อนุทิน 106732


ปจิตรา
เขียนเมื่อ

กิตติยาณีย์/ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ สู้แล้วรวยอิสรมาน ดอเลาะ

ชีวิตที่ไม่เคยท้อ “บังอิสรมาน ดอเลาะ” จากชีวิตที่เคยรุ่งสุดขีดกลับคืนสู่ธรรมดาอีกครั้ง

เจอนักธุรกิจท่านนี้ทำให้หวนนึกถึงการบูมอย่างมโหฬารของส้มแขก เพื่อลดความอ้วนเมื่อปี 2540 ที่ผ่านมา ที่ตอนนั้นส้มแขกแห้งที่ขายกันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จากกิโลกรัมละ 13-14 บาท ทะยานขึ้นเป็นกิโลกรัมเกือบ 200 บาท และเขาคนนี้เป็นหนึ่งในแรงผลักดันในครั้งนั้นเรากำลังพูดถึงคุณอิสรมาน ดอเลาะ เจ้าของผู้ริเริ่มผลิตภัณฑ์ฮูลูบาลัง เฮิร์บ เครื่องสำอางสำหรับสตรีแบร์ดนดังของปัตตานี

อิสรมาน เล่าให้เราฟังว่าตนเองเป็นคนจังหวัดปัตตานี เรียนจบประถมที่โรงเรียนในตัวจังหวัด หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่อที่เบญจมราชูทิศ แล้วไปต่อที่มาเลเซีย หลังจากนั้นก็ไปจบ Di

p.c.s Wentorth College Melbourmn Vic. Australia ในช่วงที่เรียนอยู่ต่างประเทศทำให้ได้มีโอกาสศึกษาในเรื่องของเครื่องสำอางค์พบว่าเครื่องสำอางส่วนใหญ่มีส่วนผสมของสารเคมี และราคาขายนั้นแพงมาก และในการไปอยู่ออสเตรเลียไปพบสารกินิเซีย Garcenia Cambogia หรือส้มแขกที่ฝรั่งนำไปอัพราคาขายขวดหนึ่งเป็น 1,000 บาท ซึ่งในขณะที่วัตถุดิบบ้านเราราคาไม่กี่ตังค์ ก็ได้ประสบการณ์และได้ศึกษา

แต่หลังจากจบมาก็มาเป็นอาจารย์อยุ่ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์อยู่ 5 ปี  หลังจากนั้นก็ตัดสินใจลาออก และลงสมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี เพราะในสมัยนั้นคนที่จะเล่นการเมืองต้องทรงอิทธิพล เราไม่มีอิทิพลจะได้ไหมก็ลองสมัคร และก็ได้รับการเลือกตั้ง สัมผัสการเมืองอยู่ 5 ปีก็พบตื้นลึกหนาบางในวางการเมือง ก็คิดว่าไม่เหมาะกับเราก็ออกมาและได้ศึกษาเรื่องเครื่องสำอางอย่างจริงจัง 
ประกอบกับในช่วงปี 2540 ส้มแขกลดความอ้วนบูมมากๆ อย่างที่เล่าคือในส้มแขกหรือกานิเซีย ซึ่งขณะนั้นบริษัทเนเชอวันของอเมริกาเขาขายขวดหนึ่งเป็น 1,000 บาท โรงงานเขาอยุ่ลำปาง โดยใช้ส้มแขกซึ่งมาจากอินเดียผลใหญ่ และเขาขายไปทั่วโลก ขวดหนึ่งประมาณ 60 เม็ด ราคา 1,000 บาท 
นายอิสรมาน เล่าต่อว่าเราก็มาคิดว่าส้มแขกใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้านเรา มีอายุเป็น 100 ปีที่บ้านก็มีอยู่หลายต้น ชาวบ้านก็เอาลูกาหั่นตากแดดขายกิโลกรัมละ 13-14 บาทในสมัยนั้น เราก็เริ่มผลิตโดยส่งไปให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจถึงผลวิจัยและรับรองที่เราค้นพบ ผลิตเป็นโรงงานเริ่มแรกก็มีพนักงาน 30 คน คนในชุมชนนั้นแหละ เราก็กว้านซื้อส้มแขกจากกิโลกรัมละไม่กี่บาทกลายเป็น 40-70 บาท ขาย100 เม็ด 100 บาทต่อขวดก็มีบริษัทเอเชียไลฟ์มาติดต่อให้เราส่งขายเขาแต่ผู้เดียว 
ก็พัฒนาฆ่าเชื้อ บรรจุแคปซูลขออย. อยู่ 7 เดือนก็ผ่าน ก็มีบริษัทต่างๆ ติดต่อเข้ามาเพื่อให้ทางเราส่งให้ ปรากฎว่าจากเดือนหนึ่งไม่กี่หมื่นบาท กลายเป็นว่าเรามียอดขายเดือนหนึ่ง3 ล้าน- 5 ล้านบาท อยู่หลายปี ก็ซื้อรถเบนซ์ วอลโว่มาขับ ซื้อบ้าน3-4 หลัง ที่ดินหลายแปลงที่เดียว ขยายโรงงานใหญ่โตมีพนักงาน  100 กว่าคน  จากทุนที่เราเริ่มต้นครั้งแรกแค่ 20,000 บาท
บังอิสรมาน เล่าต่อว่า การเปิดโรงงานให้คนโน้นเข้ามาดู บริษัทนั้นเขามาชมก็กลายเป็นปัญหาเพราะมาดูแล้ว หลายคนก็เอาไปผลิต ขณะเดียวกันก็มีบริษัทขายยาแผนโบราณจีนเข้ามาแข่งกว้านซื้อส้มแขกด้วย ก็ทำให้ต้นทุนการผลิตสุงถึงกิโลกรัมละ 200 บาท  ส้มแขกตอนนั้นไม่ใช่ยาแต่เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ได้มีการค้นพบว่า ส้มแขก( Garcenia Cambogia) ซึ่

