เขียน … ที่บ้าน
“…
เมื่อวันเสาร์ (๘ ก.ค.๖๖) พานักศึกษาครูรัก(ษ์)ถิ่นที่ฝึกสอนอยู่โรงเรียนวัดเวฬุวัน อ.สารภี ไปเที่ยวงาน Chiang Mai Book Fair ครั้งที่ ๘ ที่เซ็นทรัล แอร์พอร์ต พลาซ่า จำนวน ๔ คน โดยใช้เวลาเดินกันอยู่ประมาณ ๒ ชั่วโมง เด็ก ๆ ไม่ค่อยได้หนังสือ อาจจะเนื่องจากราคาหนังสือแพงขึ้น แม้กระทั่งหนังสือเก่าก็ขึ้นราคา
หลังจากนั้น มีเวลาเหลือ เลยพาแวะไปไหว้พระที่วัดต้นเกว๋น อ.หางดง และสวนกุหลาบหลวงทางไป อ.สะเมิง
มีเวลาว่าง หลังจากไม่ได้สอน ป.บัณฑิต ในภาคเรียนนี้ ถือเป็นภาคเรียนแรกในรอบ ๑๐ กว่าปีที่ไม่ได้สอน ส่วนเหตุผลขอเก็บไว้ในใจ
…”
๙ ก.ค.๖๖
สามทุ่ม ยี่สิบแปด
The town (10 km away, population 6k) near where I live have 4 book stores. Most already-read paperback books are selling for AUD1-2 a book. The town is a stop-over for tourists and backpackers (on tour & work visas). There are many stop-over towns along the east coast of AUS, so these books are read while hopping from town to town ;-)
The price of these books are barely enough to keep the book exchange service going. I would be sad to see them close down, because I read a lot and can’t afford new books (AUD 12-20).
“นักอ่าน” ในเมืองไทยเสมือนคนกลุ่มเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ
ร้านหนังสือในเชียงใหม่ก็เงียบลง คนรุ่นใหม่ที่มาซื้อหนังสืออ่าน ก็มักจะเป็นหนังสือสอบเข้าระดับชั้นต่าง ๆ และหนังสือทั่วไปก็มักจะหยุดอ่านเมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งนิสิต/นักศึกษาหลายคนเลือกที่จะอ่านเฉพาะหนังสือในวิชาชีพของตนเองเท่านั้น
นั่นเป็นหนังสือที่เป็นกระดาษ ส่วนหนังสือผ่านเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ก็น่าจะมีคน Gen ใหม่เข้าไปอ่านมากขึ้น เพราะเขาเกิดมาพร้อมเครื่องมือเหล่านี้
คุณค่าหนังสือยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่คนเปลี่ยนแปลง (ที่อ้างว่าตามยุคสมัย)
ขอบคุณครับ ท่าน sr ;)…