“น้ำ” คือความสมดุล ที่ไม่เสถียร


ธรรม(ชาติ)มีความสมดุล จึงเป็นความพยายาม แต่หากจะให้เสถียรยังไม่เคยเห็น

     “น้ำ” เป็นตัวอย่างของความสมดุลที่ยังไม่เสถียร ตามความเห็นผมในบันทึกของ ดร.สวัสดิ์ พุ้มพวง ที่บันทึก ความเป็นจริงของโครงสร้างทางสังคมตามหลักปฏิจจสมุปบาทคืออะไร อะไรคือ “สมดุล” และอะไรคือ “เสถียร” (ตามอ่านการสนทนากันทาง B2B ได้ที่บันทึกที่ link ไว้ข้างต้น) ดังนี้ครับ ผมนำมาจากพจนานุกรมฉบับราชบัญฑิตยสถาน พ.ศ.2525

  • สมดุล (equilibrium) คือ เสมอกัน, เท่ากัน --> เคลื่อนไหว, เปลี่ยนแปลงไปมา ได้
  • เสถียร (stabiliby) คือ มั่นคง, แข็งแรง --> นิ่งอย่างยั่งยืน ไม่เคลื่อนไหวแล้ว

     จากความหมายตามนิยามศัพท์ข้างต้น ฉะนั้น ธรรม (ชาติ) มีความสมดุลจึงเป็นความพยายาม แต่หากจะให้เสถียรยังไม่เคยเห็น และหากจะเกิดภาวะธรรม (ชาติ) เสถียร จะเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบได้ อย่าหวังให้ธรรม (ชาติ) เข้าสู่จุดเสถียรเลยครับ ขอเพียงสมดุลน่าจะเป็นพอ

     ผมมีแผนภาพที่จะนำเสนอเรื่องอสมดุล – สมดุล ดังนี้ครับ

     ทีนี้กลับมาพิจารณาที่ “น้ำ” ที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด ในภาชนะอย่างไร หรือจะโดนปัจจัยอะไรเข้ามามีอิทธิพล เช่นความร้อน ความเย็น ความดัน ฯลฯ ก็ยังควเป็นน้ำที่มีโครงสร้างเช่นเดิม หรือหากจะเหนี่ยวนำให้เกิดการแยกตัวไป ก็ยังพยายามที่จะรวมตัวกลับเป็น “น้ำ” คงเดิม การที่ยังถูกเปลี่ยนได้คือไม่เสถียร หากแต่สมดุล เพราะท้ายสุด สุดท้าย จะวิ่งวนกลับมายังจุดสมดุลใหม่เสมอ

     หมายเหตุ: เป็นข้อคิดเห็นส่วนตัวที่อาจจะผิดไปจากฐานคิดคนอื่นได้ โปรดใช้วิจารณญาณในการพิจารณาครับ

 

หมายเลขบันทึก: 32254เขียนเมื่อ 30 พฤษภาคม 2006 23:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2015 08:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

เรียน คุณชายขอบ

ขอบคุณครับที่กรุณาเผยแพร่หัวข้อแลกเปลี่ยนของผมสู่สาธารณะครับ  คงจะทำให้มีผู้
สนใจเรื่องนี้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนกันเราอีกครับ

ข้อเสนอของคุณชายขอบผมขออนุญาตสรุปเป็นสมการ  ดังต่อไปนี้ครับ
(วิธีนำเสนออาจต่างแต่ผมว่าสิ่งเดียวกันครับ)

 สมดุล + อสมดุล  = เสถียร ...1

จากสมการนี้  ท่านผู้อ่านคงจะสรุปได้ว่า  ผมเห็นต่างจากคุณชายขอบเรื่อง "เสถียร"
ในขณะที่คุณชายขอบเห็นว่า "เสถียรคือนิ่งอย่างยั่งยืน"

ผมขออนุญาตตีความ "นิ่งอย่างยั่งยืน" อย่างนี้ครับว่า  สภาวะเช่นนี้ไม่ใช่ "สิ่ง"
ที่จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นครับ  แต่เป็นสภาวะที่มีอยู่อย่างอิสระไม่ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย
เป็นสภาวะที่สามารถเข้าถึงได้และรับรู้ได้ครับ  แต่พอคุณชายขอบนำสภาวะความ
"นิ่งอย่างยั่งยืน" มาบรรยายปรากฏการณ์ทั่วไป  ก็เป็นธรรมดาครับที่จะไม่เคยมี
และไม่เคยเห็นสภาวะ "นิ่งอย่างยั่งยืน" ดังที่คุณชายขอบเข้าใจก็ถูกต้องแล้ว

"เสถียร" สำหรับผม  ก็เป็นดังที่สมการที่ผมเสนอไปข้างต้นครับ ซึ่งอธิบายได้ว่า
"เสถียร คือเคลื่อนไหวอย่างสมดุล" "ในความสมดุลมีความไม่สมดุลอยู่ด้วย"
หรืออาจจะอธิบายได้นัยหนึ่งว่า "เสถียรคือทั้งหมดของความสมดุลและไม่สมดุล"
จุดแตกต่างระหว่างความเห็นของผมกับคุณชายขอบอยู่ตรงที่  คุณชายขอบมอง
"เสถียร" ในระดับสัจจะ (truth) แต่ผมมอง "เสถียร" ปรากฏการณ์
ที่ยังไม่เป็นอิสระจากเหตุปัจจัยครับ

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ความเห็นของเราสองคนแตกต่างกันครับ  แต่เป็นความเห็นที่ไป
ด้วยกันได้ (นี่ไม่ใช่คำหวานเพื่อเอาใจมิตรนะครับ  ความเห็นของผมกับคุณชายขอบ
เป็นเรื่องเดียวกันจริง ๆ) หรือท่านอื่นเห็นต่างอย่างไร  เชิญร่วมแลกเปลี่ยนครับ

สมดุล...ที่เป็นเรื่องของความเสมอกัน...เสมอกันในที่นี้อาจไม่เท่า..ในเชิงรูปธรรม
หากแต่ในเชิงนามธรรม...อาจเท่ากัน...นั่นคือ...เกิดสมดุล...
ในความเสถียร...เสมอไปไหมว่า..ต้องสมดุล
และในความสมดุล...เสมอไปไหมว่า...ต้องเสถียร
ธรรมชาติ...จากยุคในอดีตกาล...จวบจนปัจจุบัน...
และอาจนำไปสู่อนาคต...ต่างพยายาม...
วิ่งหา...และปรับ...ก่อเกิด "สมดุล"
และเมื่อเกิด "สมดุล"...เมื่อไร..เมื่อนั้นก็จะเกิด "อสมดุล" ตามมาติด..ติด
วิ่งวน...ไม่หยุดนิ่ง...และยากที่จะ "เสถียร"...
เมื่อไรก็ตาม..ที่ธรรม"ชาติ"..สมดุลและเสถียร...
เมื่อ...นั้น..ไม่มีธรรม"ชาติ"
     รอนิดนึงนะครับ กำลังเตรียมตัวเดินทางไกล จะ ลปรร.ด้วยแน่ ๆ มีประเด็นสำคัญมากด้วย

พอนึกว่า "น้ำคือ H2O" ก็รู้สึกว่าไม่เสถียรแล้วค่ะ

เสถียรอาจเป็นเรื่องน้ำไม่ใช่น้ำ จุดเสถียรคงเป็นจุดที่มวลรวมในใจเข้าใจธรรมอย่างรู้ธรรม

เมื่อนึกถึงสมดุล ก็เพราะเรามองเป็น เรื่องของสองทางด้วยไหม คือสมดุลและไม่สมดุลหรืออสมดุล ถ้าลองคิดว่า สมดุลไม่มีจุดสิ้นสุด ทุกอย่างที่เกิดจะเป็นสมดุล แต่คนใช้การรับรู้กำหนดเกณฑ์สมดุล จึงมองสิ่งที่เกิดว่าสมดุลหรือไม่สมดุล...หรือเปล่าคะ

ขอให้เดินทางไกล  ด้วยความสุนทรีย์นะครับ  คุณชายขอบ  ระหว่างการเดินทาง  บทกวี อาจทำให้เพลิดเพลินได้ครับ  ลองเข้าไปอ่านดู  (ผมพยายามเขียนเองครับ)