งเป็นพืชพื้นบ้านดั้งเดิมของไทย ที่นิยมใช้ในการประกอบอาหารมาเป็นเวลานานแล้ว มีสาร HCA หรือ Hydroxy-citric acid อยู่เป็นจำนวนมาก โดยพบว่า HCA นี้มีคุณสมบัติในการยับยั้งการสะสมของไขมัน ส่วนเกินในร่างกายและลดความอยากอาหารได้ จึงได้มีบางคนนำผลส้มแขกมาใช้ในการควบคุมน้ำหนัก กลไกการออกฤทธิ์ของ HCA จะออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ ATP Citrate Lyase ในวงจร Kreb's cycle (วงจรการย่อยสลายกลูโคส ของเซลร่างกาย) ทำให้ยับยั้งการนำน้ำตาล จากอาหารประเภท แป้ง ข้าว และน้ำตาล ไม่ให้เปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามร่างกายแต่จะนำไป ใช้เป็นพลังงานของร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่นไม่อ่อนเพลีย และ เมื่อในกระแสเลือดไม่ขาดน้ำตาล ก็จะทำให้ความรู้สึกหิวอาหารลดลง ไปด้วย ขณะเดียวกัน ก็ จะนำไปสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของไกลโคเจนที่ตับ ทำให้ร่างกายรับรู้ว่ามีพลังงานสำรองเพียงพอทำให้ไม่รู้สึกหิวมาก นอกจากนี้ ยังมีผลไปกระตุ้น ให้มีการดึงเอาไขมันที่สะสมออกมาใช้เป็นพลังงานทำให้ไขมันที่สะสมอยู่ลดลงซึ่งจะมีผล ทำให้รูปร่างดีขึ้น

แต่.... สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หลังจากนั้นกระแสนี้ก็ตกบริษัทที่เคยซื้อกับเราก็เบี้ยวการจ่ายเงินส่วนใหญ่เป็นบริษัทเล็ก จากน้อยๆ ก็สะสมกลายเป็น เดือนละ 2-3 ล้านบาท เรามีคนงานเป็น 100 คนก็ทยอยขายเบนซ์ ขายวอลโว่ เพื่อมาจ่ายเงินเดือนพนักงาน จ่ายค่าวัตถุดิบ หนักเข้าก็ขายบ้านไปที่ละหลังจนในที่สุดก็ขายที่ดินที่เคยทะยอยสะสมไว้ ทรัพย์สินหลายสิบล้านหมด ต้องกู้แบงค์ หมดตัว บริษัทที่เป็นหนี้เราก็ไปตามแต่ปรากฎว่าบ้างบริษัทก็ปิดตัวหนีไปแล้ว
บังอิสรมาน บอกว่าตอนนั้นเครียดกว่าจะทำใจได้นานที่เดียวและได้ข้อคิดว่าชีวิตคนเรามีขึ้นและมีลงเป็นเรื่องธรรมดา จนกระทั่งปี 2545  ก็ลองมาศึกษาเครื่องสำอางที่วางขายอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็มีอยู่หลายตัว ใช้เวลาในการศึกษาอยุ่3 ปี แล้วก็เดินสายออกบูสไปตามงานต่างๆ  ก็ใช้โรงงานเดิมผลิตแต่เปลี่ยนไลน์ ก็ปรากฏว่ากระแสตลาดตอบรับดี คราวนี้ไม่คิดอยากจะโตแบบหวือหวาอีกแล้ว แต่อยากจะโตแบบมั่นคง และผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมาส่วนใหญ่มาจากธรรมชาติ เช่นนมแพะ น้ำผึ้ง หรือสมุนไพรท้องถิ่น  นำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เช่นสบู่นมแพะ น้ำมันมะรุมซึ่งขณะนี้ก็เริ่มมีกระแสตอบรับที่ดีมาก คนที่ไปใช้จากที่เคยสั่งเป็นขวดก็สั่งเป็นลิตรๆ 
นอกจากนี้เพ็จเก็จจิ้งก็ทำจากแอนเมด คนงานที่เคยเลิกจ้างตอนนี้ก็ให้ภรรยาไปเรียกกลับมาทำงาน เพราะเขาเชื่อมั่นเราไม่ทำให้เสียคือเราหมดตัว แต่ค่าจ้างเราไม่เป็นหนี้เขา เขาจึงมั่นใจที่จะกลับมาทำงานอีกครั้ง
ชีวิตบังอิสรมานถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของคนที่ไม่ยอมแพ้ชะตาชีวิต และพร้อมลุกขึ้นสู้ใหม่ และมองว่าชีวิตคนเรานั้นมีขึ้นมีลงเป็นธรรมดา บทเรียนที่เกิดขึ้นทำให้คนเราได้ประสบการณ์ดีๆ เสมอ 


ความเห็น (1)

คุณกิตติยาณีย์ น่าจะสร้างบล็อก แล้วเขียนแต่ละข่าวนี้เป็นบันทึกนะคะ จะได้อ้างอิงถึงได้ค่ะ เป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าเผยแพร่นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท