ขอให้บรรจุ(ไว้ในสมอง)ว่าเป็นศาสนาประจำตัวประจำใจ


"ธรรมทั้งหลายที่เราแสดงไว้จะเป็นตัวแทนแห่งเรา"
                   ศาสนาพุทธไม่มีเงื่อนไข     แต่รู้เข้าถึงได้ด้วยตนเอง "ปัจจัตตัง เวทิตัพโพวิญญูหิติ"

                ตัวเลขการนับถือศาสนาพุทธ 90 เปอร์เซนต์เป็นแค่ทะเบียนราษฎร์  เพราะที่จริงมีส่วนหนึ่งที่ไม่รู้หลักการของพระพุทธศาสนา

                 ผู้คนยังนับถือผี พราห์ม อีกเยอะ  หรือนับถือผสมกันไป

                 ศาสนาพุทธวุ่นหรือบางคนเรียกเสื่อมไปทุกวันไม่ใช่หลักธรรมของพระพุทธเจ้า หลักธรรมของพระพุทธเจ้ากำลังแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมีผู้มีปัญญาได้ศึกษาพุทธศาสนามากขึ้นเรื่อย ๆ

                  ที่เสื่อมคือพุทธบริษัท ( ภิษุ   อุบาสก อุบาสิกา )

                  เสื่อมเพราะ  เราไม่ค่อยได้ศึกษาพระธรรม ไม่อ่านพระไตรปิฎก  ได้แต่สวดมนต์แต่ไม่รู้ความหมาย อธิษฐานอย่างไร้สติ

                  พระอานนท์เคยทูลถามพระพุทธองค์ก่อนจะเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า "เมื่อไม่มีพระองค์อยู่ต่อไปแล้วใครจะเป็นตัวแทนแห่งพระองค์"

                  พระพุทธองค์ทรงตรัสตอบว่า "ธรรมทั้งหลายที่เราแสดงไว้จะเป็นตัวแทนแห่งเรา"

                  ธรรม เป็นธรรมชาติ เป็นปกติ เป็นตัวแทนแห่งพุทธศาสนา 

                  รัฐธรรมนูญ เป็น สิ่งสมมติแห่งรัฐ เป็นตัวแทนแห่งอำนาจ  ไม่ยั่งยืน   ดังนั้นไม่มีประโยชน์ใด  ๆ ที่จะนำ ธรรม ไปไว้ใน รัฐธรรม

                  สมัยก่อนพุทธศาสนาเจริญก้าวหน้าแพร่หลายเพราะศรัทธา ของผู้คนที่มีปัญญา มีทรัพย์ มีอำนาจ ( พระเจ้าอโศกมหาราช ,พระมาหากษัตริย์ ,ขุนนาง ,พ่อค้าวาณิชย์ ) อาจกล่าวได้ว่าผู้นำแห่งรัฐใฝ่ใจในธรรม   แต่สมัยนั้นไม่มีเครื่องมือสื่อใด ๆ และการเรียนธรรม ก็มีข้อจำกัดในเหล่าผู้มีโอกาสเท่านั้น

                  สมัยปัจจุบันทุกคนล้วนมีอำนาจ มีปัญญา มีทรัพย์ จำนวนมากพอที่จะช่วยกันศึกษา เผยแผ่พระพุทธศาสนาได้    แต่ศรัทธาเราไม่แน่วแน่ดังเมื่อก่อนเพราะมีสาระที่ดีและไม่ดีมากมายบิดเบือนโลก ทำให้ศรัทธาผู้คนหลากหลาย

                 แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งขัดขวางให้พระพุทธศาสนาไม่สามารถเผยแผ่ไปได้

                 ขอเพียงหมู่เรา แสดงถึงความ สะอาด สว่าง  และ  สงบ  แล้วศรัทธาจะบังเกิด

คำสำคัญ (Tags): #ประจำตัว
หมายเลขบันทึก: 103605เขียนเมื่อ 15 มิถุนายน 2007 15:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
  • ศาสนาเราเป็นศาสนาแห่งเหตุและผลค่ะ
  • ใครต่อใครก็ยอมรับ  แม้กระทั่งคริสเตียนเองนี่คะ  ถึงขนาดยกย่องวันวิสาขบูชาซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธและเป็นวันที่เกี่ยวกับพระศาสดาของเราเป็นวันสำคัญของโลกแล้วนี่คะ  เหตุผลนี้คงเพียงพอที่จะยอมรับและรักษาไว้ให้สืบต่อไปค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ 

สวัสดีครับคุณมิตร

  • เสื่อมที่คนครับ...เมื่อคนเสื่อมอย่างอื่นจึงเสื่อมตามครับ
  • ขอให้สนุกในการทำงานครับ ขอบคุณมากครับ

เห็นด้วยมากครับ...

ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ บรรจุไว้ในไหนก็ไม่สำคัญเท่าบรรจุไว้ในใจเราครับ...

ขอบคุณมากครับ...

