ชีวิตงานภายในตน (Inner Work Life): ปัจจัยความสุขและความสำเร็จ
สองสัปดาห์ก่อน (ศุกร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๕๐) ศุกร์สนทนานำเรื่องชีวิตงานภายในตน (Inner Work Life) มาสนทนากัน โดยเป็นบทความจาก Harvard Business Review ฉบับเดือนพฤษภาคม ๒๐๐๗ เขียนโดย Teresa M. Amabile and Steven J. Kramer
ความน่าสนใจสำหรับนักวิจัยด้านบริหาร คือระเบียบวิธีวิจัยที่ใช้ตอบคำถามวิจัยว่า ชีวิตงานภายในตนมีผลต่อความสำเร็จของงานหรือไม่ วิธีวิจัยที่ใช้ คือ ให้สมาชิกทุกคนในทีมปฏิบัติการภารกิจสำคัญเขียนบันทึกความรู้สึกของการร่วมงานในทีมปฏิบัติการภารกิจนั้นตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดภารกิจ บางภารกิจใช้เวลา ๕-๖ วัน แต่บางภารกิจกิจเวลานานหลายเดือน ผู้วิจัยส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ถึงสมาชิกทุกคนทุกวันให้เขียนความรู้สึกต่องานในแต่ละวัน การวิจัยได้ข้อมูลบันทึกประจำวันมากกว่าหนึ่งหมื่นสองพันฉบับ จากภารกิจ ๒๖ เรื่อง ผู้ร่วมบันทึก ๒๓๘ คน ความร่วมมือในการวิจัยโดยเขียนบันทึกประจำวันมีมากกว่าร้อยละ ๗๐ นอกจากนั้น ยังวิจัยด้วยการเฝ้าสังเกต รวมทั้งการอ่านผลรายงานปฏิบัติการภารกิจว่าประสบผลสำเร็จเพียงใด
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลสรุปว่า ผลสำเร็จของงานมีความสัมพันธ์อย่างยิ่งกับสิ่งที่เรียกว่า ชีวิตงานภายในตน ซึ่งเป็นความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างการรับรู้ข้อมูลนำเข้าของแต่ละวัน อารมณ์ที่สัมผัสการรับรู้นั้น และแรงจูงใจในการทำงาน ถ้าอารมณ์นำไปสู่ความสุข ก็จะมีผลสำเร็จของงานมากขึ้น แต่ถ้านำไปสู่อารมณ์โกรธ หงุดหงิด ผลสำเร็จของงานก็ลดลง ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของปัจจัยต่างๆ ในสมอง ที่เรียกว่า ชีวิตงานภายในตน สอดคล้องกับงานวิจัยด้านสมองที่เคยทำกันมาข้อค้นพบนี้ ดูค่อนข้างเป็นเรื่องสามัญสำนึก แต่ก็สร้างหลักฐานเชิงประจักษ์ให้เห็นว่า ความเป็นมนุษย์ของแต่ละคน หรือ ชีวิตงานในตน ของสมาชิกในทีมปฏิบัติการ เป็นปัจจัยความสำเร็จของงานชิ้นนั้นๆ ความสุขในการทำงานของสมาชิก นำไปสู่ความสำเร็จของงาน
ก่อนจบการอภิปรายในวันนั้น ก็มีผู้ให้ความเห็นว่า วัฒนธรรมและบริบทของประเทศไทย แตกต่างจากต่างประเทศ ฉะนั้น การวิจัยที่จะทำในประเทศไทยต้องปรับให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมของเรา
ถ้าจะนำผลการวิจัยมาใช้เลยทันทีคงไม่ผิดอะไร เพราะถ้าทีมงานมีความสุขผลสำเร็จของงานต้องดีอยู่แล้ว จึงเน้นว่า ความสุขจากการทำงาน จะนำมาซึ่งความสำเร็จ คงไม่สำคัญนักที่จะแยกระหว่าง งานสำเร็จแล้วมีความสุข หรือ มีความสุขจากชีวิตงานในตน ก่อน แล้วจึงมีความสำเร็จตามมา
หนูเคยเรียนเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขกับอาจารย์ที่จุฬา ค่ะ กลับมาสอนหนังสือก้อได้ใช้ ตำราของอาจารย์ประกอบด้วย เห็นด้วยค่ะ งานวิจัยที่เกิดขึ้นในเมืองไทยต้องให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมและวัฒนธรรมไทย ไม่เช่นนั้นงานวิจัยทีทำกันทั้นอกและในสถาบันก็เป็นได้แค่งานวิจัยที่ใช้สำหรับทำผลงาน และเก็บไว้ในหิ้ง แค่นั้นเอง
ประยูร
Health Economics,
International Programme,Chula