ทำไมจึงไม่เหนื่อย...
ที่ไม่เหนื่อย เพราะเรารู้จักที่จะนำ "พลังภายในตัวเรา"...มาใช้...
ยิ่งนำมาใช้มากเท่าไร..ก็ยิ่งเพิ่มพูนและลึก..ลึก..ลึก..และละเอียด..ละเอียดขึ้น
ตอนนี้อาจจะยังเล่าและพิจารณาได้ไม่ครอบคลุม...เพราะยังถือว่ายังเรียนเรื่องนี้อยู่...ยังศึกษาเรื่องนี้อยู่...
เรา...ส่วนใหญ่...ดำเนินชีวิตอยู่ในระดับ.."จิตสำนึก"...แต่มักลืมเรื่อง จิตที่อยู่ลึกลงไป...หรือ ที่เรามักเรียกว่า "จิตใต้สำนึก..."..และมักให้จิตใต้สำนึกนี้ลุกขึ้นมาควบคุมเรา แทนที่เราจะควบคุมเขา...
...............................................................................................................................................
"จิตใต้สำนึก"...เป็นที่เกิดของการหยั่งเห็น ที่เป็นตัวความคิดที่มีเหตุผล เราจะเข้าถึงการหยั่งเห็นนี้ไม่ได้ หากกิจกรรมทางจิตเรายังอยู่แค่ระดับ "จิตสำนึก"...ซึ่งเรื่องต่างๆ เหล่านี้เคยมีการทำมาก่อนแล้วโดยเกิดจากสหชญาณหรือการหยั่งเห็นที่ไม่ต้องพิสูจน์ และไม่ต้องใช้หลักตรรกะ คือ การหยั่งเห็นที่เติบโตขึ้นในจิตสำนึก ที่มาจากจิตใต้สำนึกอีกทีหนึ่ง...
เรื่องนี้ส่วนใหญ่...เราจะจะรู้เรื่องนี้จาก ซิกมันด์ ฟรอยด์...
แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้ในยุคโบราณ "ปราชญ์ชาวพุทธ" หลายท่านในอินเดีย...ก็ได้ศึกษาจิตมนุษย์ถึงระดับที่ลึกลงไปกว่าจิตสำนึก...
.................................................................................................
โห...วันนี้ตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องนี้แบบเบาๆ...แต่ดูท่าจะไม่เบา...
แต่เรื่องนี้..ดิฉันกำลังเรียนรู้...ศึกษา และทดลอง..ปฏิบัติกับตนเอง...
....................
สิ่งที่เรียนรู้...ณ วันนี้
ได้มาถึง...เรื่องที่ว่า...ทำกิจหลายอย่างแต่ไม่รู้สึกเหนื่อย..และยังสดชื่น อยู่ สนุกและมีความสุขกับชีวิต
ทุกวันนี้นอน...วันละสามชั่วโมง...ทานข้าววันละมื้อ
วิ่งวันละไม่น้อยกว่า...สองกิโลเมตร ขึ้นอยู่กับเวลาที่มีอยู่...
ทำงาน...ทำงาน และทำงาน...
ทุกข์ก็มี...
สุขก็มี...
พยายามมองให้เห็น...ทั้งทุกข์และสุข
และมองให้เห็นความเป็นจริงของชีวิต...
ที่ว่า
...
อ้อ..ความจริงมันเป็นเช่นนี้นี่เอง...
.................................................
เรื่องเหล่านี้...ได้ทดลองมากับตนเอง ... ที่เริ่มต้นอย่างจริงๆ จัง..และศึกษาดู
เพราะพิจารณาแล้วว่า..หากเราไม่ลองดู...ชีวิตเรา "เดี้ยง"...แน่นอน เพราะแต่ละวันเวลา...
มีเรื่องเข้ามากระทบเรามากมาย...หากเราไม่มีภูมิคุ้มกันตนเอง...ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจแล้ว...
เราอาจจะเดี้ยง และเพลี่ยงพร้ำ ต่อสิ่งที่มากระทบได้...
หรือ...กับคำถามที่ถามตนเองว่า...
