จากตอนก่อน (คณิตศาสตร์การเงิน: การเก็บออมสำหรับคนวัยทำงาน) เราได้เห็นการพิสูจน์แล้วว่า
เงินออมในระยะยาว เท่ากับ รายรับหลังจากหักค่าใช้จ่าย หารด้วย ความมือเติบโดยความมือเติบ วัดจากว่า ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ได้รายรับประจำนั้น ใช้ส่วนที่เก็บออมไปอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังไปร้อยละเท่าไหร่
คือรายรับเท่ากัน มือเติบต่างกันกี่เท่า ท้ายสุด ก็จะรวยจนต่างกันเท่านั้นเท่าเหมือนกัน
สูตรตรงนี้แหละครับ ที่จะเป็นตัวอธิบายว่า ทำไม การพนันจึงเป็น negative-sum game ในตอนท้าย
ก่อนอื่นมาดูความหมายของคำกันก่อน
เรามักคุ้นหู zero-sum game ว่าเหมือนเกมชักกะเย่อ คือท้ายสุด ถ้ามีใครชนะ อีกฝ่ายต้องเสียเท่า ๆ กัน คือ ไม่เกิดอะไรใหม่งอกเงย ไม่มีอะไรสูญเสีย
ดูเผิน ๆ การพนันน่าจะเป็น zero-sum game เพราะก็น่าจะเข้าข่าย เพราะมีฝ่ายที่ได้ และฝ่ายที่เสีย ฝ่ายเสีย จ่ายให้ฝ่ายได้ ฝ่ายได้ รับจากฝ่ายเสีย ผลรวมคงที่ คือหักกลบกันแล้วเป็นศูนย์
ดูเผิน ๆ ใช่ครับ ขณะที่กำลังพนัน น่าจะเข้าข่าย zero-sum game
แต่เป็น zero-sum ที่มี fluctuation แบบอันตราย คือผิดคาดนิดเดียว ก็ถึงฆาต
และยังมีเรื่องการเสียค่านายหน้าให้เจ้ามืออีก
ก็จะทำให้ประสิทธิภาพเชิงอุณหพลศาสตร์ ไม่เต็มร้อย (ซึ่งจะอนุโลมว่า เป็น negative-sum game ก็คงได้)
แต่จะเกิดอะไรขึ้นตามมา หลังการพนัน นั่นสิครับ ที่จะเห็นชัดกว่ามาก
ลองดูฟาก "ผู้แพ้" ก่อน
ฟากนี้ จึงติดลบแน่ ๆ
มาดูอีกฟากบ้าง ฟาก "ผู้ชนะ" ซึ่งตามปรกติ มักจะหมายถึง เจ้ามือ (แต่ไม่เสมอไป) มาดูว่า เกิดอะไรขึ้นกับฟากนี้
คนที่เข้าวงจรพนัน ถอนตัวยาก เพราะคนกำลังชนะ ก็เพลินกับการรับเงินที่กำลังไหลมาเทมา ก็จะไม่รู้จักคำว่าหยุด ส่วนฝ่ายที่กำลังแพ้ ก็จะฮึดสู้ ขอถอนทุน หากชนะ ก็จะกลับไปอยู่ฟากผู้ชนะคือไม่ยอมหยุด หากแพ้ ก็สู้ถอนทุนไปเรื่อย ๆ
ในคอมพิวเตอร์ เขียนโปรแกรมให้ทำแบบนี้ เราเรียกว่า โปรแกรมแฮงค์ครับ (เช่น ให้มี do loop 2 วง เมื่อหลุดจากวงหนึ่ง กระโดดไปวงสอง เมื่อหลุดจากวงสอง กระโดดกลับไปวงหนึ่ง ไม่รู้จบ ไม่มีทางออก โปรแกรมแบบนี้ รันกันจนตายไปข้างก็ยังไม่หลุด)
มือเติบนี่ เกิดขึ้นง่าย แต่หายไปยาก
มือเติบ เป็นภาวะจิตที่เกิดขึ้นของคนที่ได้แบบ "เงินร้อน"
คือจะรู้สึกว่่า เป็นเงินคนอื่น เป็นเงินฟรี ไม่ใช่เงินของตัวเอง
ผลคือ ถ้าเล่นต่อ อาจย้ายไปฟากผู้แพ้ หรือถ้ายังไม่แพ้ ก็จะมือเติบ
ผลคือ ท้ายสุด ความมือเติบนี้ จะกลืนกินทรัพย์สมบัติและชีวิตในทุกมิติ
ผลคือ การพนัน สามารถทำลายทั้งฟากผู้แพ้และผู้ชนะไปพร้อม ๆ กัน
นี่คือที่มาของการเรียกการพนันว่า เป็น negative-sum game เพราะผลรวมของการได้และการเสีย คือการสูญเสีย
ยกตัวอย่างง่าย ๆ คนที่ถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง มักมีข่าวเชิงสารคดีออกมาบ่อย ๆ ตามไปดูชีวิตคนที่เคยรวยแบบได้ "เงินง่าย" พบว่า ในระยะยาว กลายสภาพเป็นขอทานมากในสัดส่วนที่น่าตกใจ ทั้งที่เคยมีชีวิตธรรมดา ๆ ไม่น่าจะตกต่ำแบบนั้น
รางวัลที่หนึ่ง กลับกลายเป็น "พรนรก" ของคนจำนวนหนึ่งไป
เป็นจริงกับคนส่วนใหญ่ด้วยครับ อย่าเพิ่งหัวเราะไป
ทำไมผมจึงกล่าวหาเช่นนั้น
จากสถิติหนี้ของคนกรุงเทพไงครับ คงเป็นตัวอย่างสะท้อนสู่ความอ่อนแอในตัวเราด้วย
กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2546 ลงข่าวว่า
"ผลวิจัย เอสบิค ระบุชัดคนกรุงใช้เงินเกินตัว
คนกรุงเทพฯ 35.6% เป็นหนี้ คิดเป็นมูลค่าหนี้สิน 426,203 บาทต่อคน"
โดยกลุ่มรายได้ไม่ถึงหมื่นบาท มีหนี้/คน 140,000 บาท
(พูดง่าย ๆ คือ ถ้าเอาเงินเดือนมาใช้หนี้ ต้องใช้เวลาสะสาง 1 ปี)
กลุ่มที่รายได้สูงขึ้นมาหน่อย ระหว่างเดือนละหมื่นถึงสองหมื่น กลุ่มนี้มีหนี้/คน 330,167 บาท
(พูดง่าย ๆ คือ ถ้าเอาเงินเดือนมาใช้หนี้ ต้องใช้เวลาสะสางราวปีครึ่ง ถึงสามปี)
กลุ่มที่รายได้สูงขึ้นไปอีก ระหว่างสองหมื่นถึงสามหมื่นบาท หนี้/คน 710,825 บาท
(พูดง่าย ๆ คือ ถ้าเอาเงินเดือนมาใช้หนี้ ต้องใช้เวลาสะสางราวสองปีถึงสามปีครึ่ง)
กลายเป็นว่า คนยิ่งมีรายได้สูง ยิ่งมองอนาคตสวยหรู ยิ่งกล้ายืมอนาคตมาใช้ล่วงหน้านานขึ้น
ยิ่งมองอนาคตสวยหรู ก็ยิ่งมือเติบ
ยิ่งเคยได้เงินง่าย ยิ่งกล้าใช้จ่ายแบบมือเติบ ใช้ไม่พอก็ไปกู้ยืมมาใช้แก้เหงา
แต่ความมือเติบเมื่อเกิดขึ้นแล้ว มันจะติดตัวอยู่ยาวนาน
สำหรับหลาย ๆ คน หมายถึงนิสัยติดตัวไปตลอดชีวิต
ลองย้อนกลับไปดูสมการข้างบนอีกทีนะครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อมือเติบเพิ่มขึ้นหลายเท่า
สวัสดีค่ะ
มือเติบนี่ เป็นภาวะจิตของคนที่ได้แบบ "เงินร้อน"
คือจะรู้สึกว่่า เป็นเงินคนอื่น เป็นเงินฟรี ไม่ใช่เงินของตัวเอง
ผลคือ ถ้าเล่นต่อ อาจย้ายไปฟากผู้แพ้ หรือถ้ายังไม่แพ้ ก็จะมือเติบ
ผลคือ ท้ายสุด ความมือเติบนี้ จะกลืนกินทรัพย์สมบัติและชีวิตในทุกมิติ
เห็นด้วยอย่างยิ่ง ในชีวิต ไม่เคยเล่นการพนันเลย เพราะเป็นเงินร้อน ยิ่งได้ ยิ่ง เมามัน อยากได้อีก ในที่สุด ก็เสีย ไม่มีใครรวยจริง เพราะ การพนัน
มีคนรู้จักคนหนึ่ง ที่เสียคน เพราะการพนัน เหมือนเป็นโรคจิตเลยค่ะ ติดการพนันมาก ในที่สุดลูกๆ ต้องร้องศาล ให้สั่งเป็นบุคคล ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ถูกลูกๆยึดทรัพย์หมดค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์
อาจารย์ครับ อาจารย์ลืมคำว่า เจ้ามือครับ :D
ขอบคุณครับ คุณ ไปอ่านหนังสือ