กัณฑ์เอนก
ผู้สาดน้ำมัน
บนความโกรธแค้น
กัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์
ความรับรู้และรับทราบ ในท่ามกลางบทสัมภาษณ์ของรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” กับประโยคแห่งปี ของคุณกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ ที่กล่าวคำว่า “คนไม่มีการศึกษา” และ “คนชั้นล่าง” กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวของสังคมไทยทันที ท่ามกลางความร้ายแรงของปัญหา
ท่ามกลางอคติในสังคมไทย ที่คุโชนขึ้นมาอีกครั้ง ความรุนแรงที่ไม่จบสิ้น จากเหตุการณ์ระเบิดอารมณ์ของลูกชาย จนกระทั่งก่อเหตุทุบหน้าผากคนขับรถปรับอากาศ และขับรถชนคนที่ยืนอยู่ริมฟุตบาท ความหมายของการกระทำ ไม่ได้จบลงในค่ำคืนนั้น แต่จบลงด้วยกระแสความเกลียดชัง เคียดแค้นชิงชัง ในท่ามกลางของเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น
วันนี้สิ่งที่คุณพ่อทำ คือการปกป้องลูกชาย ความพยายามที่จะอธิบายว่า ลูกชายของตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ ประเด็นและมุมมองของการทำร้ายร่างกาย จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ความพยายามในการอธิบาย เพื่อตอบโต้ถ้อยคำสัมภาษณ์ของกระเป๋ารถเมล์ ที่มีอารมณ์ความรู้สึก ทั้งกล่าวตำหนิ ทั้งประณามความเป็นคนรวย
แต่สิ่งที่คุณพ่อกระทำ ด้วยการกล่าวถึง คนไม่มีการศึกษา และ คนชั้นล่าง คือสิ่งที่สะท้อนอคติในใจคนชั้นล่างเช่นเดียวกับที่คุณพ่อ ได้กล่าวถึงอคติของคนจน ว่าคนรวยรังแก และเกลียดตำรวจ มุมมองของความจริงในอคติชนชั้นสูง ของคุณพ่อ ที่พร้อมจะตำหนิความยากจน และด้อยการศึกษา ก็เป็นเช่นเดียวกัน โดยมีมายาคติถึงการใช้ความรุนแรง ไม่มีเหตุผล และดูถูกคนรวย
ความจริงในขณะนี้ นอกเหนือจากความโกรธแค้นของคุณพ่อ คือความโกรธแค้นของคนไทยส่วนหนึ่ง
เรื่องสำคัญในขณะนี้ คือ สิ่งที่คุณพ่อต้องตระหนักว่า ควรจะทำเช่นไร ในเมื่อไม่มีคำขอโทษต่อผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ นอกจากแค่คำพูดว่าเสียใจ ไม่มีความสนใจต่อผู้ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีมิตรไมตรีความเอื้ออารีให้กับความตาย และความสูญเสีย ในความจริงซึ่งไม่มีสำนึกถึงความผิดพลาดดังกล่าว ล้วนเป็นดั่งเชื้อไฟ ที่เผาพลาญความเกลียดชังในขณะนี้
สิ่งนี้ไม่ได้ทำร้ายคุณพ่อ ทำร้ายคนขับรถปรับอากาศ กระเป๋ารถ หรือผู้โดยสาร แต่กลับทำร้ายลูกชายของคุณพ่อที่นอนเจ็บช้ำน้ำใจ และนอนในท่ามกลางความเจ็บปวดของร่างกาย และจิตใจ เมื่อจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นจากการไม่สามารถระงับอารมณ์ตนเองได้ วันนี้คุณพ่อกลับไม่ระงับอารมณ์ เช่นสิ่งที่ควรกระทำ
วันนี้สิ่งที่คุณพ่อควรทำ และควรตระหนักถึงสิ่งที่ควรกระทำให้ดีกว่านี้ สิ่งที่ไม่ควรพูด และไม่แสดงออก ไม่ใช่หมายถึงการยอมจำนน หรือยอมรับในความผิดพลาดของลูกชาย แต่อาจหมายถึงการตระหนักในความสูญเสีย มีน้ำใจอารีสำหรับความเจ็บปวด ที่คุณพ่อรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นลูกชาย คุณพ่อก็ควรเจ็บปวดในเมื่อเห็นความสูญเสียของคนอื่น
สิ่งที่ควรระวัง คือไม่ควรสาดน้ำมันเข้ากองไฟ ในอคติของความโกรธแค้นวันนี้ ที่ผู้คนต่างเกลียดชัง และความเกลียดชังดังกล่าว ไปถึงลูกชายของคุณพ่อ ลูกชายที่ชื่อ กัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์
.... น่าเสียดาย ... กับลูกชาย - คิดถึงเรื่อง พ่อแม่รังแกฉัน ...
.... น่าสงสาร ชะตากรรม ของชาวบ้าน
... น่าเศร้า ... กับระดับการศึกษา ...
... น่าละอาย กับพฤติกรรม ..
... น่า .....
คำพูดที่ได้ฟังทำให้ปักใจเชื่อได้ว่า
การขับรถชนคนนั้นผ่านการคิดคำนวณ เพราะความเคียดแค้นชิงชัง ที่ฝังอยู่ในใจมาก่อน โดยผู้พ่อได้อธิบายและเรียกร้องเรื่องคนขับรถเมล์ว่าสร้างความเครียดและไร้ระเบียบ เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นข้อความที่อยากจะฝากรัฐบาลในตอนท้ายของการสัมภาษณ์ ซ้ำยังกล่าวได้ว่าเคยเรียกร้องส่งจดหมายไปยังรัฐบาลหลายครั้ง
ทำให้เข้าใจได้ว่าความคิดแบบนี้ส่งผ่านมายังลูก จนทำให้ขับรถตามรถเมล์ไปวิวาท แล้วก็สามารถใช้ตรรกะเดียวกันเชื่อมโยงไปได้ว่า การขับรถชนคนชั้นล่างผู้โดนสารรถเมล์นั้นก็น่าจะมีอิทธิพลจากความคิดของพ่อ ที่เห็นว่าคนเหล่านี้เกลียดคนขับรถเก๋ง โดยเฉพาะรถ Bezn
สิ่งที่ชวนให้ตั้งคำถามต่อไปก็คือ อาการทางประสาท ที่คุณพ่อเรียกว่าอาการทางจิตนั้น เกิดขึ้นเมื่อสองเดือนที่แล้วโดยที่ไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไร คำถามก็คือ การช๊อคนั้น เกิดจากอาการกำเริบ หรือเกิดจากความกลัวที่เกิดจากการฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือเกิดจากการแสร้งทำเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกรุมประชาฑันย์
แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือ คุณพ่อพยายามโน้มน้าวให้เห็นว่า คนทุกวันนี้มีอาการทางจิต เป็นโรคเครียด พร้อมทั้งยกตัวเลขสถิติ และอ้างว่าตนเองก็มีอาการทางจิตซึมเศร้า เครียดเช่นกัน เพื่อพยายามจะบอกว่าลูกชายตนก็จัดอยู่ในคนกลุ่มนี้ โดยน่าจะหวังเอาว่าความผิดจะลดน้อยลงไป ทว่าสิ่งที่ไม่ได้ฉุกคิดก็คือ คนมีอาการทางจิตเช่นเดียวกับลูกชาย ซึ่งถูกเปรียบเทียบโดยคุณพ่อที่อ้างว่ามีอาการเช่นเดียวกันนั้น กำลังโต้แย้งด้วยเหตุด้วยผล มีการยกตัวเลขสถิติเพื่อให้เหตุสมผล มีการปกป้องลูกชายด้วยคำอธิบายต่างๆ นานา ซึ่งล้วนตั้งอยู่บนฐานของผู้ที่ใช้หลักเหตุผลเป็นโดยไม่บกพร่อง เช่นนี้แล้วคนที่คุณพ่อกล้าวอ้างรวมทั้งลูกชายด้วย จะเป็นคนโรคจิตด้วยความหมายแบบใด ยิ่งทำให้ชวนติดตามต่อไปด้วยว่า แพทย์จะออกมาให้ความเห็นไปในแนวทางใด ซึ่งไม่ว่าแพทย์จะให้ความเห็นไปในแนวทางใด
แต่ความจริงนั้นอยู่ที่ว่าสังคมมีคำตอบต่อเรื่องนี้ไปแล้ว และสังคมจะทำหน้าที่เป็นทนายให้แก่คนชั้นล่าง ชั้นต่ำที่ไม่เพียงคนที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ หากแต่เป็นทนายให้กับคนเหล่านี้ทั้งหมด โดยมีผู้ต้องหาเป็นตัวแทนของคนรวย การต่อสู้ทางคดีจึงกลายเป็นครอบครัวคนรวยครอบครัวหนึ่งเป็นจำเลย ขณะที่สังคมชนชั้นล่างเป็นโจกย์ ...
นี่เป็นตัวอย่างของการใช้ทักษะทางกฎหมายโดยขาดทักษะทางสังคม