บทสัมภาษณ์
ถ้าจะว่าไปแล้วนอกจากท่านแม่ผมก็มีผู้หญิงคนนี้แหละที่รักผมมาก ผมเคยถามเขาหลายครั้งตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมาหลายปีเขาเคยคิดที่จะไปจากผมไหม ทั้งๆที่รู้ว่าที่ผ่านมาผมไม่เคยจริงจังกับชีวิตคู่ ใช้ชีวิตแบบสิ้นเปลืองมาโดยตลอด ไม่มีจุดยืนในชีวิต เที่ยวเตร่ แทบจะไปเที่ยวแทบทุกจังหวัดในประเทศไทยก็ว่าได้ พอเกิดสิ่งร้ายๆกับชีวิตก็กลับมาตายรัง เธอบอกกับผมว่า เธอคิดอยู่เสมอว่าเมื่อเธอทำดีที่สุดแล้ว เธอย่อมได้สิ่งดีๆ กลับคืนมา อีกอย่างเธอเป็นคนที่มีความมั่นคง ยึดมั่น ถือมั่นในทุกๆ เรื่อง ผมยอมรับว่าที่ที่ผ่านมาผมเกเรมาก พ่อแม่พร้อมให้ทุกอย่างยกเว้นความอิสระ คือต้องอยู่ในกรอบที่วางไว้ ผมจึงเลือกที่จะออกนอกกรอบ เรียนไหนก็ไม่จบ ใช้ชีวิตสิ้นเปลือง จนมาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต จุดที่ผมตกต่ำที่สุด ผมโซแซมาจากนครศรีธรรมราช แทบเอาชีวิตไม่รอด มาอยู่บ้านระยะหนึ่ง แบบคนสิ้นคิด เธอเป็นคนที่ชี้นำชีวิตของผม ซึ่งที่ผ่านมาพ่อกับแม่ผมรู้เรื่องราวระหว่างผมกับเธอมาโดยตลอด พ่อกับแม่รู้สึกสงสารเธอมาก ในช่วงนั้นเธอแนะนำพ่อกับแม่ผมว่าน่าจะหาอะไรให้ผมทำเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะตอนนั้นเธอเรียนปริญญาโทศึกษาศาสตร์อยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เธอเลยแนะนำให้เปิดร้านถ่ายเอกสารและเข้าเล่ม โดยให้พ่อกับแม่ผมลงทุนให้ เพราะถ้าไม่มีเธอแนะนำ ลำพังตัวผมคนเดียวท่านคงไม่เปิดให้หรอกครับตอนแรกก็คิดว่าจะทำเล่นๆ แต่ผ่านมา 5 ปี มี 2 สาขา และจะเปิดสาขา 3 ในต้นปี 57 ก็ได้รายได้ตรงจุดนี้มาส่งผมเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี เพราะก่อนหน้านี้ผมจบแค่ ปวส. จนในขณะนี้ ปัจจุบันเธอได้ทุนเรียนต่อปริญญาเอกด้านเทคโนโลยีการศึกษา และเป็นอาจารย์ประจำสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ส่วนผมต่อปริญญาโทบริหารธุรกิจอยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผมขอบคุณเธอมากครับที่เป็นแสงสว่างให้กับชีวิตผม ทำให้ผมเปลี่ยนไปเป็นคนละคน และอยู่เคียงข้างผมมาตลอดระยะเวลา 8 ปีที่คบกัน ตั้งแต่เธออายุ 18 ผม 20 ผมสัญญาว่าต่อจากนี้ผมจะรักและดูแลเธอตลอดชีวิตของผมครับ
ขอให้คุณจงรักษาผู้หญิงคนนี้ตลอดไป เป็นกำลังใจให้ครับ ;)…