การสนับสนุนการขายผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศ , การยกเว้นภาษี เป็นต้น
กวิน
คสพ.8 H’s & 8 K’s | 8 H’s | IC | 8 K’s |
(3.1) | 2.1 Heritage | (1) Human C. | 3.1 Human C. |
(3.1/2/3/7) | 2.2 Head | (2) Customer C. | 3.2 Intellectual C. |
(3.3) | 2.3 Hand | (3) Structural C. | 3.3 Talented C. |
(3.4) | 2.4 Heart | 3.4 Ethical C. | |
(all 3.1-3.8) | 2.5 Health | 3.5 Happiness C. | |
(all 3.1-3.8) | 2.6 Home | 3.6 Social C. | |
(3.5) | 2.7 Happiness | 3.7 Digital C. | |
(3.6/3.8) | 2.8. Harmony | 3.8 Sustainability C. |
สรัญญา เมืองแก้ว : กรมส่งเสริมการเกษตร
เรียน อาจารย์ ที่เคารพ
สวัสดี เพื่อนๆ
ขออภัยที่ไม่มีข่าวคราวเลย เพราะมัวแต่สะสาง สิ่งสะสมอยู่ซะนานค่ะ ก่อนอื่นขอส่งการบ้านก่อนนะคะ
การบ้าน ครั้งที่11. Search ใน Internet อ่านบทความเกี่ยวกับ IC ของ Stewart เปรียบเทียบ กับ 8K’s และ 8H’s ของคุณหญิงทิพาวดีThomas A. Stewart กล่าวไว้ในส่วนหนึ่งของหนังสือ Intellectual Capital : The New Wealth of Organizations ว่า ทุนทางปัญญาเปรียบดังหอก ดาบ หรือ อาวุธสำคัญในการแข่งขันของยุคสารสนเทศ ตัวอย่างของทุนทางปัญญาที่เห็นได้ชัดก็คือ ความเฉลียวฉลาดของคนในองค์กร ความภักดีของลูกค้า คุณค่าของเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร ทรัพย์สินทางปัญญา การสะสมความรู้ที่ฝังอยู่ในวัฒนธรรม ไปจนถึงระบบโครงสร้างองค์กร อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว คนในองค์กรจะไม่เห็นสินทรัพย์ หรือทุนนี้ระบุหรือปรากฏอยู่ในงบดุลขององค์กร เพราะเป็นทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ (Intangible assets) หากจะเปรียบเทียบกับ ทฤษฎีทุน 8 ประการ(8K’s) ที่เป็นพื้นฐานของทรัพยากรมนุษย์ และ ทฤษฎี 8H’s ที่เป็นปรัชญาในการทำงาน นั้น จะเห็นได้ว่า ทุนทางปัญญา (Intellectual Capital) เป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎี 8K’s ส่วนทฤษฎี 8H’s ก็เป็นส่วนหนึ่งของทุนมนุษย์ (Human Capital) แต่ทุนทางปัญญา นั้นเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ บางครั้งองค์กรจึงไม่คำนึงถึง 2. จะสร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้อย่างไร? ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม แนวคิดในการสร้างมูลค่าเพิ่ม กล่าวคือ องค์กรภายในกระทรวงเกษตรมี ทุนทางปัญญา มากมาย ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าทำอย่างไร จะสามารถนำ ทุนทางปัญญา องค์ความรู้ ทุนมนุษย์ ฯลฯ มาประสานร้อยเรียง ให้กลมกลืน เป็นรูปธรรม สิ่งที่คาดว่าจะมีความเป็นไปได้ก็คือ ทำให้บุคลากรในกระทรวงเกษตรฯ มีความตระหนัก ในวัตถุประสงค์เดียวกัน เข้าใจถึง จุดมุ่งหมายร่วมกัน เพื่อให้สามารถนำองค์ความรู้ที่มีอยู่มาปรับใช้ได้
|
เรียน ท่านอาจารย์จีระ และเพื่อน ๆ ร่วมรุ่นทุกคน
ณัฐวีย์ ชัยมาลา –อ.ต.ก.
จากการอ่านบทความเกี่ยวกับ ICของ Stewart เปรียบเทียบกับ 8 k’ s และ 8 h’s –ของคุณหญิงทิพาวดี จะเห็นว่า IC ของ Stewart แบ่งเป็น 3 ประเภท 1. ทุนทางด้านบุคลากร(Human Capital) 2. ทุนด้านความรู้ความสัมพันธ์กับลูกค้า(Customer Capital) 3.ทุนความรู้ความสามารถที่ประกอบขึ้นเป็นหน่วยงาน (Structural Capital) ซึ่งมองว่ามูลค่าของทุนความรู้ทางปัญญานี้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อเราสามารถแยกแยะและใช้ประโยชน์จากมันได้ และทีหลักการ 10 ข้อที่ใช้ในการจัดการทรัพย์สินทางปัญญา โดยเน้นในเรื่องการใช้ประโยชน์ของบุคลากร โดยคำนึงถึงความจำเป็นที่ต้องมีทีมงานที่เข้มแข็ง มีรูปแบบการเรียนรู้ที่ชัดเจน สนใจข้อมูลที่ลูกค้าต้องการมากกว่ามีความรู้มากมายแต่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ มองเห็นว่า ข้อมูลและองค์ความรู้จัดเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่ควรมีไว้แทนทรัพย์สินทางกายภาพหรื่อทางการเงิน ให้ความสำคัญกับกระแสของข้อมูลมากกว่ากระแสของวัตถุ และที่สำคัญ ต้นทุนทั้ง 3 ประเภทต้องทำไปด้วยกัน ไม่ควรลงทุนเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง
1.สรุปได้ว่า IC ของStewart จะเห็นความสำคัญของคนในการทำประโยชน์ให้หน่วยงาน เน้นการทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ต่อลูกค้าและหน่วยงาน ต่างจากทฤษฎี 8 h’s ของคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ที่มองเห็นความสำคัญของคน
ว่าคนต้องรู้จักตัวตนของตัวเองก่อนและใช้สมองให้คิดและสร้างสรรค์หาความรู้ตลอดเวลาเพื่อต่อยอดในการสร้างมูลค่าเพิ่ม
และมีสติในการแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง เมื่อคิดขึ้นมาแล้วต้องทำและต่อยอดจนเป็นมืออาชีพ ที่สำคัญที่สุดต้องมีจิตใจที่ดี ไม่เอาเปรียบใคร มีคุณธรรม คิดแต่ในทางบวกและในทางสร้างสรรค์ ทำตัวให้มีแต่ความสุข ทำงานอย่างมีความสุข ทำให้คนรอบข้างมีความสุขไปด้วย รวมทั้งครอบครัวก็อบอุ่นและมีความสุข มีความปรองดองกัน ขัดแย้งกันได้ในทางความคิดแต่อย่าให้เกิดการแตกแยก ต้องแก้ไขให้ win win ทั้งสองฝ่าย เพื่อความสงบสุขในการอยู่ร่วมกันในหน่วยงานและในสังคม
ส่วนทฤษฎี 8 k’s นั้น เป็นทุน 8 แบบ ซึ่งทุนทางปัญญาก็เป็นส่วนหนึ่งของ 8 k’s และคล้ายกับของคุณหญิงทิพาวดี ต่างกันตรงที่ว่ามีทุนทางสังคม จะต้องมีการสร้างเครือข่าย ประสานสัมพันธ์กับหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเดียวกันหรือต่างกระทรวงกัน จะทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพราะแต่ละหน่วยงานมีความชำนาญที่ไม่เหมือนกัน ส่วนทุนทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ ก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โลกของนวัตกรรมเกิดสิ่งใหม่ ๆ เสมอ ตลอดเวลา โดยมีเทคโนโลยีหรือ IT เป็นส่วนสร้างเสริมขึ้นมา ดังนั้นเราต้องใช้ ITให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นผลตามมาคือทุนแห่งความยั่งยืน เมื่อวิจัยพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดประโยชน์จนเป็นผลสำเร็จ ก็ต้องดูแลและสร้างมูลค่าเพิ่มไปเรื่อย ๆ ก็จะเกิดทุนแห่งความยั่งยืนตลอดไป
2.ในความคิดเห็นที่ว่า “จะสร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้อย่างไร “ ขอเสนอความคิดเห็นดังนี้ ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของเรานี้ มีบุคลากรที่มีความสามารถในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร
ในเรื่องของน้ำ ดิน และป่าไม้ รวมทั้งพืชและสัตว์ เช่น กรมชลประทาน,กรมพัฒนาที่ดิน,กรมปฏิรูปที่ดิน,กรมประมง ,กรมข้าว,กรมปศุสัตว์ และองค์การสวนยาง ด้านการบริการทางวิชาการและการควบคุมดูแล เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร,กรมส่งเสริมสหกรณ์ ด้านการบริการการเงิน เช่น กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ,ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ,อ.ต.ก (ด้านสินเชื่อในการผลิตสินค้าเกษตร) ,ด้านการบริการทางการตลาด เช่น อ.ต.ก. ,องค์การสะพานปลา,องค์การโคนม ถ้าเราสามารถเชื่อมโยงทุกหน่วยงานโดยจับมือกันมาช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ในด้านที่แต่ละหน่วยงานถนัด โดยจัดให้มีการอบรมร่วมกันอย่างที่สำนักงานเกษตราธิการ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ มูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ
ได้อบรมโครงการพัฒนาภาวะผู้นำฯ จะได้ประโยชน์เป็นอย่างมากมาย จะเห็นได้ว่า อาจารย์สร้างความมั่นใจให้กับทุกคนโดยหาวิทยากรที่มีความสามารถมากในปัจจุบัน และหาความรู้ใหม่ ๆมาให้ตลอดเวลา ทำให้เราได้รู้ความรู้ที่ชัดเจนและคิดว่าจะนำมาต่อยอดได้อย่างมั่นใจ เพราะได้ผ่านสนามฝึกอันแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลา แค่ 10 วันก็ตามแต่เป็นเวลาที่มีคุณค่าและไม่มีวันลืม เพื่อเป็นการตอบแทน จึงขอปฏิญาณว่าจะเป็น พนักงานของรัฐที่ทำประโยชน์เพื่อเกษตรกร ประชาชน และเพื่อบ้านเมือง อย่างจริงใจ จะไม่คิดเอาเปรียบประเทศชาติ มีคุณธรรม จะให้บริการเกษตรกรอย่างจริงใจ พยายามคิดหาวิธีเพื่อช่วยให้เกษตรกรไทยของเรา เป็นเกษตรกรที่มั่งคั่งในอนาคตอันใกล้นี้ ขอให้พวกเราชาวเกษตรทุกคน มีจิตใจที่แน่วแน่และมั่นคงช่วยกันคิดช่วยกันทำเพื่อพ่อหลวงของเรา
กราบเรียน อาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์ที่เคารพ
ตามสัญญาที่มีไว้ค่ะ เพราะกว่าจะสรุปได้ลงตัวเกี่ยวกับการบ้านและข้อมูลที่หามาได้ในเรื่องของ IC ของ Stewart, 8K's และ 8H's แต่ถ้าจะกล่าวถึง Concepts เรื่องของ 8K's และ 8H's ของคุณหญิงทิพาวดี มีความคล้ายคลึงกันหลายประการ ซึ่งล้วนแล้วแต่กำหนดขึ้น เพื่อให้องค์กรต่าง ๆ นำไปใช้ในการพัฒนาบุคลากร เมื่อบุคลากรได้รับการพัฒนาที่ดี ผลงานขององค์กรก็จะสัมฤทธิ์ผลตามวัตถุประสงค์ และได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นทันกับสถานการณ์ของโลก ซึ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา องค์กรในยุคโลกาภิวัฒน์ (globalization) ถ้าการประกอบกิจกรรมต่างๆ มีลักษณะหยุดอยู่กับที่ก็เท่ากับถอยหลังไปหลายสิบเก้า หากองค์กรรอบข้างทั้งในประเทศและนอกประเทศมีการพัฒนา (development) เกิดขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในระดับมากหรือน้อย
อย่างไรก็ตาม concepts ของ 8K's และ 8H's ถ้าจะสรุปตามความคิดของข้าพเจ้า จะเห็นว่ามีส่วนที่คล้ายคลึงกัน และแตกต่างกัน หรืออาจ group ให้เป็นกลุ่มเดียวกันได้ดังนี้
Intellectual Capital = Head
Ethical Capital = Heart
Happiness Capital = Happiness
Social Capital = Home + Harmony
Human Capital = Heritage +Health
Talented Capital = Hand
สำหรับ Sustainability Capital และ Digital 8H's ไม่ได้บรรจุเอาไว้ให้ชัดเจน ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า 8K's มีแนวปฏิบัติมากกว่า 8H's และ 8H's รู้สึกว่าจะเน้นไปในเรื่องของพัฒนาเฉพาะตัวของบุคลากร โดยหวังว่าหากบุคลากรได้รับการพัฒนาและทำตัวเป็นคนดี องค์กรก็จะดีตามไปด้วย ซึ่งผลสุดท้ายประเทศก็ย่อมได้รับการพัฒนาที่ดีในทำนองเดียวกัน ส่วน IC ของ Stewart ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ 1.Human Capital ทุนมนุษย์ 2.Structural Capital ทุนโครงสร้างหรือต้นทุนขายองค์กร 3.Customer Capital ทุนลูกค้าหรือความสัมพันธ์ของการจัดการ ซึ่งทั้ง 3 ข้อได้เชื่อมโยงเป็นวัฏจักรของความรู้ที่มีอยู่ในบุคลากรกับต้นทุนขององค์กร (เช่น เทคโนโลยีและความรู้ต่างๆ ที่มีการตีพิมพ์เผยแพร่) เข้ากับทุนลูกค้า โดยมีความสัมพันธ์ในการจัดการในองค์กร โดยรวมแล้วก็คือ เพื่อนำองค์กรไปสู่การบริหารงานที่ก้าวหน้าและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
