ได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุม (แทนครูใหญ่) ร่วมกับ อบต.ตันหยงลุโละ ซึ่งเป็นการประชุมประจำ รูปแบบหนึ่ง ซึ่งทาง อบต.ตันหยงลุโละ ได้จัดขึ้นเสมอๆ เพื่อให้ภาคีต่างๆในชุมชนได้มีโอกาสพบปะเจอะเจอกัน
ก่อนนี้ทาง อบต.ก็จัดไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อ 2-3เดือนก่อน ซึ่งผมก็ได้ไปร่วมเช่นกัน ครั้งนั้นจำได้ ผมได้นำเสนอโครงการของเราต่อที่ประชุม ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวโครงการครั้งแรกต่อสาธารณะ เรียกความสนใจจากภาคีที่ได้เข้าร่วม morning talk ได้ไม่น้อย
ส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการดำเนินโครงการยุวสตรีรักษ์สุขภาพ ที่มีก็มาจากการสานเสวนา(Dialogue) ในรูปแบบของ morning talk ซึ่งเลียนแบบวิถีดั้งเดิม หรือวิถีชาวบ้านปกติ ที่มีอะไรก็คุยกันไปพลางในระหว่างมื้ออาหารเช้า หรือเย็น ถามสารทุกข์สุกดิบกัน
ครั้นเมื่อนึกถึงโครงการยุวสตรีรักษ์สุขภาพ ตั้งแต่เริ่มต้น ก็อาจจะเป็นการเริ่มต้น ด้วยการสานเสวนา หรือวิธีการคล้ายๆกันนี้เอง
จนหลายฝ่ายตกกระไดพลอยโจน กระโดดลงมาร่วมวงกับเราแบบเต็มตัวแล้วในวันนี้ หลายท่านก็ได้ก้าวถอยไป 1 ก้าว เพราะภาระงาน แต่ก็แสดงเจตจำนงว่า หากปลีกตัวจากงานมาได้เมื่อไร ก็ยินดีจะเข้ามาร่วมเสมอ
ทำให้เรานึกถึงเพื่อนๆจาก สมาคมวางแผนครอบครัวฯ สาขาปัตตานี(คุณมูฮัมหมัดเจะเซ็ง) ,พี่สุอาจารย์ภาควิชา พลศึกษา มอ.ปัตตานี, "พี่แตน"จนท.สถานีอนามัยตำบลตันหยงลุโละ และอีกหลายท่านที่ไม่สามารถกล่าวได้หมด
ตลอดจนท่านผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3(หมู่บ้านกรือเซะ)ผู้ล่วงลับไป ท่านฝากผลงานต่างๆไว้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชนชาวบ้านตำบลตันหยงลุโละมากมาย
โครงการเราเริ่มจากการที่เรา(สามคน:"ครูมัง"สุไลมาน โซะหะมะ,"ก๊ะซา"ของเด็ก" ครูซัฟฟีซา บารู และผม)เรานั่งคุยกัน แบบไม่ได้ตั้งใจว่าจะทำอะไร เพียงแต่เรานึกถึงพฤติกรรมด้านการทิ้งขยะของเด็กนักเรียนในโรงเรียน(ของเขาทั้ง 2 คน ซึ่งในขณะนั้นผมยังทำงานอยู่ที่เครือข่ายองค์กรชุมชนจังหวัดปัตตานี)
จนในหลายเดือนต่อมาโครงการก็เป็นรูปร่างขึ้นในกระดาษ
และหลายเดือนต่อมา โครงการ(ในกระดาษ)ก็ผ่านแดดผ่านฝน(เปียกจนต้องปริ้นท์ใหม่หลายรอบ)มาจนกระทั่งถึงประมาณ เดือนกันยายน 2549 ก็ติดต่อไปยัง สสส. และส่งไป และหลังจากนั้นไม่นานผมก็เข้าไปเริ่มงานช่วยสอน(รายชั่วโมง)ในโรงเรียน
และอีกหลายเดือนเช่นกันกว่าที่จะทราบข่าวว่าโครงการผ่าน ได้รับการอนุมัติงบให้ทำได้ ซึ่งต่อมาเราก็ได้เริ่มโครงการโดยได้เชิญครูใหญ่ และคณะครูในโรงเรียนมาร่วมหารือ
และก็เริ่มมีการเปิดตัวใน morning talk และหลังจากนั้นต่อมา ก็มีวิทยากรจาก สสส.มาร่วมทำ workshop ให้กับเรา
นำโดย พี่ศิลป์ชัย และพี่นุช (ผู้ประสานงาน สสส.ส่วนภูมิภาค)
หลังจากนั้นอีกสักระยะ เราก็ได้หลักสูตร การอบรม และเราก็ได้จัดค่ายอบรม 2 วัน 1 คืน ขึ้น ณ รร.สตรีพัฒนศึกษา
ผมอ่านแล้ว ดีใจด้วยที่มีความคิดเชิงสร้างสรรค์ และเป็นนักพัฒนาที่เก่ง ส่วนอาจารย์ซาฟีชา บารู ผมรู้จักดีเหมือนกัน เพราะเค้าเป็นรุ่นพี่ที่เรียน มอ.
แต่ผมติดใจนิดเดียวก็คือ งบ สสส. มันเป็นภาษีจากบุหรี่และสุรา เป็นเงินบาป(หะราม) เหมาะสมหรือเปล่ากับกิจกรรมของพี่น้องมุสลิมเรา เพราะ ศาสนาอิสลาม ห้ามเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เมาทุกอย่าง
ช่วยชี้แจงหน่อยว่า งบ สสส. ใช้กับพี่น้องมุสลิมได้หรือเปล่า? ถ้าได้จากอายะอัลกรุอานไหน? หรืออาดิษอะไร? หรือมีหลักฐานอื่นๆ มั้ย
ต้องขอขอบล่วงหน้า ถ้าตอบคำถามนี้
รุสดี
สำหรับข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับการเงินสนับสนุนกิจกรรมของ สสส. เท่าที่ทราบก็สามารถหาได้จาก สำนักงานประสานงานภาคใต้ตอนล่างของแผนงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ที่ตั้งอยู่ ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี สำนักงานอยู่ตึกชั้น 2 อาคารวิทยาลัยอิสลามคึกษาด้านหน้ามัสญิดครับ
ซึ่งมี ผศ.ดร.อิสมาแอล อาลี เป็นผู้ดูแลครับ หากต้องการหลักฐานสิ่งใด รบกวนติดต่อโดยตรงที่ สนง.เลยครับ
สำหรับผมเป็นเพียงผู้สนใจเกี่ยวกับการพัฒนา โดยหวังผลงานในอนาคต ที่จะเปลี่ยนแปลงที่ตัวเด็ก และไปเปลี่ยนแปลงสังคมอีกครั้งหนึ่งครับ
สำหรับแหล่งเงินนั้น โดยส่วนตัวแล้วเคลียร์แล้วจึงทำครับ แต่ก็คงไม่ได้อยู่ในข่ายของนักวิชาการศาสนาที่จะอธิบายอะไรได้ ผมขอฟังนักวิชาการท่านชี้ขาดดีกว่า
ผมไม่ติดใจแหล่งทุนใดๆ หากเราได้มีส่วนกำหนดรูปแบบกิจกรรมบ้าง และสอดคล้องกับวิถีชีวิตเราก็เพียงพอ อีกอย่างผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไม่ได้เป็นผลทางลบผมก็พอใจครับ
อีกอย่างแหล่งทุนอื่นๆเองก็ไปสนับสนุนอย่างอื่นกันหมด เช่นสร้างโน่น สร้างนี่ แต่กิจกรรมที่เราทำเป็นกิจกรรมที่ติดอาวุธทางปัญญาให้แก่เด็กๆครับ
ซึ่งเชื่อว่าไปขอแหล่งทุนอาหรับ แหล่งทุนมุสลิม ไม่มีทางได้ครับ
หรือหากท่านมีแหล่งทุนไหนที่ฮาลาลที่ สนับสนุนกระบวนการแบบนี้ เน้นการมีส่วนร่วมแบบ สสส. ผมก็ยินดีที่จะงดรับกับ สสส.ครับ
แต่ถ้าตามคำวินิจฉัยของนักวิชาการแล้ว หากไม่มีแหล่งอื่น เงิน สสส.ก็ใช้ได้ครับ
ทำงานมากว่า 7 เดือนในโครงการ พบคำถามนี้ไม่น้อยครับ
ตลอดเวลาเราก็พยายามหาแหล่งอื่นๆ แต่ก็ไม่มีใครสนใจเราครับ เพราะเปนผลเชิงคุณภาพ ไม่ได้เน้นผลเชิงปริมาณ แหล่งทุนเขาไม่ชอบครับ