ช่วงปลายปีที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสไปต่างประเทศเป็นครั้งแรก (ไม่นับมาเลเซีย) คือประเทศซาอุดิอารเบีย เป้าหมายคือไปทำฮัจย์ที่นั่น คำว่า “ไปเมกกะ” (เมกกะเป็นเมืองหนึ่งของประเทศซาอุดิอารเบีย) เป็นคำที่มุสลิมทุกคนอยากได้ยิน อยากสัมผัส จะตื่นเต้นทุกครั้งเวลาได้รับทราบว่าคนใกล้ชิด หรือคนรู้จัก “ไปเมกกะ” ปีที่ผ่านมาผู้เขียนโชคดีที่ได้มีโอกาสเป็นแขกรับเชิญของพระเจ้า เพราะที่นั่น เปรียบเสมือนบ้านของพระองค์ และการไปครั้งนี้ก็ด้วยการอนุมัติของพระองค์เช่นกัน
การทำ “ฮัจย์” เป็นกิจกรรมหนึ่งในห้าประการ ที่มุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ซึ่งถือเป็นภาคบังคับ สำหรับผู้ที่มีความสามารถ ความสามารถในที่นี้หมายถึง มีเงินใช้จ่ายเพียงพอในการไป ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ และมีความปลอดภัยในการเดินทางไปและกลับ ถ้าหากมีปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งในสามเรื่องนี้ก็ไม่เป็นที่บังคับ สำหรับการทำฮัจย์แก่บุคคลนั้น การทำฮัจย์จะประกอบด้วยกิจกรรมย่อยๆอีกหลายกิจกรรม ซึ่งจะกล่าวถึงในบันทึกต่อไป
เคยรับชมวีดีโอของคนที่ไปเมกกะ หลายท่านถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความปิติ
ความดีสวยงามเสมอครับ
พระอาจารย์ติช นัท ฮันห์ได้พูดปาฐกถาธรรมในหัวข้อ “สู่ศานติสมานฉันท์: ความรักอันไม่แบ่งแยก” ท่านได้พูดถึงปัญหาการก่อการร้ายและความรุนแรงในภาคใต้ ทางออกอย่างสันติวิธีเดียว คือ การฟังอย่างลึกซึ้งและสร้างความเข้าใจระหว่างกันกับเพื่อนชาวมุสลิม
“ชาวพุทธเปรียบดั่งมือขวา ชาวมุสลิมเปรียบดั่งมือซ้าย เราเป็นดั่งพี่น้องกัน หากเราทำให้อีกฝ่ายทุก เราก็ย่อมเป็นทุกข์ด้วย” พระอาจารย์ติช นัท ฮันห์กล่าว
ท่านกล่าวต่อไปว่า ในอดีตนั้นชาวพุทธและชาวมุสลิมเคยดูแลและอยู่ร่วมกันกับอย่างสันติสุขได้ ปัจจุบันและในอนาคตก็ย่อมเป็นไปได้เช่นกัน
“การที่จะอยู่ด้วยกันอย่างสันติ มิใช่เพราะเราต่างเป็นชาวพุทธเหมือนกัน ฉันเห็นชาวพุทธมากมายมิได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่การอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสันตินั้นมีรากฐานจากความเข้าใจและความรัก หากปราศความเข้าใจ ย่อมไม่มีความรักความเมตตาต่อกัน ความรักความเมตตาต่อกัน มีพื้นฐานจาก การฝึกปฏิบัติ และ ความเข้าใจ”
ยินดีด้วยครับสำหรับบันทึกใหม่ล่าสุด
จะติดตามอ่านอย่างต่อเนื่องครับ