เรามีพลังมากมาย...ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถนำพลังงานเหล่านั้นที่มีอยู่ในตัวเรามาใช้ได้อย่างเต็มที่..เต็มศักยภาพ..โดยที่ไม่ต้องมีเรื่องของความเครียด ความกังวล ความโกรธ ความโมโห ความกดดัน ความเหนื่อย ความท้อ...หรืออีกหลากหลายจิปาถะแห่งความเดือดร้อนทางความคิดและอารมณ์พ่วงแถมท้ายมาด้วย
เหมือนอย่างที่ว่าแหละคะ เรามักดำเนินชีวิตเพียงอยู่ในระดับจิตสำนัก ระดับผิวแห่งจิตสำนึก..
ดิฉันได้อ่านเจอใน "บทสนทนา ชีวิตที่เลือกได้ : อาร์โนลด์ ทอยน์บี และ ไดซากุ อิเคดะ" ...ฉบับแปลโดย อ.สดใส ขันติวรพงศ์...
ซึ่งทอยน์บี กล่าวไว้ว่า..."แม้แค่ระดับจิตสำนึก ซึ่งเป็นเรื่องที่พอจะทำความเข้าใจได้ ก็ไม่อาจเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ เว้นแต่เราจะมองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นหนึ่งเดียวทั้งหมดของจิต ที่จิตใต้สำนึกในเบื้องลึกควบคุมจิตสำนึก แต่เรามักไม่สังเกตหรือไม่สนใจจิตใต้สำนึกนี้กัน คุณค่าของการนำเอาจิตใต้สำนึกที่อยู่ลึกๆ ออกมา หรืออย่างน้อยนำเอาระดับบนๆ ของมันออกมาสู่ระดับจิตสำนึกนี้จะทำให้เรารู้จักมัน ควบคุมมันได้ แทนที่จะปล่อยให้เราตกเป็นทาสมันโดยไม่รู้ตัว..."
...
เท่าที่ศึกษา..ระดับลึกสุดของจิตนี้..พระเทียนไท้(ชิ-อิ) ภิกษุจีนในคริสตศตวรรษที่ 6 ได้พัฒนาแนวคิดของวาสุพันธุ และพบวิญญาณที่เก้า หรือ "อมลวิญญาณ" ซึ่งเป็นสุดยอดวิญญาณที่อยู่ลึกที่สุดเป็นวิญญาณที่อยู่บนพื้นฐานแห่งความบริสุทธิ์ และเป็นบ่อเกิดแห่งวิญญาณทั้งหลาย...
.............
ทำอย่างไร..วิธีการคืออะไร..
ดิฉันเองก็ไม่แน่ใจว่า..มีสูตรสำเร็จว่าอย่างไร..รับรู้แต่เพียงว่าแต่ละบุคคล อาจมีวิถีที่แตกต่าง..ปรับดัดแต่งไปตามจริตที่ตนเองเป็น...
แต่..ที่แน่ๆ ที่สำคัญ...นั้น คือ เน้น การฝึกกาย-จิต...เป็นหนึ่งเดียว..ไม่เป็นสอง
หลอมเป็นหนึ่งเดียว..
นั่งสมาธิ ฝึกสติ..เราได้จิต
ออกกำลังกาย..กินอาหารดีมีประโยชน์...เราได้กาย...
แล้ว..เราจะทำอย่างไรดีเล่า..ถึงจะได้ทั้งกายและจิต...
..นั่น..ก็ต้อง.."ฝึกสติจากกาย..เพื่อจิต...และฝึกจิตเพื่อกายด้วย"...
ตอนนี้ดิฉันเลือก...วิธี...จากการวิ่งตามระลึกรู้..."กายาคตาสติ"...
และนี่อาจจะยังไม่ใช่ที่สุดหรือเป็นคำตอบ..
แต่ ณ ตอนนี้กำลังเรียนรู้..และเรียนรู้...
อย่างต่อเนื่อง...
พยายามสะกดจิตใต้สำนึกของตัวเองอยู่จ๊ะ ให้ขยันๆหน่อย ช่วงนี้ไม่ค่อยขยันเลย สมาธิสั้น นี่ก็แว๊ปมาอ่าน G2K อีกแล้ว
สงสัยต้องนั่งสมาธิเพิ่ม
^____^
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะจ๊ะกะปุ๋ม
นั่นสิคะ...อาจารย์หมอ JJ...
....
เรามักคิดว่า..เราเก่ง...เราเยี่ยม..งานเรายุ่ง..
ชีวิตเราจึงยุ่งเหยิง...และยุ่งเหยิง...
ทั้งเครียด..ทั้งโกรธ..ทั้งโมโห...ทั้งหงุดหงิด...
ทำงานไปโกรธไป...ใครเข้ามาใกล้หน่อย..ก็ตะวาดแว๊ด...
...
สำคัญตนว่าตนเป็นคนสำคัญ...
สุดท้าย..สำคัญมาก...เลยเดี้ยงเลยคะ..
(^_____^)
ขอบคุณมากคะ..ที่มาต่อเติมให้คะ
กะปุ๋ม
(^___^)
แนนจ๊ะ...
สะกดมาก...ก็ไม่ดีนะ...หากสะกดไว้ไม่ดี
เขาโผล่ขึ้นมา...ก็จะยิ่งยุ่งกันใหญ่...
และที่สำคัญ.."ระดับลึกที่สุดของจิตใต้สำนึกในจิตมนุษย์นี้ คือ อย่างเดียวกับความเป็นจริงสูงสุดที่อยู่เบื้องหลังจักรวาลทั้งปวง..."
ตอนนี้เท่าที่กะปุ๋มทราบมีทั้งหมด..."เก้าระดับ"...
...........
ระดับจิตวิญญาณทั้งหกที่ยอมรับกันมาตั้งแต่ดั้งเดิม..อันได้แก่ ความรู้สึกสัมผัสทั้งห้า...(รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส)...กับสติวิญญาณ ซึ่งเป็นการกระทำของจิตใจ คอยควบคุมประสาทสัมผัสทั้งห้าให้ทำงานประสานกัน และก็มีเพิ่มขึ้นมาอีก คือ
วิญญาณที่เจ็ด...เรียกว่า "มนัสวิญญาณ" กับวิญญาณที่แปดเรียกว่า.."อาลยวิญญาณ" กล่าวคือ มนัสวิญญาณที่รู้จักเหตุผลไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง หรือเรียกว่า..."วิญญาณแห่งการตรึกตรอง" ซึ่งคำพูดของเดส์การ์ทที่ว่า "ฉันคิด ฉันจึงเป็น"...ก็รวมอยู่ในวิญญาณนี้ด้วย...
วิญญาณที่แปด "อาลยวิญญาณ" นี้เขามองลึกลงไปในธรรมชาติมนุษย์จนถึงจิตใต้สำนึก ซึ่งเป็นพื้นฐานการกระทำของจิตใจทั้งเจ็ดวิญญาณ
วิญญาณที่เก้า หรือ "อมลวิญญาณ" ซึ่งเป็นสุดยอดของวิญญาณที่อยู่ลึกที่สุดเป็นวิญญาณที่อยู่บนพื้นฐานแห่งความบริสุทธิ์และเป็นบ่อเกิดของวิญญาณทั้งหลาย...
(^_____^)
โห...ร่ายมาเสียยาวเลย...
อิอิ...
กะปุ๋ม
สวัสดีคะ...อ.จอห์น..
ห่างหายไปนานนะคะ...
ดีแล้วคะ...แต่อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ นะคะ..
คิด..ฝึก และทำ..อย่างผู้มีปัญญา...
...
มองตัวเอง..เปรียบเทียบกับตัวเอง...
วินาทีนี้ดีกว่าเมื่อวินาทีก่อนหน้านี้หรือเปล่า...
(^____^)
กะปุ๋ม
เฮ้อ...
ถอนหายใจ...