ประเด็นที่ คุณ jc มอง  น่าสนใจมากครับ  และผมก็เห็นด้วย
การเกิดขึ้นของสรรพสิ่งจนมาถึงผมที่นั่งเขียนอยู่นี้  เป็นความสมดุลแทบไม่น่าเชื่อจริงครับ จากการรวบรวมของ Bill Bryson, A Short History of Nearly Everything และการศึกษาของ Stephen Hawking, Universe in a Nutshell ทำให้ผมรู้สึกทึ่งในความสมดุลอย่างลงตัวนั้นจริง

และผมก็เห็นด้วยกับคุณ jc อีกว่า  พอมนุษย์เข้าไปรับรู้โลกและธรรมชาติโดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง (อัตตา) ก็เป็นธรรมดาที่จะเห็นโลกและธรรมชาติไม่สมดุล  หากรับรู้โลกและธรรมชาติด้วยความว่าง  มนุษย์จะเห็นทุกอย่างเชื่อมต่อกันไปสายครับ  มนุษย์จะไม่รับรู้เลยว่า  สมดุล กับ อสมดุล เป็นอย่างไร  เห็นแต่สภาวะที่อาศัยกันเกิดขึ้นครับ...อย่าเพิ่งเชื่อครับ...เป็นเพียงความรู้สึกของคนธรรมดาเท่านั้น...ผมก็ยังไม่เห็นแจ้งสิ่งเหล่านี้ด้วยใจ...ยังหาวิธีอยู่ครับ

ผมพยายามหาคำตอบกับคำถามที่ตัวเองตั้งขึ้นมาตลอดว่า "ทำไมความเชื่อของมนุษย์ต่อธรรมชาตินั้น  ถ้าไม่เป็น วัตถุวิสัย ก็เป็นอัตตวิสัย  สองความเชื่อนี้จะอยู่ในคนคนเดียวได้หรือไม่  และอย่างไร"...หรือว่า...มันเป็นสภาวะเช่นนั้นจริง ๆ (เป็นกฏธรรมชาติ...เป็นของที่ต้องมาคู่กัน...เหมือนมีกลางวันก็ต้องมีกลางคืน...)

ดูเหมือนว่าเจ้าของบันทึกไม่ว่าง ก็ขออนุญาตเข้ามาคุยต่อคำถามของคุณสวัสดิ์ เพราะทำให้นึกถึงคำถามหนึ่งว่า คนที่มีปรัชญาแบบpostivist จะเป็น constructivist ได้ด้วยหรือไม่ เหมือนการมองธรรมชาติแบบอัตวิสัยหรือวัตถุวิสัยในหนึ่งบุคคลจะเป็นได้หรือไม่อย่างไร (ขออภัยนะคะถ้าจะเรียนตรงๆว่าไม่แน่ใจว่าเข้าใจคำว่าอัตวิสัยและวัตถุวิสัยในความหมายของคุณสวัสดิ์) หรือต้องมองหาทางเลือกที่ไม่ได้มีเพียงสองทางเท่านั้น

ด้วยความที่ชอบอ่านหนังสือเรื่องเจ้าชายน้อย ขออ้างถึง กลางวันกลางคืนว่า จะเป็นกฏธรรมชาติได้อย่างไร พระอาทิตย์ไม่ได้เคลื่อนตัวเอง หากเราเคลื่อนตัวเองบนโลกที่เราอยู่ย่อมจะสามารถเลือกมีเฉพาะยามเย็นตลอดเวลา ...มาคุยด้วยค่ะ

 

ขอบคุณคุณ jc ที่แวะมา ลปรร.กัน ขอทำความคุ้นชินกับระบบใหม่นี้อีกสัดนิดนะครับ จะได้ ลปรร.กันต่อไป
เห็นด้วยกับคุณอนุชาครับ  ยอมรับว่า  ตอนนี้ผมยังหาวิธีสร้างบันทึกใหม่ไม่ได้เลย  คงต้องรอไปอีกสักระยะครับ  จึงจะได้ ลปรร. กันเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำกันมา
ผมไม่สามารถเข้าไปบันทึกใหม่ได้เลยครับ
และมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังทำเหมือนเดิมไม่ได้
บางทีผมอาจจะไม่ได้ใช้ Gotoknow.org แล้ว
เพราะดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างที่เคยเป็น
และ "ใช่เลย" อย่างเดิมครับ

ขอโทษด้วยท่านชายขอบที่เข้ามาคุยในบล็อกนี้  ด้วยทางมหาวิทยาลัยจะไปจัดสัมมนาเรื่องการการเสริมสร้างเครือข่ายและส่งเสริมการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2549 นี้  จึงใคร่ขอเรียนเชิญท่าน และทีมงานเข้าร่วมประชุมด้วยครับ  สำหรับหนังสือเชิญจะให้ทางผมจัดส่งเรียนท่านโดยตรงหรือไม่ครับ  ซึ่งจะดำเนินการจัดส่งให้ท่านภายในวันจันทร์นี้ครับ

ขอบคุณท่านชายขอบอีกครั้งที่มา ลปรร. กับชาวมข.  ขอโทษด้วยวันสุดท้ายไม่มีโอกาสพบท่าน

เห็นด้วยกับคุณชายขอบครับ  ผมรู้สึกได้ถึงความคับแคบในความพยายามขยายเปิดพรมแดนชุมชน ผมเกิดความสงสัยว่า  จะหาความคิดสร้างสรรค์จากการควบคุมได้อย่างไร  เพียงเพราะเขาไม่ทำตามกฎของเรา  ทำให้เราปิดกั้นตัวเองจากโอกาสที่จะเรียนรู้จากเขากระนั้นหรือ  สำหรับผมคิดว่า  การเรียนรู้จากคนที่ไม่คิดอย่างที่เราต้องการให้เขาคิด ไม่เป็นอย่างที่เราต้องการให้เขาเป็น  เป็นโอกาสแห่งการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่  หรือว่าเราต้องการเฉพาะความรู้ที่เป็นแบบแผนตามกฎระเบียบของเราแค่นั้นหรือ เรายินดีที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้เฉพาะความรู้ที่ฉาบทาไปด้วยอำนาจอย่างนั้นหรือ  "ผมรู้สึกเศร้าจริง ๆ" ครับ  ผมคิดถึง สคส. ที่ผมเคยรู้จักเหลือเกิน  ผมรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ
ผมคิดถึงเพื่อนที่ทำในสิ่งที่แตกต่าง  แต่กลับถูกมองว่า "ไม่ใช่แบบแผนความรู้ที่เราต้องการ" ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ากำลังอยู่ท่ามกลางการบีบคั้นของ "ความคับแคบ"  หรือว่าความรู้ ณ ชุมชนแห่งนี้จะเป็นเพียงอีกหนึ่ง "วาทกรรม" ในอดีตที่ผมพยายามปลดปล่อยตัวเองออกมา  โปรดจงรู้เถิดว่า  ในเบื้องลึกแห่งความรู้สึก "ผมเศร้าจริง ๆ"  ฟ้าแห่งความรักทำให้ผมได้พบกับ สคส. แต่ฟ้าแห่งอำนาจ  มาพราก สคส. ไปจากผมแล้ว...ผมคิดถึง สคส. เหลือเกิน...แต่ผมคงต้องทำใจ...
หลังจากมาเจอเวอร์ชั่นใหม่ พยายามเรียนรู้..และก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย พยายามที่จะเปิดใจ...และ Learning by doing เพราะขอ ลปรร. จากใครๆ หลายๆ คน..การเรียนรู้ก็ยังไปไม่ถึงเป้าที่หวัง คือ ไม่สามารถเข้าไปทำอะไรกะบันทึกของตนเองได้ นอกจากนั่งทำตาปริบๆๆ...อ่านบันทึกเก่าๆ ของตนเองอย่างนิ่งๆ.....

เรียน อาจารย์รังสรรค์

     ผมรับทราบแล้วครับ และขอตอบรับคำเชิญชวนของอาจารย์ด้วยความยินดียิ่ง
     ขออภัยอาจารย์ด้วยครับที่เข้ามาตอบช้าไป เนื่องจากยังไม่ค่อยคุ้ยเคยกับระบบ กำลังพยายามศึกษาด้วยตัวเองอยู่ครับ

ขอบคุณครับ รับทราบ แล้วพบกันที่สุราษฎร์ฯ อีกครั้ง

เรียน ท่านรองอธิการ รศ.รังสรรค์

     เมื่อวานทางผมและเครือข่ายได้รับแจ้งจาก จนท.งานพัฒนาบุคลากร ของสสจ.พัทลุง ทางโทรศัพท์ (ผมออกพื้นที่) ว่าได้รับหนังสือจากท่านแล้วครับ ขอกราบขอบคุณในโอกาสที่หยิบยื่นให้ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท