เมื่อต้นเดือนก่อนได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการกับ สคส.เรื่อง "องค์กรอัจฉริยะ" ในรายการ สคส.นำเสนอโปรแกรมเพื่อการพัฒนาองค์กรอัจฉริยะ "Intelligent Organization Coaching Service"
ที่ ม.อ. โดยการนำของ CKO สนใจโครงการนี้และได้ไปเข้าร่วมประชุมครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2550 กลับมาตั้งหลักคิดกันว่าเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด มี 2 มุมในการเข้าร่วมโครงการครั้งนี้
น่าจะเลือกคณะที่มีขนาดพอควรเข้าร่วมโครงการเป็นคณะนำร่องที่จะเดินตามกระบวนการ Coaching ได้อย่างไม่อืดอาดนักเนื่องจากองค์กรของเราเป็นองค์กรใหญ่ .... เป็นพันธะสัญญาเพียงปีเดียวว่าเขาต้องเป็นคณะนำร่องในการทำ....แล้วจบกันเขาก็พึงรักษาสถานะและบรรยากาศในองค์กรให้คงอยู่เองข้อดีคือ....ได้คณะที่มุ่งมั่นทำจริง...เห็นผลเกิดการ "อิน" ในการทำงานให้คณะตัวเอง...สำเร็จ...อาจไม่ส่งผลหรือสะท้อนไปยังคณะ..หน่วยงานอื่นๆ
มุมหนึ่งที่มองคือ...จัดคนกลาง...ใครก็ได้ไม่สังกัดคณะจากคณะอาจเป็นกรรมการ KM ตรงกลางที่มุ่งมั่นรวมทีมกันไปเรียนรู้กระบวนการ...เลือกคณะใดก็ได้มานำร่องใช้คณะนั้นเป็นกรณีศึกษาทำใน 1 ปี แล้วกลับมาทำหน้าที่ Coaching คณะหน่วยงานอื่นๆในมหาวิทยาลัย...ดิฉั้นเชียร์แบบหลังนี้น่าจะคุ้มกว่าในแง่การลงทุน...และการมาขยับขบวนทัพภายใน....เพราะเชื่อว่าหากคณะใดคณะหนึ่งไปนำร่องแล้ว...เราไม่สามารถบังคับให้เขาทำหน้าที่ Coaching ต่อหน่วยงานอื่นต่อแน่นอน เท่ากับต้นทุนที่ลงทุนไปจะเกิดดอกออกผลอยู่ที่คณะ หน่วยงานเดียว
วันศุกร์นี้ บ่ายเรานัดคุยกันอีกที โดยเชิญคณะที่เราเห็นว่ามีต้นทุนเดิมในการเดินในเส้นทางสายนี้มาร่วมคุย....ร่วมเป็นหน่วยงานนำร่อง อีกมุมดิฉั้นก็มองว่า....อาจเป็นโอกาสของหน่วยงานที่ไม่มีต้นทุนเดิมในการพลิกบรรยากาศการทำงานพลิกสมรรถนะองค์กร ให้ดีขึ้น...
เป็นหลายมุมที่คิดกลับไปกลับมาเพื่อความรอบคอบ
สวัสดีค่ะ
ตามที่อ่านนะคะ ตรงนี้ดีที่สุดค่ะ เห็นอย่างเดียวกันค่ะ
...จัดคนกลาง...ใครก็ได้ไม่สังกัดคณะจากคณะอาจเป็นกรรมการ KM ตรงกลางที่มุ่งมั่นรวมทีมกันไปเรียนรู้กระบวนการ...เลือกคณะใดก็ได้มานำร่องใช้คณะนั้นเป็นกรณีศึกษาทำใน 1 ปี แล้วกลับมาทำหน้าที่ Coaching คณะหน่วยงานอื่นๆในมหาวิทยาลัย