กัณฑ์เอนก - ผู้สาดน้ำมันบนความโกรธแค้น


มุมมองต่อความสูญเสีย เจ็บปวด รุนแรง และความหมายจากจุดเริ่มต้นในการระงับความโกรธแค้นชิงชัง บนฐานแห่งอคติที่สุมฟืนไฟในวันนี้

กัณฑ์เอนก

ผู้สาดน้ำมัน

บนความโกรธแค้น

 

กัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์  

 

ความรับรู้และรับทราบ ในท่ามกลางบทสัมภาษณ์ของรายการ เรื่องเล่าเช้านี้กับประโยคแห่งปี ของคุณกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ ที่กล่าวคำว่าคนไม่มีการศึกษาและคนชั้นล่างกลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวของสังคมไทยทันที ท่ามกลางความร้ายแรงของปัญหา

 ท่ามกลางอคติในสังคมไทย ที่คุโชนขึ้นมาอีกครั้ง ความรุนแรงที่ไม่จบสิ้น จากเหตุการณ์ระเบิดอารมณ์ของลูกชาย จนกระทั่งก่อเหตุทุบหน้าผากคนขับรถปรับอากาศ และขับรถชนคนที่ยืนอยู่ริมฟุตบาท ความหมายของการกระทำ ไม่ได้จบลงในค่ำคืนนั้น แต่จบลงด้วยกระแสความเกลียดชัง เคียดแค้นชิงชัง ในท่ามกลางของเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น 

 

วันนี้สิ่งที่คุณพ่อทำ คือการปกป้องลูกชาย ความพยายามที่จะอธิบายว่า ลูกชายของตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ ประเด็นและมุมมองของการทำร้ายร่างกาย จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ความพยายามในการอธิบาย เพื่อตอบโต้ถ้อยคำสัมภาษณ์ของกระเป๋ารถเมล์ ที่มีอารมณ์ความรู้สึก ทั้งกล่าวตำหนิ ทั้งประณามความเป็นคนรวย

  

แต่สิ่งที่คุณพ่อกระทำ ด้วยการกล่าวถึง คนไม่มีการศึกษา และ คนชั้นล่าง คือสิ่งที่สะท้อนอคติในใจคนชั้นล่างเช่นเดียวกับที่คุณพ่อ ได้กล่าวถึงอคติของคนจน ว่าคนรวยรังแก และเกลียดตำรวจ  มุมมองของความจริงในอคติชนชั้นสูง ของคุณพ่อ ที่พร้อมจะตำหนิความยากจน และด้อยการศึกษา ก็เป็นเช่นเดียวกัน โดยมีมายาคติถึงการใช้ความรุนแรง ไม่มีเหตุผล และดูถูกคนรวย

ความจริงในขณะนี้ นอกเหนือจากความโกรธแค้นของคุณพ่อ คือความโกรธแค้นของคนไทยส่วนหนึ่ง 

เรื่องสำคัญในขณะนี้ คือ สิ่งที่คุณพ่อต้องตระหนักว่า ควรจะทำเช่นไร ในเมื่อไม่มีคำขอโทษต่อผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ นอกจากแค่คำพูดว่าเสียใจ ไม่มีความสนใจต่อผู้ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีมิตรไมตรีความเอื้ออารีให้กับความตาย และความสูญเสีย ในความจริงซึ่งไม่มีสำนึกถึงความผิดพลาดดังกล่าว ล้วนเป็นดั่งเชื้อไฟ ที่เผาพลาญความเกลียดชังในขณะนี้

 สิ่งนี้ไม่ได้ทำร้ายคุณพ่อ ทำร้ายคนขับรถปรับอากาศ กระเป๋ารถ หรือผู้โดยสาร แต่กลับทำร้ายลูกชายของคุณพ่อที่นอนเจ็บช้ำน้ำใจ และนอนในท่ามกลางความเจ็บปวดของร่างกาย และจิตใจ เมื่อจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นจากการไม่สามารถระงับอารมณ์ตนเองได้ วันนี้คุณพ่อกลับไม่ระงับอารมณ์ เช่นสิ่งที่ควรกระทำ  

วันนี้สิ่งที่คุณพ่อควรทำ และควรตระหนักถึงสิ่งที่ควรกระทำให้ดีกว่านี้ สิ่งที่ไม่ควรพูด และไม่แสดงออก ไม่ใช่หมายถึงการยอมจำนน หรือยอมรับในความผิดพลาดของลูกชาย แต่อาจหมายถึงการตระหนักในความสูญเสีย มีน้ำใจอารีสำหรับความเจ็บปวด ที่คุณพ่อรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นลูกชาย คุณพ่อก็ควรเจ็บปวดในเมื่อเห็นความสูญเสียของคนอื่น

 สิ่งที่ควรระวัง คือไม่ควรสาดน้ำมันเข้ากองไฟ ในอคติของความโกรธแค้นวันนี้ ที่ผู้คนต่างเกลียดชัง และความเกลียดชังดังกล่าว ไปถึงลูกชายของคุณพ่อ ลูกชายที่ชื่อ กัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์   

หมายเลขบันทึก: 109166เขียนเมื่อ 6 กรกฎาคม 2007 18:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
  • ผมก็ติดตามข่าวนี้ครับ
  • อึ้งครับ
  • คุณค่าของคนอยู่ที่เงินเป็นตัววัดเหรอครับ.......
  • คำว่าชนชั้นถูกแบ่งแยกด้วยมาตราส่วนของเงินที่มีอยู่ใช่หรือไม่ครับ

    แล้วคุณค่าของความเป็นคนที่ผมเข้าใจมาตลอดก็ว่าคุณค่าของความเป็นคนคือความดีที่สร้าง จิตสำนึกของความถูกต้องและดีงาม คือสิ่งที่ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยใช่หรือไม่..ผมชักไม่แน่ใจตัวเองแล้วครับ.. 

....  น่าเสียดาย ...  กับลูกชาย - คิดถึงเรื่อง พ่อแม่รังแกฉัน  ...

.... น่าสงสาร ชะตากรรม ของชาวบ้าน

... น่าเศร้า ...  กับระดับการศึกษา ...

...  น่าละอาย กับพฤติกรรม ..

...  น่า ..... 