สวัสดีครับคุณ

P

ใช่ครับ วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลกไปแล้ว นั่นสิครับ หลักการที่ดี วิธีการที่ดี ผ่านการพิสูจน์ยาวนาน ผ่านการปฏิบัติจากผู้คนมากมาย ไม่น่าจะล่มสลายไปได้อย่างที่เหตุผลของคนกลุ่มหนึ่งว่าเลย

         ขอบคุณครับ

ครับผม อ.เม้ง

P

        ความจริงการที่ทุกสิ่งในโลกเปลี่ยนเงื่อนไขใหญ่ ๆ ก็คงเป็นมนุษย์ที่นำความเสื่อมมาอย่างรวดเร็ว หลักการของศาสนาต่าง ๆ ก็เห็นความอันตรายอันยิ่งใหญ่นี้ ศาสดาจึงพยายามค้นหาความจริงของโลก เพื่อไขข้อสงสัยของมวลมนุษย์  เพื่อมนุษย์จะได้ไม่ค้นหาอย่างบ้าคลั่ง พาให้โลกหลุดแหว่งไปเร็วนัก

         บอกกระทั่งว่าหากพวกมนุษย์ทำอย่างนี้ หรือเห็นสัญญาณต่าง ๆ เหล่านั้น โลกเรายิ่งจะพังเร็วขึ้นไปอีก   แต่ผู้คนที่เข้าถึงชุดความรู้เช่นนี้ก็ไม่เยอะนัก

         ผมว่าคนที่เปลี่ยนครับ   แต่ผมเชื่อว่า หลักธรรม หรือหลักแห่งความจริงนั้นไม่มีเปลี่ยนครับ

      ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ

P

        ใช่มาก ๆ เหมือนกันครับ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นสิ่งเหนี่ยวนำจิตใจให้อ่อนโยน เอื้อเฟื้อ

        การนำศาสนาบรรจุไว้ในใจนั้น ยากยิ่ง  แต่ผมคิดว่าไม่ใช่การบังคับใช้กฎหมายอย่างแน่นอน

        ศาสนจักร กับ อาณาจักร นั้นเคยก่อปัญหาต่อกันมาแล้ว 

        และด้วยหลักการของศาสนาพุทธที่เป็นอิสระมาแต่ต้น การพยายามใช้บทบังคับ  จึงขัดกับหลักการเบื้องต้นของศาสนาพุทธอย่างชัดเจน

        ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ

ชอบตรงที่พี่สุมิตรชัย... P สรุปไว้ว่า

"สมัยปัจจุบันทุกคนล้วนมีอำนาจ มีปัญญา มีทรัพย์ จำนวนมากพอที่จะช่วยกันศึกษา เผยแผ่พระพุทธศาสนาได้    แต่ศรัทธาเราไม่แน่วแน่ดังเมื่อก่อนเพราะมีสาระที่ดีและไม่ดีมากมายบิดเบือนโลก ทำให้ศรัทธาผู้คนหลากหลาย"
ถ้าเราปฏิบัติภายใต้กรอบของศีล สมาธิ และปัญญา ศาสนาย่อมดำรงคงอยู่เอง แต่นี่ศีล 5 ก็ยังไม่พากันรักษา ศรัทธาไม่แน่วแน่ก็เพราะไม่ตั้งใจมุ่งมั่น (สมาธิ) แล้วปัญญาก็จะมาได้อย่างไร หากพูดกันแล้ว ก็อย่างที่พี่หยิบยกมาล่ะครับ...ศาสนา
 "ธรรมทั้งหลายที่เราแสดงไว้จะเป็นตัวแทนแห่งเรา"

                 

สวัสดีครับ คุณข้ามสีทันดร

            ครับผม ศีล 5 ข้อ แค่ การปฏิบัติดี ในการดำรงชีวิต ของผู้คน ก็ยังมีน้อยนักที่ทำได้ และก็แน่นอนว่า เมื่อศีล ไม่ได้ สมาธิก็ไม่มั่น ปัญญาก็ไม่เกิด

          จริงครับ  ทุกวันนี้เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ลองสุ่มถามผู้คนแถวนั้นดูก็ได้  ว่า ศีล 5 มีอะไรบ้าง ผมว่าต้องมีคนที่ ตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง

            ขอบคุณมากครับที่มาสนับสนุน

เห็นด้วยค่ะ....ขอบคุณที่เขียนอะไรดีๆ ให้อ่านกัน 

ขอบคุณที่เห็นด้วยนะครับP

        ล่าสุด สนช.ก็ตัดสินใจแล้วในเรื่องการบรรจุเรื่องนี้ในรัฐธรรมนูญ   ที่จริงหากเราช่วยกันหาทางออกและหมายมุ่งไปที่ประโยชน์ส่วนรวม ไม่เอาตนเองและกลุ่มเป็นที่ตั้ง ก็จะยอมรับกันได้ครับ

         ส่วนตัวแล้วผมไม่เห็นด้วยกับพระสงฆ์เลย ไม่เคยเห็นพระสงฆ์ไทยออกมาเรียกร้องกันลักษณะนี้ ความจริงสิ่งใดที่จะนำไปสู่ความเสื่อมท่านเหล่านี้น่าจะพิจารณาได้มากกว่าคนทั่วไป

         ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท