Asterisk: เส้นทางสู่ voip ตอนที่ 2

ทำไม Analogue cards (การ์ดเชื่อมต่อโทรศัพท์) ทำไมจึงมีราคาแพง

เกิดความสงสัยว่า ทำไม Analogue cards (การ์ดเชื่อมต่อโทรศัพท์) ทำไมจึงมีราคาแพง

ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมคือ Digium, Rhino, Sangoma, Polycom, Linksys, Aastra, Grandstream, Snom

card พวกนี้มีหลายรุ่น มีทั้งแบบที่เป็น module ต่อขยายได้ และแบบที่ไม่สามารถต่อขยายได้ ซึ่งจะมีราคาถูกกว่ามาก
ชื่อรุ่นมักจะตั้งคล้ายกัน เช่น 100, 400, 800, 1200 รุ่นที่ได้ยินบ่อยๆ เห็นจะเป็น

100
x100p, x100 พวกนี้จะมี fxo ช่องเดียว

400
x400, a400 มักจะเป็น module ต่อออกได้สูงสุด 4 ช่อง แล้วแต่ module
ตรงนี้เราสามารถใส่ได้ตามต้องการ เช่นต้องการ fxs 1/ fxo 3 ก็ชื้อ module card มาใส่เพิ่ม

800, 1200, ...
เดาได้ง่ายๆ 8 module และ 12 module

Module cards
จากภาพด้านบน(400) จะสังเกตุ card เล็กๆ สี่อัน

fxo

fxs
ส่วนใหญ่ fxo/fxs มันจะคนล่ะสีกัน

ในไทย card x100p nextsay ขายที่ 1900 ส่วนที่อื่นๆ ขายที่ราคา 3000
ในต่างประเทศ ขายที่ 300 - 600 บาท!!

card ราคาถูกเหล่านี้ แท้จริงแล้วก็เป็น modem ธรรมดาๆ นี่เอง เพียงแต่ใช้ chip ที่ support กับ zaptel driver
เราเรียก card พวกนี้ว่า x100p Clone

card ที่ support กับ xaptel driver จะใช้ chipset Intel 537, Ambient MD3200 และ Motorola 62802

Hardware spec: SI3034 , SI3050, Tiger300

digium จะใช้ชื่อ x100p สำหรับการ์ดที่ใช้ chipset ของ Intel และ x101p สำหรับการ์ดที่ใช้ chipset ของ Motorola ปัจจุบัน Digium ไม่ได้ทำต่อแล้ว
จึงมีแต่ thrid-party ที่ทำ (หรือใช้ clone card)

Note สำหรับ Clone card, Generic card
มีรายงานว่าปัญหาของ card x100p ก็คือ
1. คุณภาพเสียง echo, ไม่ชัด
2. ไม่ตัดสํญญาณหรือไม่ยอมวางหู เมื่ออีกฝั่งวาง (Off hook)

ทำไม ไม่ใช้ modem ธรรมดาแทน
1. card ส่วนใหญ่เป็น half-duplex ถ้าจะใช้ได้ดีควรจะเป็น full-duplex (Asterisk แนะนำให้้ใช้ full-duplex) ไม่แน่ใจว่าปัญหา echo เป็นเพราะสาเหตุนี้หรือไม่?
2. card ส่วนใหญ่ไม่แสดง Caller ID
3. card ถูกๆ ส่วนใหญ่ในปัจจุบันเป็น softmodem(winmodem/linmodem) ซึ่งให้ software ทำหน้าที่ประมวลผลเรื่องการเข้าและถอดสัญญาณแทน ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นแต่งานเกี่ยวกับการรับส่งข้อมูล (ที่การ์ดจะมีแค่ DSP chip เ่่ท่านั้น) ไม่มี codec ทางด้านเสียงโดยเฉพาะ