กิจกรรมในช่วงนี้ก็จะเป็นเรื่องของตารางอิสรภาพละค่ะ ซึ่งใช้ระดับของตารางพื้นฐานมาจากเรื่องเล่าของแต่ละกลุ่มที่สรุปกันมา อ.หมอนันทา ก็จะ split จากคนในแต่ละกลุ่ม ออกมา 2 คน ที่จะมาทำในเรื่อง ปัจจัยความสำเร็จของการทำงานส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งเป็นหัวปลาในการประชุมครั้งนี้ ... เพื่อมาทำตารางอิสรภาพ ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบละค่ะ
ซึ่งได้ตารางอิสรภาพมาแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง 1 ข้อ (ตัวอย่างนี้ ยังไม่ใช่การนำไปใช้จริงนะคะ เพราะว่า เป็นการทำในกลุ่มเรียนรู้ ถ้าจะนำไปใช้จริงได้ ควรไปจัดกลุ่มเพื่อพิจารณาในกลุ่มที่จะทำจริง แล้วจึงนำไปใช้ในบริบทของกลุ่มนั้นๆ ละค่ะ)
ตัวอย่างตารางอิสรภาพ จากกลุ่ม ที่คุยกันเรื่อง ความสำเร็จในการทำงานส่งเสริมสุขภาพ ที่เราได้ก็คือ
ภาพรวม องค์ประกอบ / ปัจจัยความสำเร็จ ในประเด็นหัวปลา ::: ความสำเร็จในการส่งเสริมสุขภาพ มี 5 ปัจจัย คือ
- บุคลากร ประกอบด้วย 6H ได้แก่
... ความมุ่งมั่นตั้งใจจริง
... การเสริมสร้างแรงจูงใจ
... Service Mind
... การทำงานเชิงรุก
... การทำงานเป็นทีม
... ความรู้ความสามารถของบุคลากร- การสนับสนุนจากภาคีเครือข่าย
- ผู้นำที่ดี
- ระบบการตลาดที่ดี
- การประชาสัมพันธ์
กลุ่มที่ทำนั้น เขาได้เอาเนื้อหาเรื่องราว มาจากประเด็นที่แต่ละกลุ่มมารวมกัน ก็คิดร่วมกัน สรุปได้ในเรื่องของ "การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย" และนำมาคิดระดับ (level) ได้ ระดับ 1 ถึง 5 คือ
- มีข้อมูลพื้นฐาน และมีช่องทางการติดต่อกับภาคีเครือข่าย
- โครงการ / กิจกรรม และการเข้าร่วมประชุมกับภาคีเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง
- ภาคีเครือข่ายยอมรับความสามารถของบุคลากรกรมอนามัย และมีภาคีเครือข่ายเพิ่มขึ้น
- ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมและมีการพัฒนาการส่งเสริมสุขภาพ
- ภาคีเครือข่ายมีความเข้มแข็งด้านการส่งเสริมสุขภาพ และความยั่งยืน
มีเรื่องเล่า รายละเอียดระหว่างการจัดทำตารางอิสรภาพ และข้อแนะนำจากคุณหมอนันทา และคุณศรีวิภา และก็จะมี CKO นครสวรรค์ค่ะ คุณหมอก้องร่วมแจมด้วยในบางจังหวะ ในระหว่างการนำเสนอในช่วงนี้ มีเทคนิคคลุกๆ อยู่บ้างละค่ะ ลองอ่านดูนะคะ
