อุตส่าห์หลบหลีกลี้หนีพี่หนิงสุดชีวิต แต่สุดท้ายต้องมายอมสยบให้กับ อาจารย์ขจิต ฝอยทอง ณ ค่ายโครงการอาสาสมัครการจัดการความรู้ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เฮ้อ..เริ่มซะทีก็ดีเหมือนกัน ถ้าไม่มีครั้งแรกก็คงไม่มีครั้งต่อไป..ใช่ไม๊คะ (ทำไงได้ล่ะคะก็หนีไม่พ้นแล้วนี่..อิอิ)
วันนี้ตั้งใจว่าจะตื่นให้เช้ากว่าทุกๆ วันที่ผ่านมา เพราะต้องมาเตรียมสัมภาระในการออกรบ เอ้ย..ออกค่าย ให้ทันเวลาตามนัดหมายและก็พยายามจะหลงลืมให้น้อยที่สุด(พี่หนิงชอบเรียกว่า “ออยเอ๋อ”) เพราะถ้าจะให้ย้อนกลับมาเอาของจากบ้านพ่อครูบา ถึง มมส. คงไม่ไหว (ถึงให้กลับมาเอาจริงๆ ออยคงไม่กลับเข้าค่ายอีกแน่นอน)
ระหว่างทางที่นั่งรถมาก็คิดอยู่ว่าจะเข้าไปบ้านพ่อครูบาได้ยังไง เพราะอยู่บนรถไม่มีใครเคยมาเลยซักคน โชคดีหน่อยที่หน่วยเหนือได้ส่งกองกำลังมารอรับเรียบร้อย..เฮ้อ รอดตัวไป
มาถึงบ้านพ่อครูบาประมาณ 10.30 น. ได้ ความรู้สึกแรกที่ได้มาเหยียบย่าง ณ ผืนแผ่นดินถิ่นนี้ คือ “หิว” แต่ก็ไม่ได้ทนทรมานนานหรอกค่ะ หลังจากที่เข้าร่วมพิธีเปิดและแนะนำวิทยากร และทีมงานจาก มมส. เรียบร้อยแล้ว เราก็ได้สัมผัสกับรสชาติอันแปลกๆ แต่ช่วยดับกระหายได้ดีทีเดียว ออยเองก็พึ่งได้ลองลิ้มรสของน้ำมะขามที่นี่นี่เอง (แถวบ้านมีแต่น้ำมะขามเปียกไว้ใส่ส้มตำ) เสริ์ฟพร้อมเค้กกล้วยหอมก้อนโตๆ (กะว่าไม่ต้องกินข้าวเที่ยงเลยมั้ง แต่ออยไหวตัวทันเลยไม่ยอมกินเค้กก้อนโตนั่น...อิอิอิ) เพราะอีกไม่นานต่อมาอาหารรสเลิศก็ถูกนำมาจัดเรียงพร้อมให้เสือหิวอย่างเราๆ ได้ลิ้มลอง...ขอขอบคุณทีมงานแม่ครัว+พ่อครัว สำหรับอาหารแสนอร่อยด้วยนะคะ อยากรู้ว่าอร่อยแค่ไหนต้องรอให้พี่หนิงมาสาธยายค่ะ เพราะพี่หนิงจะแม่นในรสชาติอาหารกว่าใครใดๆ ในที่นี้..ใช่ไม๊คะพี่หนิงขา
สำหรับในช่วงบ่ายเป็นช่วงอันตรายเอามากๆ เพราะเมื่อหนังท้องตึงหนังตามันก็หย่อน แต่ไม่มีทางที่วิทยากรคนเก่งจะยอมให้เป็นเยื่องนั้นแน่ อ.ขจิต ก็ได้มาละลายความง่วงเหงาหาวนอนโดยการเล่นเกมนิดส์นึง ก่อนที่จะส่งต่อให้วิทยากรท่านอื่นต่อไป
รายละเอียดคงไม่เจาะลึกนะคะ เพราะเห็นอาจารย์ท่านอื่นๆ ได้แลกเปลี่ยนไว้เยอะมากเลยค่ะ ขอคำชี้แนะสำหรับมือใหม่หัดขับด้วยนะคะ...ขอบคุณค่ะ
ยินดีครับ...ปรบมือให้
ไม่มีสิ่งใดยากเท่ากับการเริ่มต้น หรอกนะ
เริ่มซะทีก็ดีเหมือนกัน ถ้าไม่มีครั้งแรกก็คงไม่มีครั้งต่อไป