 คนที่ไม่ได้รับการศึกษาที่สูงอาจไม่ใช่เพราะไม่อยากศึกษาอาจเป็นเพราะคำว่าโอกาสไม่มาถึงตัวเขา แต่คนที่ได้รับโอกาศการศึกษาที่สูงอย่างคุณนั้นน่าจะมีความคิดให้มากกว่านี้นะเราว่าคุณดูถูกคนอื่นคุณเองชั่งน่าสมเพซยิ่งนักที่การศึกษาไม่ช่วยให้คุณได้รับอะไรเลยมีโอกาสน่าจะคิดได้และคิดถึงคนอื่นให้มากกว่านี้นะคุณคิดแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้นนี่ก้อแสดงถึงความเป็นมนุษย์ที่ต่ำของคุณและล่ะว่าขนาดการศึกษาไม่กระตุ้นจิตสำนึกคุณเลย
  • ติดตามข่าว"เรื่องเล่าเช้านี้"...เข้าใจว่าพ่อรักลูก   จึงพยายามปกป้องลูก
  • เขาไม่น่ามาออกรายการซึ่งเป็นการฆ่าตัวเองอย่างนั้นน่ะ
  • สงสารต้นตระกูลเขาจังเลย......เฮ้อ...ผู้ดี...
  • สวัสดีครับ
    P
  • ผมนั่งฟังในสิ่งที่คุณพ่อท่านนี้กล่าว ด้วยความรู้สึกว่า สุดท้ายคุณพ่อก็กล่าวถึงอคติที่ซ่อนอยู่ภายในใจคุณพ่อบางอย่าง
  • ไม่ได้ต้องการกล่าวตำหนิ คุณพ่อ
  • เพียงแต่ต้องการบอกว่า สิ่งที่ทุบหัวคนขับรถ ทุบหัวลูกชายคุณพ่อ คือ อคติที่ซ่อนอยู่ในใจผู้คน
  • ดังนั้น คำตอบที่คุณพ่อสามารถทำได้ เพื่อปกป้องลูกชายของคุณพ่อ คือ การขจัดอคติจากใจ
  • ยอมรับครับว่า ความขัดแย้งของผู้คน ล้วนเกิดขึ้นได้เสมอ ความขัดแย้งบนท้องถนน ยิ่งเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งมาก
  • แต่สิ่งสำคัญ คือการระงับอารมณ์เหล่านั้น
  • ผมคิดว่า ถ้าอธิบายว่า เด็กคนดังกล่าว มีภาวะการควบคุมตัวเองที่ต่ำกว่าคนทั่วไป หรือการอธิบายว่า คนขับรถเมล์ กระทำสิ่งใดที่ยั่วยุหรือทำให้เด็กคนดังกล่าว รู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม
  • คำถามก็ต้องตกมาถึง ตำรวจ ในฐานะที่อยู่ท่ามกลางเหตุการณ์เหล่านั้น ว่าปล่อยให้คนอีกคน เอาก้อนหินทุบหน้าผากคนอีกคนหนึ่งได้อย่างไร
  • สิ่งที่ต้องเชื่อมั่น ในสังคมนี้ ก็คือเราต้องมีความยุติธรรมในสังคมให้ได้
  • ไม่มีใคร มีสิทธิจะทำร้ายอีกฝ่าย โดยไม่ต้องรับผิดชอบ
  • ความจริง ในคำพูดของกระเป๋ารถเมล์ อยู่ในน้ำเสียงที่อาจดูไร้เหตุผล เรียบเรียงประโยคและอารมณ์ที่พลุ่งพล่านให้ดูสุภาพ และเข้าใจอย่างเป็นเหตุเป็นผลได้ยาก แต่สิ่งที่เราควรรับฟังคือความโกรธแค้น
  • ผมว่า แรงระเบิดบนโทรทัศน์ ในอคติที่ซ่อนอยู่ในใจคุณพ่อ ไม่ได้ช่วยเยียวยาใครเลยทั้งสิ้น
  • ไม่เยียวยาลูกชายคุณพ่อ ไม่เยียวยาผู้เสียชีวิตและญาติมิตรที่เหลืออยู่ ไม่เยียวยาผู้ป่วยที่นอนอยู่ในโรงพยาบาล
  • สุดท้ายคงต้องช่วยกันบอกดังๆ ว่า เราต้องช่วยกันพูดถึงอคติเหล่านี้
  • คงต้องช่วยกัน ถ้าไม่อยากให้ภาพอันเลวร้ายเหล่านี้ ปรากฎขึ้นอีกในสังคมไทย
  • ขอบคุณมากครับ
  • สวัสดีครับ คุณ
    P
    poo
  • เป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากครับ
  • น่าเสียดายจริงๆ
  • กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น
  • เรามีเราคงได้เพียงบอกกล่าว อธิบาย แลกเปลี่ยน พูดคุยถึงแรงระเบิด และระเบิดที่ซ่อนอยู่ภายในผู้คน ในสังคมไทย ร่วมกันครับ
  • ง่ายมาก สำหรับการตำหนิ ทั้งผู้กระทำ ผู้ได้รับบาดเจ็บ
  • แต่ยากมาก สำหรับทางออก การเยียวยา และการให้อภัย
  • ผมไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพ่อท่านนี้กระทำ ผมคิดว่าสิ่งที่ท่านทำ ควรเป็นสิ่งที่ได้รับการประณาม และตำหนิ
  • ผมคิดว่า การแบ่งแยก และเหยียดหยามในด้านการศึกษา และชนชั้น จนก่อให้เกิดวาทะแห่งปี
  • "คนไม่มีการศึกษา" "คนชั้นล่าง"
  • ต้องได้รับการตำหนิ อย่างรุนแรง
  • เพราะสิ่งเหล่านี้ หมายถึงอคติที่ยังซ่อนเร้นอยู่ในใจ เท่ากับ อคติของทางชนชั้น ที่คิดว่าคนรวยจะทำสิ่งใดได้ โดยพร้อมจะทุบคนรวยได้ ถ้ามีโอกาส มีอารมณ์ และข้ออ้างที่จะกระทำ
  • เท่าเทียมกัน ที่จะบอกว่า อคติล้วนเลวร้ายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะในฐานะ และข้ออ้างใด
  • เราควรกลับมาดูผลเสียหาย ผลกระทบ และอธิบายถึงการเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น
  • ผมคิดว่า บทบาทของคุณแม่ ในการขอโทษ ขออภัย และเยี่ยมเยือนผู้บาดเจ็บ ด้วยใจเจ็บปวดคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด
  • ในเมื่อความเจ็บช้ำ และบาดแผลเกิดขึ้น เราก็ต้องสมานแผล เยียวยา และบรรเทาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นให้ได้
  • พร้อมกับสมองที่สรุปบทเรียนจากความผิดพลาด ที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด เจ็บช้ำเหล่านี้
  • ผมคิดว่า เป็นทางออกที่ดีที่สุด ในท่ามกลางความสูญเสีย ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
  • ก้าวย่าง และ ก้าวผ่าน ให้พ้นจากอคติที่กำลังกัดกินเราครับ
  • อคติ ที่กัดกินหัวใจเรา มันซ่อนอยู่ และสร้างความเจ็บปวดให้เราได้มากมายกว่า คำพูดที่ปรากฎ และสิ่งที่เราเห็นในวันนี้ครับ
  • ขอบคุณมากครับ

คำพูดที่ได้ฟังทำให้ปักใจเชื่อได้ว่า

การขับรถชนคนนั้นผ่านการคิดคำนวณ เพราะความเคียดแค้นชิงชัง ที่ฝังอยู่ในใจมาก่อน โดยผู้พ่อได้อธิบายและเรียกร้องเรื่องคนขับรถเมล์ว่าสร้างความเครียดและไร้ระเบียบ  เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นข้อความที่อยากจะฝากรัฐบาลในตอนท้ายของการสัมภาษณ์ ซ้ำยังกล่าวได้ว่าเคยเรียกร้องส่งจดหมายไปยังรัฐบาลหลายครั้ง

ทำให้เข้าใจได้ว่าความคิดแบบนี้ส่งผ่านมายังลูก จนทำให้ขับรถตามรถเมล์ไปวิวาท แล้วก็สามารถใช้ตรรกะเดียวกันเชื่อมโยงไปได้ว่า การขับรถชนคนชั้นล่างผู้โดนสารรถเมล์นั้นก็น่าจะมีอิทธิพลจากความคิดของพ่อ ที่เห็นว่าคนเหล่านี้เกลียดคนขับรถเก๋ง โดยเฉพาะรถ Bezn

สิ่งที่ชวนให้ตั้งคำถามต่อไปก็คือ อาการทางประสาท ที่คุณพ่อเรียกว่าอาการทางจิตนั้น เกิดขึ้นเมื่อสองเดือนที่แล้วโดยที่ไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไร คำถามก็คือ การช๊อคนั้น เกิดจากอาการกำเริบ หรือเกิดจากความกลัวที่เกิดจากการฆ่าคนตายโดยเจตนา  หรือเกิดจากการแสร้งทำเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกรุมประชาฑันย์ 

แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือ คุณพ่อพยายามโน้มน้าวให้เห็นว่า คนทุกวันนี้มีอาการทางจิต เป็นโรคเครียด พร้อมทั้งยกตัวเลขสถิติ และอ้างว่าตนเองก็มีอาการทางจิตซึมเศร้า เครียดเช่นกัน เพื่อพยายามจะบอกว่าลูกชายตนก็จัดอยู่ในคนกลุ่มนี้ โดยน่าจะหวังเอาว่าความผิดจะลดน้อยลงไป  ทว่าสิ่งที่ไม่ได้ฉุกคิดก็คือ คนมีอาการทางจิตเช่นเดียวกับลูกชาย ซึ่งถูกเปรียบเทียบโดยคุณพ่อที่อ้างว่ามีอาการเช่นเดียวกันนั้น กำลังโต้แย้งด้วยเหตุด้วยผล มีการยกตัวเลขสถิติเพื่อให้เหตุสมผล มีการปกป้องลูกชายด้วยคำอธิบายต่างๆ นานา ซึ่งล้วนตั้งอยู่บนฐานของผู้ที่ใช้หลักเหตุผลเป็นโดยไม่บกพร่อง  เช่นนี้แล้วคนที่คุณพ่อกล้าวอ้างรวมทั้งลูกชายด้วย จะเป็นคนโรคจิตด้วยความหมายแบบใด ยิ่งทำให้ชวนติดตามต่อไปด้วยว่า แพทย์จะออกมาให้ความเห็นไปในแนวทางใด ซึ่งไม่ว่าแพทย์จะให้ความเห็นไปในแนวทางใด

แต่ความจริงนั้นอยู่ที่ว่าสังคมมีคำตอบต่อเรื่องนี้ไปแล้ว และสังคมจะทำหน้าที่เป็นทนายให้แก่คนชั้นล่าง ชั้นต่ำที่ไม่เพียงคนที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ หากแต่เป็นทนายให้กับคนเหล่านี้ทั้งหมด โดยมีผู้ต้องหาเป็นตัวแทนของคนรวย การต่อสู้ทางคดีจึงกลายเป็นครอบครัวคนรวยครอบครัวหนึ่งเป็นจำเลย ขณะที่สังคมชนชั้นล่างเป็นโจกย์ ...

นี่เป็นตัวอย่างของการใช้ทักษะทางกฎหมายโดยขาดทักษะทางสังคม

 

  • สวัสดีครับ คุณ
    P
  • ถือเป็นปัญหาที่น่าสนใจมากครับ
  • สำหรับมุมมองการต่อสู้ทางสังคม กับมุมมองการต่อสู้ทางกฎหมาย
  • ผมคิดว่า สิ่งที่คุณพ่อ ได้พูดผ่านหน้าโทรทัศน์ ได้สะท้อนสิ่งที่อยู่ในใจมากมายออกมา ภายหลังจากฟังคำพูดของกระเป๋ารถเมล์ ที่ต้องยอมรับว่า พูดด้วยอารมณ์ พูดด้วยความรู้สึก และเสทือนใจท่ามกลางน้ำตา
  • ต้องยอมรับ ว่าความไร้เหตุผลในการกล่าวอ้างทางสังคม การไร้ทักษะในการอธิบาย การให้สัมภาษณ์ หรือเรียบเรียงลำดับความคิด แบบมีเหตุผล ล้วนเกี่ยวพันโดยตรงกับการ "มีการศึกษา"
  • แต่ไม่ได้หมายความ ว่า เขาเหล่านั้น จะไม่ได้รับความยุติธรรม หรือ จะไม่ได้รับสิทธิแห่งความเป็นคน
  • ผมคิดว่า คุณพ่อ ระเบิดอารมณ์และอคติออกมา จนสะท้อนเป็นผลเสียอย่างร้ายแรง
  • ประเด็นของคุณสามชาย น่าสนใจครับ
  • ถ้าความหมายในการพิพากษาของสังคม ได้เกิดขึ้น ผมคิดว่า สิ่งเหล่านี้คือภาพสะท้อนของสังคมไทย
  • ในความจริง ที่มีมายาภาพ และมายาคติ ของความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันนั้น ล้วนซ่อนสิ่งที่เป็นหัวใจ ในความไม่เท่าเทียมกัน ในความรู้สึกของผู้คน
  • คนชั้นล่าง รับรู้ เข้าใจ ตระหนักถึงความไม่เท่าเทียมกัน ว่าคนรวย - ในนัยยะทางเศรษฐกิจ ชอบรังแกเอาเปรียบ - ว่าตำรวจ - ในนัยยะทางการเมืองการปกครอง ชอบข่มเหง
  • สิ่งเหล่านี้ คืออคติที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจชนชั้นล่าง
  • ขณะที่ชนชั้นสูง ก็มีอคติ ในเรื่องความอ่อนด้วย การพูดจาที่ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่มีเหตุผล มีอคติ เหมารวมว่าคนอื่นชอบรังแก ไม่นับรวมกับคำติติง ถึงความขี้เกียจ โวยวาย ชอบกินเหล้า จน เครียด และอีกมากมาย ในสิ่งที่แฝงเร้นอยู่ในมายาคติของสังคมอันดีงาม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมีน้ำใจ
  • บททดสอบ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ น่าสนใจมากครับ
  • สำหรับการระเบิดขึ้นของอารมณ์ และการปะทะของสิ่งซึ่งซ่อนเร้นในสังคมไทย
  • ขอบคุณมากครับ คุณสามชาย สำหรับความคิดเห็น
  • ขอบคุณครับ
  • ชนชั้นล่าง
  • ชนชั้นกลาง
  • ชนชั้นสูง  ใช้อะไรเป็นตัววัด คุณค่าความเป็นคนที่มีอยู่ของคน ๆ นั้นได้
  • การไม่ได้รับการศึกษาหรือการได้เข้ารับการศึกษาที่สูงส่ง ในสถาบันการศึกษาดีดี ใช่ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ใช้วัดว่าคนคนนั้นเป็นคนดี
  • สิ่งที่ผมเข้าใจคือว่า ปัจจุบัน " เรา " มักจะมองตัวเองเป็นหลักก่อนเสมอแล้วจึงค่อยเหลียวมองคนที่อยู่สูงหรืออยู่ระดับล่างต่อลงไปจากเรา 
  • เราจึงหันหลังให้กับความจริงที่ว่า คุณค่าของคนทุกคนมีเท่า ๆ กัน แตกต่างกันเพียงแค่ ฐานะ หน้าที่และความรับผิดชอบ
  • แต่สุดท้ายในสังคมที่ฟอนเฟะก็มักจะนำเอาความแตกต่างเหล่านี้มาเป็นเครื่องมือที่วัดคุณค่าของความเป็นคนของคนอื่น
  • ผมไม่เคยปฏิเสธระบบประชาธิปไตย ผมสนับสนุนการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน  ผมเห็นด้วยกับการนำศาสนาเข้ามาบำบัดสภาวะจิตใจของคนที่มุ่งลงต่ำแม้รัฐบาลจะเห็นความสำคัญเพียงน้อยนิดกับงบประมาณเพียงเล็กน้อย
  • กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ผมรู้สึกและรับรู้ได้ว่าเป็นการใช้มีดกรีดทับลงไปบนรอยแผลเดิมของสังคมไทย  .. ความเจ็บปวดได้ถูกกระตุ้นอีกครั้งหนึ่ง ความเจ็บปวดของคนระดับล่าง ความเจ็บปวดของคนการศึกษาต่ำ ซึ่งจะมีเพียงคนไม่กี่คนที่เห็นความสำคัญแต่ไร้อำนาจในการจัดการ และไม่นานเรื่องราวเหล่านี้ก็จะระเหยไปในอากาศ เหลือไว้เพียงแต่แค่คราบน้ำตาที่แถมมากจากเหตุการณ์ของการสูญเสีย   และรอยยิ้มที่เปี่ยมล้นด้วยความสะใจของคนชั้นบน การศึกษาสูงที่มีบทสรุปในฐานะที่ร่ำรวยว่า " เงิน ซื้อได้ทุกอย่าง ตีค่าตีราคาของความเป็นคน ตีราคาค่าชีวิตของอีกหลายคน และความยุติธรรม ความถูกต้อง จริยธรรม คุณธรรม ความดีงาม ก็เป็นแค่เครื่องมือและของเล่นให้กับผู้ที่จะหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองแค่นั้น
  • สุดท้ายผมก็ยังไม่เข้าใจอีกหลายอย่าง
  • คุณค่าของคน คุณค่าของสังคม คุณค่าของสิ่งดีงาม คุณค่าของคุณธรรมจริยธรรม คุณค่าของความถูกต้องดีงาม คุณค่าของความรับผิดชอบ 
  • สิ่งเหล่านี้ มีคุณค่าจริงหรือไม่ครับ
  • สวัสดีครับ
    P
  • คุณค่าของคน คุณค่าของสังคม คุณค่าของสิ่งดีงาม คุณค่าของคุณธรรมจริยธรรม คุณค่าของความถูกต้องดีงาม คุณค่าของความรับผิดชอบ 
  • สิ่งเหล่านี้ มีคุณค่าจริงหรือไม่ครับ
  • สิ่งเหล่านี้ มีอยู่จริงครับ
  • และ ชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง ชนชั้นล่าง
  • ก็มีอยู่จริงครับ
  • หากไม่มีอยู่จริง เราก็จะไม่เห็นการปะทะ และระเบิดอารมณ์แห่งความไม่พึงพอใจในวันนี้
  • ผมคิดว่า ปัญหา ที่ก่อให้เกิดการปะทะ ของวันนั้น
  • และระเบิดจนกระทั่งเป็นวันนี้
  • ต้องลำดับความให้ดีครับ
  • วันนั้น เด็กหนุ่ม ระเบิดอารมณ์ไม่พึงพอใจ - ว่ารถตนเองถูกเฉี่ยวชน ควบคุมตนเองไม่ได้ ระเบิดอารมณ์ เรียกคนขับรถเมล์ลงมาไม่ได้ ไม่พึงพอใจ บีบแตรไล่หลัง รู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ขับรถไปเรียกตำรวจ ตำรวจเรียกคนขับรถเมล์ เดินไปทะเลาะ เอาก้อนหินทุบหน้าผากคนขับรถเมล์ กระเป๋าและผู้โดยสารไม่พอใจด่าทอ ว่าทำอะไร และทำทำไม
  • ทำไมต้องทำร้ายคนอื่น
  • หลังจากนั้น ความรุนแรงก็ไม่ได้จบลง
  • มีการขับรถพุ่งเข้าชนคนที่ยืนอยู่ ผู้คนรุมทุบรถ และรุมประชาทัณฑ์คนขับรถ
  • ขณะที่ในรถมีเด็กผู้หญิงอยู่หนึ่งคน มีวัยรุ่นชายหนึ่งคน
  • ความเจ็บปวดและบาดแผล มันลึกครับ
  • คำถามสำหรับ ในกรณีของความโมโหรุนแรงทางสังคม มีที่ทาง และมีที่มาหลายสาเหตุครับ
  • มาจากรัฐ - ตัวแทนของรัฐ ที่ด้อยประสิทธิภาพ ไม่คิดว่า การกระทำของตนเองจะช่วยเหลือผู้อื่น ในกรณีนี้ก็คือ ตำรวจ ไม่สามารถป้องกันคนไม่ให้ทำร้ายกัน รุนแรงเพิ่มขึ้น เมื่อไม่รู้ว่าคนที่ตนยืนอยู่ด้วย ควบคุมตัวเองไม่ได้ จนก่อความรุนแรงเสียหายเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
  • การเพิกเฉย ต่อ ความยุติธรรม ก็ถือเป็นความอยุติธรรม
  • และการใช้ความรุนแรง ต่อ ความยุติธรรม ก็เป็นความอยุติธรรม
  • สำหรับผม เชื่อมั่นในตรรกะเช่นนี้
  • ในกรณีที่คุณรู้สึก ถึงความไม่เท่าเทียมนั้น ถือเป็นเรื่องจริงครับ
  • สังคมไม่เท่าเทียม ผู้คนไม่เท่าเทียม และเราต่างไม่เท่ากัน
  • ดังนั้น เราจึงต้องสร้างกลไก เพื่อทำให้ความไม่เท่าเทียมเหล่านั้นมาทำร้ายกันและกัน
  • ผมคิดว่า สิ่งที่ดีที่สุด
  • คือก้าวไปให้พ้นจากความโหดร้ายรุนแรงนี้
  • ก้าวให้พ้นจากอคติที่ทำร้ายทำลายใจเรา
  • ในกรณีความรุนแรงครั้งนี้ ผมเห็นด้วย กับการเยียวยาในความเป็นแม่
  • ในกรณีความเสียหาย ที่แม่ของผู้กระทำ กราบขอโทษ ขอขมาผู้เสียหาย แสดงความเสียใจ และขออภัยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น คือจุดเริ่มของคำตอบที่สำคัญ
  • เรายังไม่ต้องเกี่ยวพันกับกรณีของคดีความ
  • ซึ่งในส่วนนั้น ก็ต้องดำเนินการ
  • จะฟ้องร้อง ต่อสู้ และยืนยันในข้อกฎหมาย ก็ต้องสู้กัน
  • แต่สำหรับตัวตนความเป็นมนุษย์
  • บาดแผล และ การเยียวยา เป็นสิ่งสำคัญครับ
  • คนที่เจ็บปวด และนอนอยู่ท่ามกลางน้ำตา และบาดแผล ต้องได้รับการดูแลและเยียวยา
  • เพื่อให้เราได้เข้าใจกับความรุนแรง
  • สิ่งที่เราทำได้ คือ เข้าใจถึงความรุนแรง ที่เป็นอคติฝังในใจเรา ฝังในสังคมของเรา
  • ต้องยอมรับก่อน
  • ยอมรับว่า มี อยู่จริง ไม่ใช่ปล่อยให้มายาภาพ และมายาคติของสังคมงดงาม มาบอกเราว่า ยอมๆกันเถอะ
  • ไม่ใช่ครับ
  • แต่เราต้องอธิบาย บอกกล่าว แลกเปลี่ยน ค้นหาหนทางที่ไม่เปิดโอกาสให้เกิดการทำร้ายทำลายกันเช่นนี้
  • ผมยังเชื่อมั่น ว่าคุณค่า ยังมีอยู่จริงครับ
  • ยังมีความหวังครับ
  • ขอบคุณมากครับ สำหรับมุมมองของคุณสายลม
  • ขอบคุณครับ
  • การที่ คุณกัณฑ์เอนก พูดว่าทนไม่ได้ที่ทำไมจึงใช้กฎหมู่มาทำร้ายหมูแฮม ทำไมไม่รอให้กฎหมายตัดสิน
  • คาดว่าน่าจะเกิดจากภายหลังที่หมูแฮมใช้ก้อนอิฐฟาดเข้าไปที่ศีรษะของคนขับรถแล้วก็กลับมานั่งรออะไรไม่รู้ในรถ + เปิดแอร์เย็น + ฟังเพลง
  • จากนั้นก็พลุ่งพล่าน (ไม่ใข่โรคจิตซะทีเดียว) หมั่นไส้คนบนฟุตบาธ เคียดแค้นที่ถูกจ้องมอง (เวทนาในความรวย ไร้สติ ไร้สาระ) ทำให้ขับรถพุ่งขึ้นไปชนกลุ่มคนดังกล่าวด้วยความสะใจ (จะลงไปเอาเรื่องเองก็คงไม่กล้า กลัวประชาตีน จึงใช้พาหนะหรูเป็นตัวช่วย)
  • คนดิ้นขลุกขลักใต้ท้องรถของหมูแฮม
  • ไม่ยอมขยับรถ
  • จะไม้ให้คนด้านนอกรุมทำร้ายก็คงเป็นไปไม่ได้
  • เคียดแค้นความไร้สาระของหมูแฮม
  • ไร้น้ำใจ
  • ไร้...
  • คนจึงฮือเข้าล้อมรถ
  • ยกรถเพื่อช่วยคนที่จะตายใต้ท้องรถ
  • ตามจิตสำนึกที่ถูกต้องของคนที่ถูกคุณมองว่าด้อยการศึกษา
  • คนจน
  • ขักซิ เกร็งทันที กลัวตีน กลัวตายด้วย
  • เวลานั้นไม่มีกฎหมายหรอก
  • เพื่อช่วยคนใต้ท้องรถ
  • กฎหมู่มาก่อนสำหรับช่วงเวลานั้น

 

 

  • สวัสดีครับ
  • ในท่ามกลาง ภาษา เรื่องราว ผู้คน และแง่งามแห่งการค้นหา
  • ความโหดร้ายของคำพูด ภายหลังเหตุการณ์ ก็เสมือนหนึ่งความรุนแรงครั้งที่สอง ที่ตอกย้ำผู้คนโดยทั่วไป
  • เช่นเดียวกับความหมาย ที่มีคำถามให้เราต้องขบคิด ว่าในความรุนแรงเหล่านี้ เราจะก้าวพ้น และเยียวยาผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และญาติมิตรได้เช่นไร
  • มีหนทางใด จะก่อเกิดแนวทางแก้ไข
  • มีสิ่งใดจะเป็นบทเรียน และโน้มน้าวใจผู้คน ไม่ให้ก่อเกิดความรุนแรงเหล่านี้
  • ในท่ามกลางความรุนแรงของกฎหมู่
  • มีผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง และ ไม่ได้รับรู้เรื่องราวใด
  • ตายไป และ บาดเจ็บ ท่ามกลางความไร้สติ ท่ามกลางความวุ่นวาย และกระแสของฝูงชน เพียงเพราะใครบางคน ใครหลายคน ตะโกนด้วยความไร้เหตุผล
  • ผมเพียงแต่เห็นว่า
  • ความรุนแรงไม่ได้แก้ปัญหาใดๆ ในกรณีนี้ครับ
  • ขอบคุณมากครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท