โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปลายปี ๒๕๖๕ โดย กสศ. ร่วมมือกับ CCE ค้นหาวิธีประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ที่จะส่งผลยกระดับผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียน นำสู่การประชุมระดับนานาชาติ ๓ วัน (๑) เพื่อค้นหาวิธีการที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทยนำมาประยุกต์ใช้ ผลคือหาไม่ได้ ต้องพัฒนาขึ้นเอง โดยร่วมมือกับ OECD พัฒนาระบบของไทยขึ้นมาจาก PILA (๒) (๓) โดยใช้หลักการ gamification และ digitalization และผมเพิ่มหลักการที่สาม คือ decentralization หรือ bottom-up development
วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๗ มีการประชุมปรึกษาหารือ การดำเนิน “โครงการพัฒนานวัตกรรมประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้” (Thai PILA – Thai Platform for Innovative Learning Assessment) สำหรับเป็นเครื่องมือช่วยหนุนการทำงานของครู ที่เราคุ้นกันในชื่อ formative assessment หรือ AfL – assessment for learning ที่เป็นการประเมินสมรรถนะ ตามแนวทางของข้อสอบ PISA
แต่ PISA ประเมินนักเรียนอายุ ๑๕ ปี ซึ่งมักเรียนอยู่ชั้น ม. ๒ หรือ ม. ๓ แต่ในโครงการ Thai PILA จะเป็นการทดสอบนักเรียนชั้นประถม
ดร. ไกรยส ภัทราวาส ผู้จัดการ กสศ. กล่าวแก่ที่ประชุมว่า เป้าประสงค์หลักของโครงการเพื่อสร้างความเสมอภาคของผลลัพธ์ทางการศึกษา เพื่อเป็นเครื่องมือให้ครูเอาใจใส่นักเรียนทุกคนได้ เป็นรายคน และปรับการเรียนการสอนให้เหมาะสมยิ่งขึ้นได้ จากการได้รับ feedback จากผลการทดสอบ
ดร. คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ที่ปรึกษาคณะทำงาน สนับสนุนโครงการเต็มที่ โดยแนะนำว่า จะต้องมีการจัดการสู่การเปลี่ยนขาด (transformation) กติกาหลายด้านของระบบการศึกษา โดยเฉพาะการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ ว่าผลลัพธ์การเรียนรู้มีผู้รับผิดชอบร่วมกันหลายฝ่าย (ผู้เรียน ครู ผู้ปกครอง ฯลฯ) ไม่ใช่เฉพาะผู้เรียนฝ่ายเดียว
ที่ปรึกษาและคณะทำงาน เห็นพ้องกันเป็นเสียงเดียวว่าเป็นโครงการที่มีประโยชนืมาก เป็นการ empower ครู เป็นเครื่องมือเปลี่ยนกระบวนทัศน์ว่าด้วยการเรียนรู้และการศึกษา โดยในที่สุดผลที่ด้จะตกแก่เด็ก เป็นการเรียนรู้แบบนักเรียนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง
วิจารณ์ พานิช
๑๔ เม.ย. ๖๗
ไม่มีความเห็น