วันที่ 16 สค.50 มีนัดคุยกันของกรรมการ KM ที่ ม.อ. ก่อนประชุมเล็กน้อย...ดิฉั้นบอกกล่าวเรื่องที่อยากได้จากการประชุมกับท่านประธาน(CKO) วันนี้ขอเข้มๆเรื่องShare.psu.ac.th (วงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในระบบ intranet) ที่พร้อมจะเปิดตัว...
มีประเด็นที่ติดใจจะนำมาเล่าในที่นี้คือเรื่องการส่งเสริมสนับสนุนให้คนในองค์กรใช้ blog วัตถุประสงค์หลายอย่างของการใช้ ตั้งแต่เพื่อการพัฒนาตนเอง ฝึกฝนการถ่ายทอดประสบการณ์การทำงาน เล่าเรื่องราวงานประจำ..เล่าสู่กันฟังในองค์กร..เพื่อการสื่อสารในองค์กร...
ความเห็นของกรรมการหลากหลาย ที่โน๊ตไว้...ยังไม่ใช่ทั้งหมดเก็บมาให้อ่านให้ขบคิดในมุมมองต่าง...กันไป
อาจเป็นการลงทุนที่ดูขัดกับวัฒนธรรมองค์กรที่ยังไม่พร้อม...ในเรื่องการเขียนเป็นห่วงว่า..เราจะเขียนอะไรกัน...เกรงว่าบุคลากรจะใช้เวลาในงานมาสนใจการเขียนจนไม่ทำงานทำการ...ผมว่าถ้าลูกน้องผมนั่งเขียน blog ทั้งวัน...ผมให้ออกเพราะไม่ทำอะไรนั่งเขียนนั่งคุยกันทั้งวัน
เกรงว่าสินค้า(บทความ งานเขียน)ในตลาดจะเป็นสินค้าพื้นๆ ทั้งที่เราลงทุนสร้างที่นัดพบราคาแพง...เขียนแล้วมันจะช่วยให้งานดีขึ้นอย่างไรขอคำตอบชัดๆหน่อย
แล้วการพัฒนาที่ว่าพัฒนาทักษะการเขียนเราพยายามอธิบายว่าเป็นการพัฒนาบุคลากรอย่างหนึ่ง...มันจะทำให้ผลผลิตขององค์กร..คือนักศึกษาเรามีคุณภาพเพิ่มขึ้นหรือไม่
เหตุแห่งการส่งเสริมให้เกิดเพราะมองเห็นว่า...มันเป็นการพัฒนาคนที่รากฐานแน่นอนการเขียน...ยากกว่าการพูดหลายเท่ามันเสมือนว่าต้องตกผลึก...ก่อนจึงเขียนได้การที่บุคลากรของเราตกผลึก...จนสามารถเขียนเล่าเรื่องงานมีความมั่นใจในการงานของตนเองนั่นคือการฝึกฝนการทบทวนไปมาในเรื่องงาน..เขาใช้เวลาใช้จิตใจวนเวียนฝักใฝ่ในงานที่ทำ..องค์กรได้แน่นอนสำหรับเรื่องเวลาที่ใช้เราโตพอที่จะจัดสรรเวลาในการเขียน การใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับตน กับองค์กร เราไม่ควรกังวลไปมากไปกว่า เฝ้าดูจัดแรงเสริม จูงใจให้ อาจไม่ใช่รางวัลใหญ่โต...หลีกเลี่ยงการประกวดแข่งขันเกณฑ์รางวัลต่างๆ ให้ไปในแนวทางที่เราอยากให้เป็นเช่นดูแนวการเขียน...ที่เราประสงค์ให้เป็นหากเขียนสม่ำเสมอก็จัดรางวัล จัดการ์ดมอบให้...ประกาศให้รู้ว่าแนวนี้นะที่เราพึงให้เกิดให้มี ดูไปสักพัก...มันได้แน่นอน...
เราควรกำหนดกรอบในการเขียน...ประกาศให้รู้...ว่าประเด็นงานวิจัย...ประเด็นงานสอน...ประเด็นอื่นๆที่เป็นพันธกิจขององค์กร..เพื่อไม่ให้สะเปะสะปะ....คนเขียนก็ได้องค์กรก็ได้..ให้เขียนไปเถอะ อย่าไปกรอบปล่อยให้เขียนไปตามใจ...ขอให้ออกมาเขียนถ่ายทอดแลกเปลี่ยนกัน...ฝึกประมวลตนเองก่อนมันไม่มีเสียหากดูเรื่องการจัดสรรเวลา..ให้ดี
ดิฉั้นฟังอย่างตั้งใจและฟังอย่างลึก...ความเห็นที่หลากหลายอาจทิ่มแทงหัวใจดวงน้อยนี้บ้าง..แต่ทว่าล้วนเป็นประโยชน์ในการทำงาน...ฟังไปก็ทำใจไปหล่ะค่ะ...ทุกวันก็เตือนตนเสมอว่าเราต้องหัดฟังความเห็นที่ต่างให้จงหนักมิใช่ปรารถนา..อี้อ๋อ...แต่คนคอเดียวกัน...งานที่ยากยิ่งกว่าคือ...การทำให้คนที่คิดต่างและเห็นต่างมาชำเลืองดู...มามองเห็น..ไม่ต้องถึงกับเหมือน..แค่คล้ายๆ...ใกล้เคียงก็ควรยินดีแล้ว
เราฟังกันโดยไม่โต้แย้งกัน ด้วยมีกติกาที่กำหนดตั้งแต่ต้นว่าเราจะเคารพความกล้าคิด นับถือการสะท้อนมองเห็นในมุมของตน...
สรุปมีกรอบการทำงานคร่าวๆ 3-4 ประการ และในวันมหิดล (24 กันยายน 2550) จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
มีเวลาทำงานอีก 6 สัปดาห์ ในการคิดรูปแบบการเปิดตัว และทำหน้าตาของ Share.psu.ac.th ให้สวยงาม ถ่ายทอดออกมาเป็นสื่อสัญลักษณ์ที่แทนความหมาย ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ คลังความรู้และ เป็นของเราชาวสงขลานครินทร์
ความคิดที่แตกต่าง ช่วยทำให้มุมมองเรากว้างขึ้นค่ะ...
ขอแสดงความยินดีกับ Share.psu.ac.th ค่ะ
คิดถึงค่ะ
น่าเอาเรื่องนี้มาคุยที่สารคาม จะได้บอกชาวสารคามให้ช่วยกันคิดต่อ เพื่อเลือกทางเดินของแต่ละกลุ่ม ว่าจะเลือกประเด็นหลัก-และรอง-รอง-รอง อะไรบ้าง
ถ้าชุมชนชาวมหาวิทยาลัยเขียนBlog อย่างน้อยก็ประกาศออกมาได้ว่าเขากำลังทำวิชาการเชิงรุก หรือนำวิชาการเข้าสู่โลกวิชาชีพที่สากลมากขึ้น
ขอนำไปตาอยอดที่นี่ นะคะ http://gotoknow.org/planet/dtkku
ขอบคุณค่ะ อ.แป๋ว...เชื่อหรือไม่ตอนนี้อยู่ขอนแก่น ค่ะ การฝึกตนที่ดีอย่างหนึ่งคือ...ฝึกคุยกับคนคนละคอ จะได้รู้จักแยกทุกข์ สุข อึดอัด ขัดใจ...