- การทำตารางอิสรภาพ ... เราเริ่มต้นจากเรื่องเล่าเป็นฐาน ซึ่งจะเป็นเรื่องเล่าที่มีความสำเร็จ แต่อาจจะยังไม่ถึงในระดับที่ 5
- มองว่า ในเรื่องนี้ควรอยู่ในระดับไหน ไปเขียนอันนั้นก่อน
- และมาดูว่า ความสำเร็จนั้นๆ คืออะไร ก็ไม่ใช่ว่า มีเครือข่ายที่ประสบความสำเร็จ 1 ภาคี แล้วถือว่าเป็นระดับ 5 แต่ส่วนใหญ่จะเป็นในระดับนี้ เช่น เราคิดว่า รร. เข้มแข็ง พึ่งตนเองได้ นั่นคือความสำเร็จสูงสุดของเขา ในการเป็นภาคีเครือข่าย แต่อาจจะเป็น 1 รร. และการเป็น 1 รร. นั้น ภาพรวมเราก็ทำได้แค่ 3 ก็ได้ และ รร. ส่วนใหญ่จะเป็นอีกแบบหนึ่ง มีส่วนที่เหมือนกับฝันว่า อะไรจะยั่งยืน เพื่อที่เราจะก้าวไปข้างหน้า
- ตารางอิสรภาพ สูงสุดจะไม่ใช่ ณ ปัจจุบัน ไม่ควรเป็นสิ่งที่ได้ ณ ปัจจุบัน เพราะเท่ากับว่า เราอยู่กับที่ เราจะต้องฝันต่อ
- เพราะฉะนั้น สิ่งที่เห็น ทำได้ คิดว่าควรอยู่ในระดับ 2-3 ไม่ใช่ 4-5 แต่การฝันอย่างเฉลี่ยอยู่ 2-3 อาจมีบางคน บางหน่วยงาน เขาทำได้เป็น 4 หรือ 5 แต่ว่าส่วนใหญ่จะอยู่แค่ 2-3 เพื่อที่เราจะได้ไปสู่การพัฒนางาน ไป ลปรร. กัน
- เพราะฉะนั้น ตารางอิสรภาพนี้ ณ วันนี้ อยู่ที่ 1 เป็นอย่างนี้ พอต่อไปเราทำได้เยอะขึ้น 1 กับ 2 อาจมาอยู่รวมกัน กลายเป็น 1 และก็มีกระเถิบขึ้นไป อีก 2-3 ปี ข้างหน้า ความสำเร็จก็จะกระเถิบขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะว่ามีอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา ก็จะต่อยอดได้อยู่เรื่อยๆ
- ในการดูรายละเอียดแต่ละระดับนั้นนั้น ควรเขียนให้ละเอียดที่สุด เช่น ภาคีเครือข่ายเข้มแข็ง จะเข้มแข็งในเรื่องอะไร เช่น คิดเป็น ทำเป็น มีทรัพยากรสนับสนุน (เป็นความจริงจากการคุยในกลุ่ม)
- ตารางนี้จะใช้ร่วมกันในกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอาจมีความแตกต่างกับความเข้มแข็ง ของคนอีกกลุ่มหนึ่งก็ได้ แต่คำนิยามของเราต้องอิง คำนิยามกลางๆ ไว้บ้าง ไม่ใช่ว่าเข้มแข็งนั้นต้องมาร่วมกิจกรรมอย่างเดียว หรือเกณฑ์คนมาร่วมเยอะแยะ เราก็เอาประเด็นที่สังคมยอมรับมาเป็นข้อคิดเห็นด้วย
- ข้อตกลงนี้มีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ไม่ควรเปลี่ยนบ่อย ควรมีการเอาไปใช้ใน 1-2 ปี แล้วแต่ข้อตกลง ถ้ามีข้อมูลที่สมควรเปลี่ยน หรือใช้แล้วเกิดมีปัญหาว่า ระดับ 3 สูงกว่าระดับ 2 หรือเปล่า ก็อาจคุยกันใหม่ ปรับใช้ได้ ไม่มีกฎว่ากี่ปีเปลี่ยน แต่ขึ้นกับความพึงพอใจของคนที่ใช้ ต้องการเปลี่ยนไหม
- แต่ขอแนะนำว่า ไม่ต้องรอให้มัน perfect คือ ส่วนใหญ่เห็นด้วย ก็ใช้ไปเลย ถ้าคิดว่า OK มันพอใช้ได้ ก็เริ่มใช้ เพราะว่า เราก็จะเริ่มเรียนรู้ และมา share เรื่องเล่า มีความคิดเห็นร่วมกัน ก็อาจปรับในกลุ่มได้
- ภาษาไทย อ.วิจารณ์ ใช้ชื่อว่า ตารางอิสรภาพ คือ ความมีอิสระ ในการสร้าง ในการใช้ และในการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ที่จะมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ภาษาอังกฤษ ก็เรียกว่า Self assessment table เป็นการใช้ประเมินตนเองได้ภายในตัว
- การคิดแต่ละระดับก็ต้องดูความเชื่อมโยงด้วย เพราะว่าทุกครั้ง ถ้าระดับ 1 2 และ 3 ไม่เชื่อมโยง บางครั้งเราได้ในระดับ 3 แต่ 1 กับ 2 ไม่ได้ ก็จะมีปัญหา ... บางตารางก็จะบอกเลยว่า เมื่อทำระดับ 3 ก็ต้องทำในระดับ 1 กับ 2 ได้ ไม่ใช่ว่าหายไปเลย แสดงว่า เมื่อทำถึงระดับหนึ่ง ก็ต้องมีพื้นฐานมาก่อนจากระดับแรกๆ
- ไม่ต้องกลัวว่า ถูกหรือผิด เพราะว่าทำไปแล้ว นำไปใช้ ก็จะรู้ว่า ที่ดียิ่งกว่านี้คืออะไร และก็เป็นความเห็นร่วมกัน ซึ่งถ้าในกลุ่มทุกคนตกลงว่าเป็นอย่างนี้ ก็จะเป็นอย่างนี้ เพราะว่าเวลาเราไปลองทำ เราก็ได้เรียนรู้ เมื่อทำแล้ว เราก็จะได้เรียนรู้เทคนิคมากยิ่งขึ้น
- ตารางอิสรภาพ ... มีความอิสระ แต่ไม่ล่องลอย อิสระ คือ มีอิสรภาพในการปรับ ไม่ล่องลอย คือ มีที่มาที่ไป บางทีเกณฑ์บางเกณฑ์ถูกทำขึ้นมา โดยไม่มีส่วนร่วม แต่อันนี้เราทำร่วมกัน ใช้ไปสักระยะหนึ่ง บางทีหน่วยงานนั้น อาจทำได้ถึงระดับ 5 แล้ว แสดงว่า เกณฑ์เริ่มอ่อน ก็สมควรปรับ
- เกณฑ์ตัวนี้จะมีประโยชน์ในการพัฒนา และพอคนทำได้ถึงระดับหนึ่งแล้ว เกณฑ์ก็ต้องปรับให้แข็งขึ้น จาก 3 อาจเปลี่ยนมาอยู่ระดับที่ 1 แล้ว 4 กับ 5 ยากขึ้น เช่น ถ้าเรามีตารางอิสรภาพในเรื่องของเมืองน่าอยู่ เป็นข้อตกลงร่วมกันของกรมอนามัย และเราพยายามพัฒนา ทุกศูนย์ฯ ไปให้ได้เป้าฯ และตอนนี้บางหน่วยงานทำได้ 2 บางหน่วยงานทำได้ 5 แล้ว เราก็จับมา share and learn กัน และเราก็จะยกระดับด้วยกัน เพราะฉะนั้น บางทีคนที่ไป 5 แล้วนั้น ตารางนี้ก็จะปรับได้ ไม่เช่นนั้นคนที่ไป 5 แล้ว ก็จะหยุดการพัฒนา ก็ถือว่า อิสระ อ.วิจารณ์ก็จะบอกว่า มีความอิสระ แต่ไม่ล่องลอย
- เหมือนเกณฑ์จัดการความรู้ของกรมอนามัย ปีที่แล้วมี 7 องค์ประกอบ พอมาปีนี้ เราปรับเหลือ 4 องค์ประกอบ เพราะระดับมีความยากขึ้น เพราะว่าปีที่แล้ว มีศูนย์อนามัยที่ 6 ไปถึง 5 แล้ว พอมีคนถึง 5 ปุ๊บ เราต้องขยับเลย และมาทำเกณฑ์เหล่านี้ร่วมกัน แต่เกณฑ์นี้ไม่ได้ทำครั้งเดียว ยิ่งถ้าเป็นเกณฑ์ของกรมอนามัย พวกเราก็ต้องมาช่วยกันทำเกณฑ์เช่นนี้เยอะๆ มันก็จะเป็นเกณฑ์ที่เกิดจากพวกเราเอง ตั้งระดับ 5 ที่ท้าทาย เพื่อที่จะมุ่งไปสู่การพัฒนา นี่คือ วิธีคิด
- เพราะฉะนั้น เกณฑ์นี้สร้างขึ้นเพื่อท้าทาย ไม่ใช้เพื่อท้อถอย เพราะฉะนั้น เราก็จะไม่ฝันไปจนเกิดเหตุ มันก็จะไม่เกิดไปไม่ถึง แต่เราจะค่อยๆ ไป แต่ไม่ใช่ก้าวสั้นจนเกิดไป สร้างความท้าทายให้กับพวกเราด้วย แต่ไม่เลิศเลอจนเหมือนกับว่า ไปไม่ถึง ยังไงก็อยู่แค่ 3 เป็นต้น มันจะทำให้ไม่เกิดพลังในการขับเคลื่อน
- เวลาที่ทำจากเรื่องเล่า สิ่งที่เล่าไม่ได้หายไปไหน ขณะเดียวกัน เมื่อไป 4 กับ 5 เนื้อหาจากเรื่องเล่าไม่พอ เราก็ต้องเอาองค์ความรู้ในการพัฒนาเข้ามาช่วยด้วย เพราะในเวลาอันจำกัด เวลาเรามา share and learn เรื่องเล่าจะได้แค่เรื่องสั้นๆ เพราะฉะนั้น เวลาที่คนพูดถึงความสำเร็จ เรื่อง การทำงานส่งเสริมสุขภาพ เวลาสกัดอาจจะได้แค่ระดับ 1 กับ 2 เท่านั้น เพราะว่าคนเล่าก็มีประสบการณ์เท่านี้ ในส่วน 4 กับ 5 อาจจะต้องดึงผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยในการทำเกณฑ์ จัดระดับด้วย
- สิ่งที่เราทำควรจะอยู่ในระดับ 2-3 โดยเฉลี่ยที่ทำในระดับคนทำได้ของเรา แต่อาจมีบางหน่วยทำได้ถึง 5 หรืออาจไม่มีเลยก็ได้ แต่ด้วยประสบการณ์ ความรู้ หรือภายนอก คนอื่นๆ เขาทำได้มากกว่านี้ หรือเป็นสิ่งที่เราฝัน หรือรู้จากทฤษฎี หรือของจริง หรือบางเรื่องที่เราทำได้น้อยๆ เราก็มาตั้ง แล้วถ้าเราคิดว่า เราไม่รู้ ก็อาจเชิญผู้รู้มาพูดถึงเรื่อง การสร้างการมีส่วนร่วม หรือสอนทฤษฎี ประสบการณ์ต่างๆ ก็จะพาให้คิดไปถึงตรงนั้น
- นั่นก็คือ ถ้าเราทำได้ในกลุ่ม และมีประสบการณ์บางส่วนก็ทำไป แต่ว่าข้อสำคัญ หน่วยงานส่วนใหญ่ต้องไม่ได้ 5 ณ ปัจจุบัน
หลังจากที่เราได้ปัจจัยความสำเร็จของการทำงานส่งเสริมสุขภาพ ในครั้งนี้แล้ว เราก็ได้ทดสอบการประเมิน จากปัจจัยที่สร้างขึ้นนี้กัน โดยให้กลุ่มได้มองเห็นในภาพรวมของหน่วยงาน หรือกลุ่มงาน ... เป็นการทดลองการการประเมินตัวเองละค่ะ ว่าอยู่ในระดับไหน และในอนาคตจะไปสู่ระดับไหน
สวัสดีค่ะคุณหมอนนท์....เพื่อนร่วมทาง
ขอบคุณค่ะ