การสร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ความจริง IC เป็นหัวข้อหนึ่งของ 8K's ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เข้าสู่ความเป็นเลิศ ดังนั้นการสร้างมูลค่าเพิ่มของ IC จึงไม่ประสบความสำเร็จในกระทรวงเกษตรฯเลย ถ้า Factor อื่นๆ อีก 7 Factor ไม่ได้รับการจัดการให้สอดคล้องกัน
ยกตัวอย่างเช่น IC ย่อมไม่บรรลุผล หาก Human Capital เกิดมาจากการจัดสรร หรือการแต่งตั้งมาจากระบบอุปถัมภ์ (Patranage system) แทนที่จะมาจากการใช้ระบบคุณธรรม (Merit system) ซึ่งทราบกันดีว่ามาจากอิทธิพลทางการเมืองและระบบเส้นสายซึ่งมีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
การสร้างมูลค่าเพิ่มของ IC ของข้าราชการในกระทรวงเกษตรฯ โดยจะสมมติว่า Factor อื่นๆ อีก 7 Factor สมบูรณ์ตามทฤษฎีหรือเกือบสมบูรณ์ตามทฤษฎี 8k's การสร้างมูลค่าเพิ่มของ IC ของข้าราชการในกระทรวงเกษตรฯ สิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการเป็นอันดับแรกคือ การให้ความสำคัญทางด้านวิชาการที่เป็นข้อจริง (fact) ทางวิทยาศาสตร์ นั่นคือ ต้องรู้จริง ซึ่งวิชาการทางการเกษตรต้องได้มาจาก observation เพื่อนำไปสู่ R (research) and D (development) ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว กระทรวงเกษตรฯ ต้องไม่เสียดายในเรื่องของงบประมาณ และการสรรหาบุคลากร แต่ต้องทำในลักษณะประหยัด สมเหตุสมผล และมีความพอเพียงตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
การดำเนินการดังกล่าวในเรื่องของ R and D สามารถกระทำได้โดยเริ่มตั้งแต่การคัดพันธุ์พืชตามตลาดต้องการ (variety screening) มีการจัดการพืช น้ำ และดินที่ดี (good crop, water and soil management) เพื่อเพิ่มผลผลิต (high productivity) และได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ (good quanlity) มีการบรรจุหีบห่อที่ดี (good packaging) และมีการส่งเสริมการตลาด (marketing promotion) เพื่อให้ผู้ปลูกได้ราคาที่ยุติธรรม ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบโดยพ่อค้าคนกลาง ซึ่งเรื่องราคาผลผลิตในปัจจุบันมีปัญหาอย่างใหญ่หลวงต่อผู้ผลิต และเป็นที่น่าแปลกอย่างยิ่งที่สินค้าเกษตรเป็นสินค้าอย่างเดียวในประเทศไทยที่ผู้ผลิตไม่สามารถกำหนดราคาได้ ไม่เหมือนสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งปัญหานี้ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาซ้ำซากซึ่งไม่เคยได้รับการแก้ไขไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลยุคใด ๆ
การสร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC ถ้าจะให้ยกตัวอย่างจะขอยกเรื่อง การผลิตข้าว ซึ่งข้าวที่ตลาดโลกต้องการ คือ ข้าวหอมมะลิ (jasmine rice) เหตุที่ต้องการคือ รสดี หุงง่าย และมีความหอม ดังนั้นเรื่องการคัดพันธุ์ข้าวหอมมะลิให้ได้คุณภาพตามตลาดต้องการ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำให้ได้พันธุ์ข้าวหอมมะลิที่ปลูกแล้วไม่ว่าจะในที่ใดของประเทศให้ได้คุณภาพที่ต้องการและมีผลผลิตสูง เหตุที่ต้องทำเรื่องนี้เพราะพันธุ์ข้าวหอมมะลิ ในปัจจุบันที่ปลูกกันอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ ยังมีความแปรปรวนมากในเรื่องของคุณภาพและผลผลิต และที่เป็นปัญหาต่อมาคือ เมื่อปลูกไปแล้วจะจัดการดิน น้ำ และพืชอย่างไร จึงจะให้ผลผลิตสูง และมีคุณภาพดีตามที่กำหนด เมื่อได้ผลผลิตแล้วจะทำอย่างไรจึงจะบรรจุหีบห่อเพื่อให้ลูกค้าเห็นแล้วชอบอยากซื้อหา ซึ่งคงไม่พ้นเรื่องการจัดการด้านการตลาดไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดจะทำอย่างไรให้ผู้ปลูกขายได้ในราคายุติธรรม ไม่ถูกกดขี่โดยพ่อค้าคนกลางเหมือนที่เป็นอยู่มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
จากการที่ได้กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงความเข้าใจและความคิดเห็นของข้าพเจ้า ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากได้รับการเรียนรู้และถ่ายทอดจากอาจารย์ทุก ๆ ท่านในหลักสูตร พัฒนาภาวะผู้นำและเตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้บริหารมืออาชีพของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำให้ตัวเองรู้สึกมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงในด้านความคิดและการพัฒนาตัวเองไปสู่ความเป็นจริงมากขึ้น ทั้งนี้จึงต้องขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ทุก ๆ ท่านที่ได้ให้ความรู้และความเข้าใจในเรื่องต่างๆ เป็นอย่างดี และสัญญาว่าจะนำไปประยุกต์ใช้เพื่อให้องค์กรได้รับความก้าวหน้าและ IT มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้หวังว่าหากมีโอกาสคงได้รับความรู้ที่เป็นเลิศทันสมัยและก้าวหน้าอีกครั้ง
ด้วยความเคารพอย่างสูง
อารีรัตน์ สีคล้าย
ตุ๊ก : กรมพัฒนาที่ดิน
4 กันยายน 2550
ถึง ทีมงาน academy และน้อง ๆ ทุกคน
คิดถึงอีกแล้ว เพราะคงอาจจะมีพี่ตุ๊กคนเดียวที่ไม่ได้รับทำเนียบรุ่น หรือโกรธอะไรพี่หรือเปล่า (น้อยใจนะ) แต่ไม่เป็นไรพี่คงต้องรบกวนให้น้อง ๆ ส่งให้พี่ใหม่โดยส่งมาที่ [email protected] นะจ้ะ ส่วนการบ้านพี่ก็ส่งแล้วนะ แล้วทุกๆ คนสบายดีหรือเปล่า แต่คงจะยกเว้นเอ เพราะรายนั้นอุ้มอีกหนึ่งคน ยังไงพี่ก็ขอให้น้องๆ มีความสุขกับการทำงานนะ และถ้ามีอะไรที่พี่คนนี้จะช่วยอะไรน้องได้ ก็ขอให้บอก (ยกเว้นเรื่องเงิน) และที่สุดก็หวังว่าเราคงได้มีโอกาสได้เจอกันอีกนะ
คิดถึงเสมอ
พี่ตุ๊ก : พด.
4/กย/2550
กราบเรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
ผมขอส่งการบ้านครับ หาไม่เจอมานานแล้ว มาเจอใน google 9 กันยายน 50 นี่เอง ขอแสดงความคิดเห็นเลยนะครับ
1. เปรียบเทียบ IC ของ Stewart กับ ทฤษฎี 8 K's และ 8H's
ทฤษฎี 8 K's จะเน้นในเรื่องของทุนทั้ง 8 คือ ทุนมนุษย์ ปัญญา จริยธรรม สังคม ความสุข ความยั่งยืน เทคโนโลยี และความรู้ ทั้งหมดเป็นทุน แต่จะต้องมีคนมาจัดการทุนเหล่านี้ให้ขับเคลื่อนไปอยางมีประสิทธิภาพ ทฤษฎี 8 H's พูดถึง รากเหง้า สมอง มืออาชีพ จิตใจ สุขภาพ ครอบครัว ความสุข และปรองดอง เป็นคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นผู้นำ หรือผู้จัดการทุน และ Stewart ได้พูดถึง IC (Intellectual capital) หรือทุนทางปัญญา อันประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอหลัก คือ มนุษย์ ลูกค้า และองค์กร / โครงสร้าง ซึ่งเป็นการมองในเรื่องของผลประโยชน์ในทางธุรกิจ อาจปรับใช้ในการจัดการบริหารประเทศได้ หากมองประเทศเป็นองค์กร / บริษัท
2. จะสร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC ในกระทรวงเกษตร ฯ ได้อย่างไร ยกตัวอย่าง
กระทรวง ฯ มีทุนทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ยังขาดการจัดการทุนที่มีประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งมาจากการบริหารเชิงโครงสร้างอำนาจ มีผลทำให้ข้าราชการส่วนหนึ่งขาดกระบวนการเรียนรู้ปัญหาที่ดีพอ คือไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง ในสถานการณ์เศรษฐกิจ สังคม ของโลกที่เปลี่ยนไป รวมถึงกลุ่มเป้าหมายเกษตรกร การใช้ประโยชน์จาก IC กระทรวงจะต้องมองในเรื่องของทุน ว่ามีอะไร เท่าไหร่ อยู่ตรงไหน ตัวอย่าง เช่น ปัญหาราคาข้าวตกตำ จะต้องวิเคราะห์ตลาด เปิดตลาดใหม่ วิเคราะห์คู่แข่ง ลดต้นทุนการผลิต พัฒนาพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง ลดต้นทุนทางด้านLogistic พัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มผลผลิต เป็นต้น
สมชาย เชื้อจีน
สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 กรมวิชาการเกษตร
9 กันยายน 2550
สำหรับประเด็นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากทุนทางปัญญา ในกระทวงเกษตรและสหกรณ์ มีความเห็นว่า การพัฒนาด้านการเกษตรให้ประสบความสำเร็จนั้น จะต้องอาศัยเทคโนโลยี และภูมิปัญญาท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน ผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวในการพัฒนา ยกตัวอย่าง ในเรื่อง การผลิตเกษตรอินทรีย์ ซึ่งถ้าเป็นทุนทางปัญญาหรือภูมิปัญญาชาวบ้าน การผลิตดั้งเดิม ก็คือ การผลิตที่ปราศจากการใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งเป็นภูมิปัญญา ที่ใช้การคัดเลือกเมล็ดพันธ์เก็บไว้เพาะปลูกเอง ใช้ปุ๋ยจากมูลสัตว์ และเศษพืช รู้จักบำรุงรักษาดิน น้ำ ไว้ตามธรรมชาติ เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบัน เกษตรอินทรีย์ มีแนวโน้มมีผู้บริโภคมาก ไม่เพียงพอ จึงเห็นว่า ถ้าได้ใช้การผลิตแบบภูมิปัญญาดั้งเดิม ซึ่งก็คือเกษตรอินทรีย์ในปัจจุบัน โดยการรวมกลุ่มการผลิต และสร้างพันธมิตรทางการค้า ในรูป Contract Farming ด้วยแล้ว ก็จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มได้ เป็นต้น
ด้วยความเคารพ
อาทิตย์ สุกเหลือ
เรียน อาจารย์ จีระ ที่เคารพ จบหลักสูตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดือนกว่าแล้วติดตามอาจารย์พบว่ามีกิจกรรมอบรมตลอดรวมถึงกิจกรรมอื่นๆมากมายขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงนะครับ สำหรับการบ้านครั้งที่ 1 ผมส่งทางอีเมล์ของอาจารย์ตั้งแต่เดือนสค. แล้วครับวันนี้จะนำขึ้นblogด้วยครับ
สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆหลักสูตรผู้นำและผู้บริหารมืออาชีพฯทุกท่าน เดือนกว่าแล้วนะครับคิดว่าทุกท่านกำลังสะสางงานกันอยู่เพราะใกล้สิ้นปีงบประมาณ 2550แล้ว ถ้าว่าหรือมีข่าวเรื่องราวใดๆก็เมล์มาคุยกันได้นะครับคิดว่าทุกท่านคงได้ทำเนียบรุ่นจากเมล์ที่ประธานรุ่นส่งให้แล้วนะครับ
การบ้าน ของ นาย ธนันท์ หาญเกริกไกร กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลักสูตร พัฒนาภาวะผู้นำและเตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้บริหารมืออาชีพ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำหรับข้าราชการระดับ 71. IC ของ Stewart เปรียบเทียบกับ 8K’S และ 8H’S ของคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ๏ หลักทฤษฎีของคุณหญิงทิพาวดี จะอธิบายพื้นฐานของทรัพยากรมนุษย์ได้ครอบคลุมทุกด้าน กล่าวคือ ทุนทั้งภายในตัวมนุษย์ ทุนภายนอกที่แวดล้อมตัวมนุษย์ที่มีอยู่ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ หรือปรับปรุง ป้องกัน ทั้งตนเอง และองค์กรอย่างสอดคล้องและยั่งยืนได้ โดยเฉพาะ 8H’S ที่ทำให้ผู้ที่ปฏิบัติได้จริงสามารถเป็นผู้นำที่ดีได้ บริหารองค์กรนำไปสู่ความสำเร็จได้ดี หรืออย่างน้อยที่สุดก็สามารถเปลี่ยนMind set เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่พัฒนาให้มีคุณค่าที่ดีต่อองค์กรและประเทศชาติได้ครับ ๏ หลักทฤษฎีของ Stewart จะเน้นเฉพาะเรื่องทุนทางปัญญา(Intellectual Capital) ที่จะมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มจากทุนทางปัญญากล่าวคือทุนมนูษย์ (human capital : การศึกษา, ความชำนาญ , ความเชี่ยวชาญ , การฝึกอบรม , สมรรถนะ ฯลฯ) ทุนทางโครงสร้าง (Structural capital : โครงสร้างองค์กร หัวใจขององค์กร ได้แก่ การบริหารจัดการ , เครือข่าย , วัฒนธรรมองค์กร ฯลฯ) ทุนทางความสัมพันธ์หรือความสัมพันธ์กับลูกค้า/หุ้นส่วน (relationships or costomer capital : ความสัมพันธ์กับลูกค้า , ควมซื่อสัตย์ , เครื่องหมายการค้า ฯลฯ) และหลักการบริหารจัดการ IC ในเชิงธุรกิจมากกว่า ดังนั้น จึงไม่ครอบคลุมในทุกเรื่องของความเป็นพื้นฐานของ “ทรัพยากรมนุษย์” เป็นเพียงแนวทางที่นำเอา IC และข้อมูลในยุคปัจจุบันมาใช้เป็นเครื่องมือ ในการผลิตแทนยุคก่อนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเงินทุน และแรงงานซึ่งไม่สามารถทำให้ธุรกิจมั่นคงและยั่งยืนได้ครับ2.สร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ค้นหา/สำรวจทุนทางปัญญา (ขององค์กร/บุคลากร) ภายในหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อนำมาใช้จัดการองค์ความรู้ด้านต่างๆ ขององค์กรภายในหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก่อน เพื่อให้พร้อมที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในการถ่ายทอดสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง และเหมาะสมเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่เกษตรกร (ลูกค้า) โดยมีการนำข้อมูลทุนทางความสัมพันธ์และความต้องการของลูกค้า นำมาทำเป็นเมนูองค์ความรู้ใส่ในลิ้นชักต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าดูและ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้จากแหล่งเดียวในการให้บริการ แบบจุดเดียวครบทุกด้านบน Internet แบบ One Stop Service เป็นจุดขายใหม่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อพัฒนาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ให้เกิดประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่และการให้บริการแก่เกษตรกร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กราบเรียน ดร.จีระ และสวัสดีค่ะ พี่ ๆ นักบริหารมืออาชีพทุกท่าน
เพิ่งเข้ามาใน Blog ของอาจารย์เป็นครั้งแรกค่ะ แต่ก่อนหน้านี้ ก็อ่านข้อมูลและสิ่งที่พี่ ๆ ทุกท่านเขียนลงในนี้เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน จากคุณวราพร ซึ่งพิมพ์ข้อมูลทั้งหมดออกมาเย็บเล่มให้อ่าน ในฐานะผู้จัดการอบรม รู้สึกดีใจมากค่ะ ที่ผู้เข้าอบรมทุกท่านยังให้ความสนใจในหลักสูตรและยังศึกษาหาความรู้และส่งการบ้านอาจารย์อย่างต่อเนื่อง แล้วในฐานะผู้ที่จะต้องรับผิดชอบโครงการนี้ต่อไปในปีงบประมาณหน้า ก็อยากจะขอเรียนให้พี่ ๆ ทุกท่านได้ทราบถึงความคืบหน้าของโครงการว่ามีโอกาสแค่ไหนที่โครงการนี้จะได้ดำเนินการต่อไป ต้องบอกว่าแน่นอน ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ เพราะเพียงแค่ยังมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องอยู่เช่นนี้ เราก็ถือว่ากำลังดำเนินโครงการอยู่ ส่วนโอกาสที่จะได้ไปต่างประเทศนั้น ต้องสารภาพว่า ยากเหมือนกันค่ะ เพราะขนาดหลักสูตรนักบริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ ยังไม่ได้ไปเมืองนอกเลย แต่ผู้อำนวยการสถาบันเกษตราธิการก็บอกว่า อยากให้หลักสูตรผู้บริหารมืออาชีพไปเมืองนอกให้ได้ค่ะ ตอนนี้ก็เลยคิดโครงการไว้คร่าว ๆ แต่ยังขาดงบประมาณอีกเยอะเลยค่ะ เพราะถ้าจะไปเมืองนอกกันจริง ๆ งบที่มีอยู่ล้านกว่าบาทคงไม่พอนะคะ และสิ่งที่อยากแจ้งให้พี่ ๆ ทราบก็คือ เราอาจไม่ได้ไปต่างประเทศด้วยกันทั้ง 60 คนนะคะ ด้วยงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และการเดินทางไปต่างประเทศกลุ่มใหญ่ก็เป็นเรื่องที่ยากต่อการบริหารจัดการอย่างมาก ดังนั้น เราอาจจะต้องมีการคัดเลือก ซึ่งมันจะเป็นเหตุผลสำคัญอีกข้อที่จะอ้างได้ว่า เราได้มีการคัดสรรคนที่มีความตั้งใจจริงในการเรียนรู้อย่างไม่หยุดนิ่งและคนที่ว่านี้จะนำความรู้ไปพัฒนากระทรวงเกษตรได้จริง ดังนั้น สิ่งแรกที่จะนำมาเป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกคือ การส่งการบ้านของพวกพี่ ๆ นี่ละคะ เพราะสถาบันเกษตราธิการก็ไม่สามารถไปติดตามพี่ ๆ ถึงที่ทำงานได้ว่าใครทำงานเป็นอย่างไร ดังนั้น เราจึงขอพิจารณาคัดเลือกคนที่จะเข้าร่วมโครงการต่อเนื่องจากรายชื่อคนที่ส่งการบ้านก่อนนะคะ ส่วนกำหนดการ และรายละเอียดอื่น ๆ ทางสถาบันเกษตราธิการต้องขอปรึกษาหารือกับทาง ดร.จีระ อีกครั้งค่ะ
แล้วพบกันในโครงการต่อเนื่องนะคะ
ชนชนก จันทร์เพ็ง
ต้องขออภัย ครับที่ส่งการบ้านของอาจารย์ล่าช้าไปหน่อย ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากงานในความรับผิดชอบเดิมที่คั่งค้างอยู่ ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จทันสิ้นปีงบประมาณ ทั้งนี้ก็ขอฝากความคิดถึงเพื่อนๆและน้องๆทีมงาน Chira academy ทุกท่านด้วย ......... ตอนนี้ ขอส่งการบ้านก่อนนะครับ Assignment 1 (1) อ่านบทความเกี่ยวกับ IC ของ Stewart เปรียบเทียบกับทฤษฎี 8 K’s ของ ศ. ดร. จีระหงส์ลดารมภ์ และทฤษฎี 8H’s ของคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ Stewart เน้นให้เห็นว่า IC เป็นสิ่งที่จะเชื่อมโยงระหว่าง ทุนมนุษย์ (Human Capital), โครงสร้างขององค์กร (Stuctural Capital) และความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้บริการขององค์กร ( Relationship Capital) ซึ่งสอดคล้องกับ8K’s ของท่านอาจารย์ดร.จีระฯ ที่เน้นถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ซึ่งมีความเชื่อมโยงเหมือนของ Stewart แล้วยังเน้นถึง ทุนทางจริยธรรม (Ethical Capital) , ทุนแห่งความสุข (Happiness Capital) และทุนแห่งความยั่งยืน (Sustainabillity Capital) ซึ่งเหมาะสมกับสังคมไทยที่มุ่งเน้นคุณธรรม จริยธรรมบนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่นเดียวกับ ทฤษฏีการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 8H,s ของคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ที่เน้นในส่วนของตัวบุคคล อันเกี่ยวกับ การรู้จักรากเหง้าของตนเอง (Heritage) ,การรู้จักคิดวิเคราะห์ใช้เหตุผล( Head ), มุ่งเน้นที่ความเป็นมืออาชีพ (Hand) ,มีจิตใจที่ดี มีทัศนคติในเชิงบวก (Heart), และต้อง มีสุขภาพ พลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์( Health) ก็จะส่งผลให้เกิด 3H ตามมา คือ Home มีครอบครัวที่อบอุ่น , Happiness การดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และ Harmony ภายใต้ความปรองดอง สามัคคีและสมานฉันท์(2) จะสร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้อย่างไร ผมขอแสดงข้อคิดเห็นซึ่งอาจจะดูแตกต่างกว่าเพื่อนๆคนอื่นอยู่สักหน่อย ดังนี้ครับ กระทรวงเกษตรฯของเรานี้ถ้าดูกันจริงๆแล้วจะเห็นได้ชัดว่า ในเรื่องของ IC แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Human Capital , Structural Capital รวมไปถึง Customer/Relational Capital ซึ่งกระทรวงเกษตรฯของเรามีอยู่ค่อนข้างจะครบถ้วนแล้ว เพียงแต่ว่าในวันนี้ ทิศทางการดำเนินงานของกระทรวงฯตกไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของนักการเมืองที่เข้ามาครอบงำ / แสวงหาผลประโยชน์จากการดำเนินงานของกระทรวงฯมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนๆ ก็มองเห็นเกษตรกรไทย คือ เหยื่อ รวมไปถึง เจ้าหน้าที่ของ กรม กอง ต่างๆของกระทรวงฯเป็นเครื่องมือที่จะใช้จัดการกับ เหยื่อ อยู่ร่ำไป โดยปราศจากภูมิคุ้มกันใดๆ ดังนั้นผมเห็นว่า มี วิธีเดียว คือ ทำให้ข้าราชการประจำของกระทรวงเข้มแข็งไม่ตกไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของนักการเมืองให้ได้ แล้วยึด ประโยชน์ของเกษตรกรเป็นหลัก เพื่อให้ ICของกระทรวงฯที่มีอยู่แล้วได้มีโอกาสแสดงพลังออกมา ธนาไชย ภาณุพินทุ : กรมชลประทาน"ธนาชัย ภาณุพินทุ" <[email protected]>
เรียน ผู้เข้ารับการอบรมกระทรวงแรงงาน ซี7 ทุกท่าน
ผมได้เปิด Blog และได้เห็นความมุ่งมั่นของลูกศิษย์ที่ได้ทำการบ้านอย่างเข้มข้น และสม่ำเสมอ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ที่ยังไม่ส่งการบ้านขอให้ส่งด้วย
ผมได้รับ Feedback ว่าทุกคนอยากทำงานต่อเนื่อง และไปต่างประเทศ ซึ่งผมได้รับข้อมูลว่าทางกระทรวงกำลังพิจารณาอยู่ที่จะให้รุ่น 1 นี้ได้ต่อยอด สำหรับผู้ที่ส่งข้อมูลมาแล้ว ผมจะมีการบ้านเพิ่มเติม เรื่อง ภาวะผู้นำ ซึ่งจะส่งผ่านไปที่คุณวนิดา ประธานรุ่น ในเร็ว ๆ นี้
ผมคิดถึงทุก ๆ ท่าน และยังจำบรรยากาศที่อยู่ร่วมกันได้ดี ผมหวังว่าจะได้ทำงานอย่างต่อเนื่องต่อไป
จีระ หงส์ลดารมภ์
เรียน ท่านอาจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ยังให้โอกาสลูกศิษย์ตาดำ ๆ ในการส่งการบ้านที่ล่าช้ากว่ากำหนดมานาน ขอส่งการบ้านที่ท่านอาจารย์ได้ให้ไว้ดังนี้ค่ะ ข้อ 1. การเปรียบเทียบ IC ของ Stewart, 8K's และ 8H's Concepts ของ 8K's และ 8H's คล้ายคลึงกันโดยจะเน้นหรือให้น้ำหนักไปที่การพัฒนาคน ที่จำเป็นสำหรับการทำงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญขององค์กร และประเทศชาติ ซึ่งต้องได้รับการพัฒนาตั้งแต่ในวัยเด็ก หรือตั้งแต่ที่บ้านกันเลย พัฒนาทั้งความรู้ ความสามารถ ความคิด จิตใจ และที่สำคัญต้องไม่ลืมความเป็นไทย เป็นทฤษฎีที่เหมาะสมกับคนไทยอย่างยิ่ง โดยสามารถเปรียบเทียบแต่ละข้อของทฤษฎีทั้ง 2 เข้าด้วยกันได้ดังนี้
8 H’s | 8 K’s |
Heritage | Sustainable C. |
Head | Intellectual C. |
Hand | Talent C. |
Heart | Ethical C. |
Home + Health | Human C. |
Happiness | Happiness C. |
Harmony | Social C. |
สำหรับ Digital C. ทุนทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ใน 8H's ไม่ได้กล่าวถึง เนื่องจาก 8H's จะมองที่ตัวเองมากกว่า ส่วน 8K's จะมองกว้างไปถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง ซึ่งมีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกในการพัฒนาตนเอง ส่วน IC ของ Stewart ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ 1.Human Capital 2.Structural Capital 3.Customer Capital เป็นทฤษฎีที่เน้นพัฒนาคนให้มีความรู้ ความสามารถ เพื่อการสร้างมูลค่าเพื่ม บรรลุผลในเชิงธุรกิจหรือขององค์กรมากกว่า ถือได้ว่า IC ของ Stewart เป็นส่วนหนึ่งของ Head ใน 8 H’s และ Intellectual C. ของ 8K's ข้อ 2. จะสร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้อย่างไร IC ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้ง 3 ส่วน ถือได้ว่ามีอยู่มากมาย ทั้ง Human Capital Structural Capital และ Customer Capital เพียงแต่ไม่มีการจัดการที่เป็นระบบ การจัดการความรู้หรือ KM จึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำความรู้ทางวิชาการที่บุคลากรมีมากอยู่แล้ว มาผนวกกับความรู้หรือปัญหาของเกษตรกร ซึ่งเกิดจากการปฏิบัติ มาร่วมกันคิด ช่วยกันแก้ปัญหานั้น ๆ ทำให้เกิดความรู้ใหม่ ๆ เกิดนวัตกรรมในด้านการเกษตร นำความรู้ที่เกิดขึ้นใหม่นั้น ๆ ไปถ่ายทอด แลกเปลี่ยน เรียนรู้ร่วมกันในองค์กร สร้างนวัตกรรม ต่อไป
วลีพร นนทิการ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กราบเรียนอาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่เคารพรัก กระผมขอส่งการบ้านไม่ทราบว่าจะช้าไปหรือเปล่า หริอว่าเป็นคนสุดท้าย
1.เปรียบเทียบ ICของStewartกับทฤษฎี8k'sและ 8H's ทุนทางปัญญา(Intellectual Capital)ของStewart เชื่อมโยงกับทฤษฎี8K'sและ8H's ได้อย่างเป็นระบบ ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดีก็จะมีประสิทธิภาพและก่อประโยชน์สูงสุดกับตัวเองและองค์กรเอกชนในเชิงพาณิชย์ กล่าวคือ ทฤษฎี8H's เป็นนักบริหารที่ดีคิดอย่างผู้นำ ถ้าเปรียบเทียบการทำธุรกิจเชิงพาณิชย์ไม่ว่าเป็นธุรกิจการค้าภายในประเทศหรือระหว่างประเทศ การบริหารองค์กรภาครัฐและเอกชน โดยนำความคิดอย่างผู้นำ 8H's ประกอบด้วย
กราบเรียนอาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่เคารพรัก กระผมขอส่งการบ้านไม่ทราบว่าจะช้าไปหรือเปล่า หริอว่าเป็นคนสุดท้าย
1.เปรียบเทียบ ICของStewartกับทฤษฎี8k'sและ 8H's ทุนทางปัญญา(Intellectual Capital)ของStewart เชื่อมโยงกับทฤษฎี8K'sและ8H's ได้อย่างเป็นระบบ ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดีก็จะมีประสิทธิภาพและก่อประโยชน์สูงสุดกับตัวเองและองค์กรเอกชนในเชิงพาณิชย์ กล่าวคือ ทฤษฎี8H's เป็นนักบริหารที่ดีคิดอย่างผู้นำ ถ้าเปรียบเทียบการทำธุรกิจเชิงพาณิชย์ไม่ว่าเป็นธุรกิจการค้าภายในประเทศหรือระหว่างประเทศ การบริหารองค์กรภาครัฐและเอกชน โดยนำความคิดอย่างผู้นำ 8H's ประกอบด้วย Heritage(รากเหง้า) Head(สมอง) Heart(จิตใจ) Home(บ้าน) Harmony(สมานฉันท์) Hapiness(ความสุข) Health(สุขภาพ) Hand(มือ) เชื่อมโยงกับ8K's ทุนมนุษย์ ทุนทางปัญญา ทุนทางจริยธรรม ทุนแห่งความสุข ทุนทางสังคม ทุนแห่งความยั่งยืน ทุนทางเทคโนโลยี ทุนทางความรู้โดยนำ 8K's มาปรับใช้กับยุคปัจจุบัน ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เป็นยุคแห่งโลกาภิวัฒน์ จำเป็นต้องเรียนรู้ นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นระบบ ทำให้การเป็นผู้นำ ผู้บริหารประสบ ความสำเร็จ และมีความสุขกับตนเองและครอบครัว แต่ทั้งนี้ทฤษฎีของ Stewart (ทุนทางมนุษย์ ลูกค้า องค์กร/โครงสร้าง) ต้องแข็งแกร่งสามารถพึ่งตนเองได้ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
สวัสดีครับ ท่านอาจารย์จีระ ทีมงาน และเพื่อน ๆ ที่รักทุกท่าน
ก็ต้องบอกว่าพวกเราเงียบหายกันไปนานนะครับ อาจจะเป็นเพราะงานชุมช่วงปลายปีงบประมาณก็ได้ เพราะผมเองก็ยังค้างจัดซื้อ/จัดจ้างอยู่หลายรายการ อย่างไรก็ตามคงจะเข้ามาใน Blog. บ่อยขึ้นแน่ครับ สำหรับการบ้านที่ต้องส่งก็คงจะช้าไปหน่อยเหมือนหลาย ๆ ท่าน ผมเข้ามาอ่านแล้ว “ต๊กดีใจ” ที่เพื่อน ๆ ตั้งใจทำกันมาก ข้อมูลเพียบ ผมคงขออนุญาตไม่ส่งในรายละเอียดมากนักเพราะตำราเดียวกัน คงเหมือนๆ กัน สรุปว่า ถ้าเปรียบเทียบ IC ของ Steward 8K’s อาจารย์จีระ และ 8H’s คุณหญิงทิพาวดี ซึ่งล้วนเป็นแนวคิดในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แต่มองจากแง่มุมที่ต่างกัน ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าแต่ละท่านมีพื้นฐานทางสังคม และการดำเนินชีวิตที่ต่างกัน 8K’s อาจารย์จีระ และ 8H’s คุณหญิงทิพาวดี จะมีแนวคิดเป็นฝั่งตะวันออก ซึ่งมองถึงภายใน ความเป็นตัวตน และคุณค่าของมนุษย์ (Humanistic) ในขณะที่ Steward นั้นมีแนวคิดทางฝั่งตะวันตก ซึ่งมองถึงภายนอก วัตถุต่าง ๆ และความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างมีเหตุผลและพิสูจน์ได้ (Sciencetific) อันจะนำไปสู่การแข่งขันทางเศรษฐกิจและสังคม และถ้าหากจะให้พิเคราะห์ดูว่า แนวคิดแบบไหนจะดีกว่ากัน สำหรับตัวผมเองก็ต้องบอกว่าทางฝั่งตะวันออก ของอาจารย์จีระ และคุณหญิงทิพาวดี คงจะดีกว่า เพราะผมก็เป็นคนทางฝั่งนี้ มีวิถีการดำเนินชีวิตแบบตะวันออก ชอบการพัฒนาคุณภาพรากเหง้าชีวิตตนเองที่มีทั้งทุนทางปัญญา สุขภาพ จริยธรรม วัฒนธรรม ความปรองดองทางสังคม มีความสุขอย่างพอเพียงและยั่งยืน มากกว่าที่จะถูกมองเป็นเพียงวัตถุหนึ่ง(Human Cap.) ของการพัฒนาองค์ประกอบ 3 อย่าง ทางฝั่งตะวันตก ของ Steward แต่อย่างไรก็ตามความเหมาะสมที่สุดน่าจะเกิดขึ้นได้ จากการนำแนวคิดต่าง ๆ มาปรับใช้การดำเนินชีวิตของตนเอง สภาพและโครงสร้างของหน่วยงาน และภาวะแวดล้อมที่ดำเนินอยู่
สำหรับประเด็นเรื่องของทุนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั้น ผมเองมีความเห็นว่า ที่เราได้ดำเนินการมาแล้วหลายปี (แผนพัฒนฯ 1-8) เป็นการพัฒนาที่มุ่งเน้นไปตามแนวคิดของตะวันตก มีการพัฒนาวัตถุต่าง ๆ เช่น มนุษย์(เฉพาะลักษณะ และสิ่งจำเป็นในการทำงาน) โครงสร้างพื้นฐาน ความสัมพันธ์ ของผู้มีส่วนได้/เสีย ซึ่งทำให้กระทรวงเกษตรฯ มีปัจจัยเหล่านี้ค่อนข้างพร้อม ถึงบางครั้งมากเกินความจำเป็น เป็นระบบที่อ้วน หนา เทอะทะ การดำเนินงานก็ยังได้ผลไม่ดีนัก บุคคลากรมุ่งสู่วัตถุนิยม พวกพ้อง และอำนาจ ระบบการบริหารกระจุกตัวอยู่ตามขั้วต่าง ๆ แต่เมื่อเริ่มแผนฯ 9 เราเริ่มมองการพัฒนาเข้าไปในรากเหง้าความเป็นตัวตนของมนุษย์มากขึ้น การพัฒนาความรู้สึก นึกคิด อารมณ์ ศีลธรรม จริยธรรม วัฒนาธรรม ฯลฯ ถูกนำมาเป็นประเด็นในการพิจารณากำหนดแผน ซึ่งน่าจะมีผลนำไปสู่ความยั่งยืนของสังคมต่อไป1.เปรียบเทียบ IC ของ Stearch กับ 8K's และ 8H's
Thomas A. Stewart |
ทฤษฎีทุน 8 K ที่เป็นพื้นฐานของ ทรัพยากรมนุษย์ | หลัก 8 H ของคุณหญิงทิพาวดี | ||
(1) Human C. | 1 | ทุนมนุษย์ (Human Capital) | 1 | Heritage (รู้จักตนเองอย่างแท้จริง) |
2 | Hand (เน้นที่การลงมือทำด้วยตนเอง) | |||
2 | ทุนทางปัญญา (Intellectual Capital) | 3 | Head (มีสมองที่รู้จักคิดวิเคราะห์) | |
2 | Hand (เน้นที่การลงมือทำด้วยตนเอง) | |||
3 | ทุนทางจริยธรรม (Ethical Capital) | 4 | Heart (มีจิตใจที่ดี มีทัศนคติในเชิงบวก) | |
4 | ทุนแห่งความสุข (Happiness Capital) | 5 | Happiness (ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข โดยไม่เบียดเบียนใคร) | |
6 | Home (มีครอบครัวที่อบอุ่น) | |||
7 | Health (สุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์) | |||
(2) Structural C. | 5 | ทุนทาง IT (Digital Capital) | 2 | Hand (เน้นที่การลงมือทำด้วยตนเอง) |
3 | Head (มีสมองที่รู้จักคิดวิเคราะห์) | |||
6 | ทุนทางสังคม (Social Capital) | 8 | Harmony (สร้างความปรองดอง สมานฉันท์) | |
7 | ทุนทาง Knowledge, Skill, Mindset (Talented Capital) | 3 | Head (มีสมองที่รู้จักคิดวิเคราะห์) | |
2 | Hand (เน้นที่การลงมือทำด้วยตนเอง) | |||
4 | Heart (มีจิตใจที่ดี มีทัศนคติในเชิงบวก) | |||
(3) Customer C. | 6 | ทุนทางสังคม (Social Capital) | 8 | Harmony (สร้างความปรองดอง สมานฉันท์) |
8 | ทุนแห่งความยั่งยืน (Sustainability Capital) | 3 | Head (มีสมองที่รู้จักคิดวิเคราะห์) | |
2 | Hand (เน้นที่การลงมือทำด้วยตนเอง) | |||
8 | Harmony (สร้างความปรองดอง สมานฉันท์) | |||
3 | ทุนทางจริยธรรม (Ethical Capital) | 4 | Heart (มีจิตใจที่ดี มีทัศนคติในเชิงบวก) |
เรื่องที่ไม่ประสบความสำเร็จ ในส่วนของกรมประมงคือเรื่องของการแสดงให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้เข้าใจว่าการกระทำหรือกิจกรรมของมนุษย์มีผลกระทบต่อสัตว์น้ำอย่างมาก คุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำจึงไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่มากนักในสังคม จะสนใจกันก็ต่อเมื่อเกิดปัญหาสัตว์น้ำตายเป็นจำนวนมากแต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น ทั้งๆที่กรมประมงก็มีองค์ความรู้เหล่านี้อยู่มาก
เนื่องจากว่าสัตว์น้ำมีถิ่นที่อยู่ในแหล่งน้ำซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างไปจากที่มนุษย์อาศัยอยู่ การทำความเข้าใจในเรื่องอะไรก็มักจะใช้ความเคยชินในการตัดสินใจเพื่อเชื่อและปฏิบัติตาม เช่นเรื่องใกล้ตัวของเราคือเรื่องปัญหาน้ำเน่าเสียในกรุงเทพฯ หรือแม่น้ำสายใหญ่เช่น แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน มาจากน้ำทิ้งจากบ้านเรือนที่ปล่อยสารอินทรีย์ลงมาสะสมในแหล่งน้ำจนถึงจุดที่เกินกว่าจะกำจัดได้ตามธรรมชาติ แต่ไม่มีใครเห็นเพราะสิ่งเหล่านี้จมอยู่ใต้น้ำไม่เหมือนกองขยะที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาทันทีที่มีการสะสม และสิ่งเหล่านี้ได้ทำลายแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งผสมพันธุ์และเลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์น้ำไปอย่างมาก ทำให้ชนิดและจำนวนสัตว์น้ำที่เคยมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ชาวประมงต้องใช้เวลาใช้แรงงานและค่าใช้จ่ายในการจับสัตว์น้ำมากขึ้นแต่ได้ผลผลิตน้อยลง มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนถึงชุมชน กลายเป็นปัญหาหนี้สิน และอาชญากรรม ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นคือมีการใช้วิธีทำการประมงที่ผิดกฎหมายเช่น วางยาเบื่อเมาหรือระเบิด ซึ่งเป็นการทำลายสัตว์น้ำโดยตรง
สำหรับกิจกรรมที่ก่อให้เกิดปัญหาในระดับที่กว้างไปกว่านั้นก็คือ โครงการพัฒนาประเทศทั้งหลายที่ประเมินผลตอบแทนที่เป็นตัวเลขของเงินเท่านั้น เช่นการสร้างเขื่อน มักประเมินคุณค่าของทรัพยากรประมงเป็นจำนวนเงิน แล้วใช้วิธีซื้อพันธุ์สัตว์น้ำที่เกิดจากการเพาะพันธุ์ปล่อยลงไปแทน ซึ่งกรมประมงยังไม่สามารถทำความเข้าใจให้กับผู้ประเมินได้ว่า สัตว์น้ำที่เพาะพันธุ์ได้ในปัจจุบันมีจำนวนชนิดน้อยกว่าที่มีอยู่ในธรรมชาติ และสัตว์น้ำชนิดหนึ่งไม่สามารถไปทดแทนสัตว์น้ำชนิดหนึ่งได้ ปลายี่สกเทศไม่สามารถไปทดแทนปลานวลจันทร์น้ำจืดได้ และการทุ่มปล่อยสัตว์น้ำชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นจำนวนมากก็จะเกิดผลกระทบต่อสัตว์น้ำชนิดอื่นด้วย กรมประมงยังทำไม่ได้แม้กระทั่งการพบกันครึ่งทางระหว่างการก่อสร้างโครงการต่างๆในลำน้ำกับการบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้คงอยู่ โดยการสร้างทางผ่านของสัตว์น้ำ(บันไดปลาโจน)ให้เหมาะสมในโครงการสร้างเขื่อนที่สร้างขวางลำน้ำ ที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถใช้งานได้จริงเนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งรูปร่างและขนาดของบันไดปลาโจนไม่สามารถชักนำให้สัตว์น้ำเข้ามาเดินทางผ่านเพื่อกลับไปยังแหล่งเลี้ยงตัววางไข่ที่อยู่ต้นน้ำได้ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความมั่นคงทางอาหารของคนในพื้นที่ทำวิถีชีวิตต้องเปลี่ยนไป พึ่งพาตนเองได้น้อยลง และการชดเชยด้วยการซื้อพันธุ์สัตว์น้ำปล่อยลงไปไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริงและไม่คุ้มค่าโดยภาพรวมเรื่องที่ไม่ประสบความสำเร็จดูจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องที่ประสบความสำเร็จซึ่งก็ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมที่ต่อยอดและต่อเนื่องไปอีกยาวนาน เพื่อที่จะมีแนวทางแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร เมื่อภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบจนน้ำทะเลขึ้นมาถึงเขื่อนเจ้าพระยา
กราบเรียน...ท่านอาจารย์ ดร.จีระและทีมงานค่ะ
เข้ามาเยี่ยมเยียนอาจารย์ใน Web อย่างสม่ำเสมอค่ะ ท่านอาจารย์และทีมงานคงสบายดีนะคะ ทางเหนืออากาศจะเริ่มหนาวแล้วค่ะหมดฝนก็คงเข้าหนาวพอดี อาจารย์คงมีงานเยอะเหมือนเช่นเคยนะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะและกำลังรอการบ้านของอาจารย์เกี่ยวกับภาวะผู้นำอยู่ด้วยใจระทึกค่ะ
ด้วยความเคารพค่ะ
ประหยัด สำนักงานเกษตรจ.ลำพูน
เรียน อาจารย์ จิระ ฯ ด้วยความเคารพอย่างสูง
ผมต้องขอโทษอาจารย์เป็นอย่างสูง ที่ไม่สามารถส่งงานได้ตามกำหนด ต้องเรียนว่าระบบ IT ของหน่วยงานของผม ยังมีปัญหาอยู่มาก สามวันดีสี่วันไข้ ไม่สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา เหมือนเพื่อน ๆ อีกหลายคนที่อยู่ส่วนกลาง จะประสานเพื่อน ๆ ก็ไม่มีทำเนียบรุ่น ( คิดว่าอีกหลายคนคงมีปัญหาเหมือนกับผม ) งานชิ้นต่อไปของอาจารย์ เรื่องภาวะผู้นำ จะประสานกับประธาน ( คุณวนิดา ) ก็ไม่ทราบว่าจะประสานได้หรือเปล่า
1. เปรียบเทียบ 8 K "s และ 8 H " s ของ อ.จิระ และคุณหญิงทิพภาวดี กับ Intellectual Capital ของ THomas Stewart
ซึ่งในส่วนของ 8K"s ซึ่งมีความแตกต่างน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับ 8 H"s ความต่างก็คือทุนทางสังคม ซึ่งจะเน้นให้ทุกภาคส่วนมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เพื่อเสริมส้รางเครือข่ายโดยไม่จำกัดว่าจะเป็นหน่ายงานเดียวกันหรือไม่ ทั้งนี้จะต้องนำเอาระบบ IT มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
ในขณะที่IC ( IntellecTual Capital ) ของ Thomas Stewart ได้แบ่งแนวคิดออกเป็น 3 ส่วนคือ Human Capital ,Customer Capital , Structure Capital ซึ่งจะมองเน้นที่ผลประโยชน์ทางธุรกิจเป็นสำคัญ โดยใช้ทุนทั้งสามประเภทเป็นกรอบในการดำเนินนโยบาย ซึ่งความต่างจะเห็นชัด เพราะเป็นการดำเนินงานที่ไม่มีความยังยืนและอาจจะขาดจริยธรรม
2. จะสร้างมูลค่าเพิ่มจาก IC ในกระทรวงเกษตร ฯ ได้อย่างไร
จะต้องยอมรับความจริงประการหนึ่งว่า กษ. เป็นหน่วยงานที่ใหญ่ จึงประกอบไปด้วยบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ แต่สิ่งที่ขาดคือ การบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วน ไม่มีการสร้างเครือข่าย ทำงานซำซ้อนกัน
กษ. จะต้องปรับปรุงโดยการนำ IT มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ผู้บริหารระดับสูงจะต้องให้ความสำคัญต่อการบริหาร KM ให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
ขอเชิญเข้าร่วมสัมมนา“ปัจจัยท้าทายประเทศไทยปี 2553 อยู่รอดหรือยั่งยืน?”
วันที่ 8 ธันวาคม 2552
ณ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด แคมปัสพระรามเก้า
มีรายละเอียดในลิ้งค์นี้