ท่านชอบพุทธศาสนาในเหลี่ยมไหน


“ถ้าหากว่าคนจะพ้นทุกข์ได้ด้วยการบวงสรวงบูชาอ้อนวอนเอาๆแล้ว ในโลกนั้นก็จะไม่มีใครมีความทุกข์เลยเพราะว่าใคร ๆ ต่างก็บูชาอ้อนวอนเป็น”

นำเสนอมาให้อ่านครับนำมาจากหนังสือแต่เล่มไหนจำไม่ได้แล้วครับ แต่ได้แง่คิดหลายแง่หลายๆด้านครับ

ถ้าเราเปิดหนังสือทุกเล่มที่เขียนกันในสมัยปัจจุบันอันว่าด้วย    ต้นเหตุของการเกิดศาสนา แล้ว จะเห็นว่าเขาเขียนไว้เหมือนๆกันตรงกันที่ว่า  คนป่าดั้งเดอมกลัวฟ้าผ่า ฟ้าร้องกลัวความมืด  ที่อยู่เหนือความเข้าใจอันตรายก็คือต้องแสดงอาการยอมแพ้  ศาสนาเกิดขึ้นมาในโลกด้วยอำนาจของความกลัว.               

ความกลัวของคนชั้นหลัง     เลื่อนสูงขึ้นมาถึงกลัวความทุกข์ ชนิดที่อำนาจทางวัตถุช่วยไม่ได้  เช่น ความเกอด  แก่  เจ็บ  ตาย  ความหม่นหมองมืดมัว    เพราะอำนาจของความอยากความโกรธ  ความหลงผิด   ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่เจริญด้วยนักคิด   นักค้นคว้า  ผู้มีสติปัญญาทั้งหลาย ได้ละทิ้งการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาทำการค้นหาวิธีเอาชนะความเกิด แก่ เจ็บ  ตาย  หรือเอาชนะความอยาก  ความโกรธ   นับว่าเป็น  บ่อเกิดของศาสนาที่สูงขึ้นไปในทางปัญญา               

สำหรับพระพุทธศาสนา     พระพุทธเจ้าเป็นผู้พบวิธีที่จะเอาชนะสิ่งที่คนกลัวได้เต็มตามความประสงค์  เกิดวิธีปฏิบัติเพื่อดับความทุกข์ชนิดที่เรียกว่า  พระศาสนา.  พุทธศาสนา แปลว่า ศาสนาของผู้รู้   พุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาที่อาศัยสติปัญญา  หรืออาศัยวิชาความรู้ที่ถูกต้องเพื่อนทำลายความทุกข์และต้นเหตุของความทุกข์เหล่านั้น.               

พิธีรีตองเพื่อบูชาบวงสรวง อ้อนวอน ไม่ใช่พุทธศาสนา  มีคำกล่าวในพระพุทธศาสนาว่า    “ความรู้ ความฉลาด และความสามารถที่จะทำให้สำเร็จประโยชน์นั่นแหละ  เป็นตัวฤกษ์ที่ดีอยู่ในตัวมันเองแล้ว ดวงดาวในท้องฟ้าจะทำอะไรได้ประโยชน์ที่ควรจะได้ก็ผ่านพ้นคนโง่ๆ    ที่มัวแต่นั่งคำนวณดวงดาวในท้องฟ้าไปเสียสิ้น” ดังนี้.  

และว่า  ถ้าน้ำศักดิ์สิทธิ์ในแม่น้ำคงคา  ฯลฯ  จะทำให้คนหมดบาปหมดทุกข์ได้แล้ว พวกเต่า  ปู  ปลา หรือหอยที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำหรือสระศักดิ์สิทธิ์นั้น ก็จะหมดบาปหมดทุกข์ไปด้วยน้ำนั้นเหมือนกัน” หรือ “ถ้าหากว่าคนจะพ้นทุกข์ได้ด้วยการบวงสรวงบูชาอ้อนวอนเอาๆแล้ว ในโลกนั้นก็จะไม่มีใครมีความทุกข์เลยเพราะว่าใคร ๆ ต่างก็บูชาอ้อนวอนเป็น”.

พุทธศาสนาไม่ประสงค์การคาดคะเน    เราจะทำไปตรง ๆ ตามที่มองเห็นด้วยปัญญาของตัวเอง โดยไม่ต้องเชื่อคนอื่น   ต้องฟังและพิจารณาจนเห็นจริงศาสนาเหมือนกับชองหลายเหลี่ยม   ดูเหลี่ยมหนึ่งมันก็เป็นไปอย่างหนึ่ง  แล้วแต่ว่าบุคคลนั้นจะถือหลักการคิดในแนวไหน

อ่านเพิ่มเติม>>

หมายเลขบันทึก: 103235เขียนเมื่อ 14 มิถุนายน 2007 13:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท