หมอแอ๊ด ... ทพ.เริงสิทธิ์ อยู่ที่ รพ.ลำปลายมาศค่ะ หมอแอ๊ดเล่าเรื่องความสำเร็จว่า
- ทำเรื่องส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ ...
กิจกรรมที่ทำพบว่า ตอนแรกไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง พยายามเอาเรื่องเข้าหารือกรรมการโรงพยาบาล- กรรมการให้ความคิดว่า ถ้าจะทำทั้งตำบล เป็นไปได้ยาก น่าจะเริ่มที่หมู่บ้านก่อน ให้เป็นหมู่บ้านต้นแบบ
- และมีพี่ที่กำลังทำในเรื่องเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดในหมู่ 4 ถ้าหมอลงไปทำตรงนั้น มันจะได้สอดคล้องกัน ก็เลยเข้าไปในหมู่ 4 ก่อน
- จึงเข้าหมู่ 4 ไปตรวจฟัน ไปหาผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ work
- ก็เลยมาคุยที่กรรมการอีกที ทีมงานใน รพ. ก็บอกว่า การเข้าไปอย่างนี้มันต้องใช้แขนใช้ขา ... เอาคนในชุมชนดูแลกันเอง
- ก็เลยตัดสินใจ วันที่ 9 กพ. ก็เรียกประชุม คนในหมู่บ้าน มีการทำแบบสอบถาม
- และ 14 กพ. ก็เอาโครงการไปนำเสนอ ได้รับการ feedback กลับมาว่า มันน่าจะเป็นเรื่องยาก เพราะเราต้องออกไปตรวจผู้สูงอายุทั้งหมด 100 คน
- ก็เลยมีการแบ่งทีมบุคลากรข้างใน และข้างนอก สร้างทีมงาน ในลักษณะที่ว่า เอา รพ.ส่งเสริมสุขภาพเป็นทีมหนึ่ง เพราะจะมีงานผู้สูงอายุอยู่หลายฝ่าย คุณหมอคนหนึ่งก็ดูแลผู้สูงอายุ เบาหวาน ส่งเสริมก็ดูแลผู้สูงอายุ มีชมรม จึงขมวดตรงนี้มารวมกัน
- เขาพูดอะไรก็ไปตามเขา เช่น พยาบาลไปอบรมเรื่องผู้สูงอายุมา ก็บอกว่า คุณไปอบรมมาก็ต้องมาถ่ายทอดนะ ของคุณไปทำอะไรมา และมีโอกาสก็ดึงเขาไปด้วย
- ส่วนทีมนอก รพ. ก็มาสร้าง โดยมีฝ่ายส่งเสริมฯ เป็นพี่เลี้ยง เพราะเขาทำงานกับ อสม. มาตลอด
- เขาก็บอกว่า จะไปทำเรื่องช่องปาก ก็จะมีพี่สัมฤทธิ์ เป็นประธานกลุ่ม
- จากนั้นเราก็เริ่มรู้จักเขา ... ไปนำเสนอที่ศูนย์ฯ มา 3 เดือน ก็เรียกประชุม ก็หารือฝ่ายส่งเสริมฯ ว่าอยากให้มีคนไปช่วย ก็ได้มา 2 คน และมาหาคนในหมู่ 4 ให้มาประชุมกับผมทั้งหมด และไปหาผู้สูงอายุที่แข็งแรง ช่วยงานได้ เขาก็ไปหามาได้ทั้งหมด 39 คน มาประชุมกัน
- แล้วให้แต่ละคนในที่ประชุมไปประชุมย่อย โดยให้ข้อมูลเขาไปว่า ทำยังไงในหมู่บ้านของคุณจะปลอดน้ำอัดลม โดยเริ่มต้นจากการไม่จำหน่ายในเด็ก ผู้สูงอายุเป็นคนดูแลลูกหลาน
- เขาคิดออกมาได้หลายอย่าง แต่มีคนบอกว่า ข้อตกลงพวกนี้ เราจะนำไปติดตามบ้านของทุกคนดีไหม เขาก็บอกว่า ติดยาก เพราะเรามา 40 คน (คนน้อย) เราน่าจะไปหาเครือข่ายอีกคนละ 2 ครัวเรือน
- เขาก็ไปหาต่ออีกคนละ 2 ครัวเรือน และก็ตาม อสม. ไปในแต่ละครัวเรือน
- ก็เลยมีวันที่ 4 พค. เรียกประชุมครั้งที่ 2 และก็มีการตรวจเยี่ยมของกรมฯ ในวันนั้น และมีข้อตกลง 5 ข้อ
- 1. ให้ผู้สูงอายุดูแลลูกหลาน แปรงฟันตามที่ อสม. สอน
- 2. ผู้สูงอายุดูแลลูกหลาน ให้เลือกกิน เลือกซื้อ และหลีกเลี้ยงน้ำอัดลม หรือขนมกรุบกรอบ
- 3. งานวัดงานบุญนี่ ผู้สูงอายุ หรือ อสม. ให้ตรวจดูสมาชิก อย่าให้เอาน้ำอัดลมเข้ามาเลี้ยง ให้เอาน้ำสมุนไพรขึ้นมาแทน
- 4. ให้ขอร้องร้านค้าอย่าเลือกขายของนี้ให้ลูกหลาน
- 5. เก็บเงินครอบครัวละ 2 บาท ทำเรื่องอาหาร และทางเลือกเพื่อเด็ก
- 5 ข้อนี้ จัดเป็นกิจกรรม
- พอเรื่องตามงานก็บอกว่า ให้ตั้งคนขึ้นมาดูแล และพยายามทำให้ครอบคลุม เพราะว่าเราเป็นหมู่บ้านแกนนำ หมู่บ้านอื่นๆ จะได้มาทำตาม
- ส่วนนี้คือ ความภาคภูมิใจว่ามันเป็นไปได้
ถามว่า "หมอแอ๊ดคิดยังไงก่อนที่จะลงไปทำ เพราะตอนมาบอก บอกว่า 100 หลังคาเรื่อน พี่แอ๊ดจะเดินไปเอง สำรวจเอง"
- ตอนแรกผมก็เข้าใจว่า การที่เราจะทำอะไรจะอยู่ที่เราจะทำงานวิจัยชี้นหนึ่งเกี่ยวกับคุณภาพชีวิต ก็เอาโครงการนี้ลงไป มันก็จะ standard ต้องออกคนเดียว และก็ไม่อยากให้คนอื่นสัมภาษณ์ ก็คิดทำเอง
- แต่พอกลับมา ก็คิดไปว่า มันจะไม่ไหว แต่ก็พยายามดำเนินการอยู่ โดยตรวจและส่งต่อมาอยู่ประมาณ 3 เดือน
- ก็เรียกประชุมตรงนี้ เพราะช่วง 3 เดือนก็มีความเปลี่ยนแปลง มีการตั้งกรรมการ รพ. มีการแนะนำว่าน่าจะเอาคนมาเกี่ยวข้อง ความคิดนี้ก็เลยมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะ
- ที่ว่า ... แต่ก่อนเราเข้าใจว่าเราเป็นถึงหมอ ทำได้ทุกอย่าง มันไม่ใช่ ต้องเข้าไปหาเขา และไปตอนที่เขาว่าง ต้องถามว่า คุณว่างเมื่อไร เพราะไปหลายทีก็ไม่เจอคุณเลย ... เราดูจากสำเนาทะเบียนบ้าน ที่เขามี 100 คน มี 100 รายชื่อ ก็ต้องไปให้ครบ
ปัจจัยความสำเร็จ ของหมอแอ๊ด อยู่ที่เรื่องของ "การทำให้ อสม. ให้ความร่วมมือได้"
- ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นระบบ จากหัวหน้าฝ่ายการฯ ก็ลงไปช่วยพูด
- สสจ. (พี่เผ่าพันธุ์) ลงไปเต็มที่เลย ... คือ ทีมส่งเสริมสุขภาพที่แข็ง ของทั้ง รพ.ลำปลายมาศ สสจ. สนับสนุนเต็มที่ให้เราทำงาน
- ได้แรงบันดาลใจ (จาก รพ.พุทไธสง) กำลังใจในการทำงานขึ้นมาว่า เราทำตรงนั้นได้ ก็จะขยายงานได้
- ชุมชนเป็นพี่เป็นน้อง ไล่ไปไล่มาก็เป็นเครือญาติ และเป็นหมู่บ้านที่รวมตัวกันเป็นกระจุก เวลาเราลงไปก็เข้าไปหาเขาได้เลย
- ทีม อสม. เข้มแข็ง
รวมเรื่อง "รวมก๊วนสร้างพลังเรียนรู้ และพัฒนากิจกรรมผู้สูงอายุ"