ผมว่าถ้าเราก้าวข้ามเส้นกิเลศเราจะไม่เหนื่อย แต่อาจหมดแรงได้ หรือแรงลดลง
เหมือนที่ผมเคยสนทนาธรรมกับพระที่ไม่ฉันอาหารเป็นเวลา ๒ สัปดาห์ ท่านก็บอกว่าไม่เหนื่อย เพียงแต่แรงลดลง
ผมลองทำได้นานประมาณสักสัปดาห์ก็พบคล้ายกันครับ แต่ผมทำงานทุกวัน ก็เลยเป็นข้ออ้างที่ทานอาหารเบาๆ เช่นผลไม้สดต่างๆ บ้าง
อยู่ได้ ไม่เหนื่อย แต่น้ำหนักลดลงรวดเร็วมาก (๕ กก ภายในหนี่งสัปดาห์)
แต่ลดแล้วก็ยังเหลือไขมันหน้าท้องใต้ผิวหนังอยู่ (จับดูทุกวัน) ก็เลยไม่กังวลอะไร เพราะรู้ว่ายังไง อาหารสำรองก็ยังไม่หมด
ทำให้ไม่เหนื่อย ไม่กังวล ไม่หิว แต่แรงจะไม่ค่อยมี แต่สมองยังทำงานได้ปกติครับ (เท่าที่รู้สึก)
เรื่องแรงลดน้อยลง อันนี้ไม่ทราบจะแก้อย่างไร
ขอคุณกระปุ๋มช่วยชี้แนะด้วยครับ
คุณ BallRx
(^______^)
ถอนหายใจอะไรเหรอคะ...
อาการถอนหายใจนั้น..บ่งบอกเรื่องราวของพลังชีวิตเรานะคะ...
Y___*
กะปุ๋ม
เรียน ดร.แสวงคะ...
ที่แรงหมดน่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ "พลังชีวิต" ด้วยหรือไม่คะ...
อย่างเช่น...
กะปุ๋มเหลือทานมื้อเดียว...ไม่ได้อดเสียทีเดียว
ที่เราหมดแรงเพราะเราไม่ได้กระตุ้นร่างกาย..และไม่ได้ปรับร่างกาย...เราเคยชินกับการทานสามมื้อ...ร่างกายเราก็ยังคงมีสัญญา..กับการทานอาหารสามมื้อนี้อยู่...หรือการทานเนื้อสัตว์สัญญา..เราก็อยู่ที่เนื้อสัตว์นี้..หากเราฉีกสัญญานี้ทิ้งไป...รางกายเราก็จะสามารถปรับตัวได้ใหม่...เกิดสัญญาใหม่...
...
ทำไมทานมื้อเดียว...แรงถึงไม่หมด...หรือหมดแรง..
เพราะ...กะปุ๋มเลือกทานข้าวกล้อง...ซึ่งข้าวกล้องนี้มีพลังชีวิตประมาณ 100 แต้ม (จำได้ไม่แน่ชัดนะคะ)...ผักสด ผลไม้สด...ยิ่งมีพลังชีวิตมากประมาณ 1000 แต้มนี่แหละคะ..."เรื่องพลังชีวิตนะคะไม่ใช่สารอาหาร คนละเรื่องนะคะ)...
ส่วนเนื้อสัตว์..ทำไมยิ่งทานเรายิ่งเกิดโทษ...เพราะเนื้อสัตว์มีค่าพลังชีวิตที่ลดลง เพราะขณะที่ถูกฆ่า เขามีความโกรธ ความกลัว...ดังนั้น พลังชีวิตในเนื้อสัตว์จึงลดลง...
ซึ่งพลังชีวิต ในนัยที่กะปุ๋มพูดถึงนี้...น่าจะคล้ายๆ กับ "ลมปราณ"...ที่ทำให้เราขับเคลื่อนไปได้...ในกิจวัตรในแต่ละวัน...
.........................
และในทุกๆ วันจะวิ่งออกกำลังกาย...แบบกายาคตาสติ...ตามระลึกรู้การเคลื่อนไหวร่างกาย...ยิ่งวันไหนมีงานมากๆ...ก็ยิ่งต้องวิ่ง..ก็ยิ่งทำให้เราสดชื่นขึ้น..และมีพลังมากขึ้น...
จะว่าไปแล้วก็เหมือนคนบ้าพลังนะคะ...แต่ก็ทำให้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงชีวิต...และสิ่งที่พัฒนาขึ้นในชีวิตคะ...
ขอบคุณมากนะคะที่มา ลปรร.
(^___^)
กะปุ๋ม
เข้าใจแล้วครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณนะคะ..อาจารย์..
ที่แวะมาสอน...
(^____^)
กะปุ๋ม
ตามไม่ทันค่ะ
แต่ยังดีใจที่ได้เริ่ม
นะคะ
พี่เล็กว่า...ที่ไม่เหนื่อย...เพราะเรามีความสุขกับการทำค่ะ พลังเราจึงมีเหลือเฟือด้วย จนสามารถเผื่อแผ่ทั้งพลัง+งาน+ความสุขให้กับคนอื่นนะ...จริงมั๊ยจ๊ะ ?
พี่อึ่งอ๊อบคะ...
การมีลมหายใจแห่งชีวิต...เพื่อการเรียนรู้คะ..
เรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่...อย่างรู้ทั้งทุกข์และสุขคะ...
ไม่มีใครที่จะปฏิเสธทุกข์ได้..
และก็ไม่มีใคร..ที่จะมีสุขเพียงอย่างเดียว...
เพียงแต่เรา..เพียรฝึกฝน..เพื่อพิจารณาสิ่งเล่านี้..ให้เห็นถึงความจริงแท้คะ...หาใช่ความจริงเทียมคะ...
(^____^)
เป็นกำลังใจให้นะคะ
กะปุ๋ม
พี่เล็กจ๋า...
พูดอีกก็ถูกอีกคะ...
ความสุข..ก่อให้เกิดพลังที่ดี..เสมอคะ..
(^____^)
กะปุ๋ม
คุณไมโตคะ...
ดีใจคะ...ที่รับรู้ว่าคุณไมโตมีความสุขคะ...
แบ่งปัน...อย่างสมดุลและพอดีคะ...
(^______^)
กะปุ๋ม
ป้าด ไปถึงขั้นนั้นแล้วหรอ
แบ่งเวลามาชวยกัลยาทำ Proposal บ้างนะ
และยังไม่ได้กินเลยนะ น้ำผลไม้ปั่นนะ
555...
เหตุเกิดเมื่อเช้าวันนั้น...เปิดประตูออกไป..พบว่าคุณกัลยาไปเสียแล้ว...กะจะไปเรียกมาชิมน้ำผลไม้ปั่น...
แต่ไม่เป็นไร...สัปดาห์นี้แวะไปใหม่นะคะ...
จะทำให้ชิม..หรือจะไปทำเองก็ได้นะคะ...
...
แหม..เพิ่งทราบนะเนี๊ยว่า..คุณกัลยาส่งของไปถึงคุณเอกแล้ว...ไม่บอกเล่าเก้าสิบเลยนะคะ..ไม่งั้นจะส่งไปในกล่องเดียวกัน...
เดี๋ยวเจอกันนะคะ...
(^_____^)
กะปุ๋ม
อ.หมอปารมีคะ...
(^_______^)
ดีใจที่ได้แบ่งปันคะ...
ขอบคุณคะ
กะปุ๋ม
กัลยาส่งของไปหาคุณเอก นานแล้ว แต่ส่งแบบธรรมดา มันก็เลยช้า
จริงๆ อยากจะเอาไปให้ด้วยตนเอง เนื่องจากอยากไปเที่ยวที่ปาย แต่เนื่องด้วยความจำกัดของเวลา... จึงทำได้เพียงส่งของไปให้คุณเอก
ไม่เป็นไรหรอกเนาะ โอกาสดีดี เราจะไปเที่ยวที่ปายกันเนาะ
คุณกาเหว่า...
ขอบคุณสำหรับการเตรียมงานปาร์ตี้เมื่อคืนนะคะ...
ขอบอกว่า fuji s9600 'dern ไม่แพ้ fuji 9500 ของดิฉันนะคะ..
...
ไว้ว่างๆ...เราไปเที่ยวกันนะ...
ปีใหม่นี้กำลังกำหนดทริปกับพี่ทานอยู่คะว่า...เราจะไปตั้ง camp กัน..ไปด้วยกันไหมคะ...หลายๆ คนสนุกดีคะ
(^_________^)
กะปุ๋ม