อนุทินล่าสุด


พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

บอนสีที่วัด



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

โยมว่าที่วัดห้องน้ำไม่เพียงพอ  จึงชักชวนกันบริจาคเงินมาสร้างให้ ๗ ห้อง 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

จากใจครูผู้เกษียณ
(คุณครูอินทรีย์ – คุณครูทองคำ ลาน้ำเที่ยง)

๐ อยู่กับงานการสอนค่อนชีวิต 
สั่งสอนศิษย์หญิงชายหลายสิบรุ่น
จนเหล่าศิษย์ได้ดีมีต้นทุน 
ได้เกื้อหนุนชีวาจนถาวร

๐ เป็นทั้งครูทั้งพ่อแม่แม้แต่เพื่อน 
คอยตักเตือนแนะนำพร่ำสั่งสอน
ให้รู้ชั่วรู้ดีมีขั้นตอน 
ไม่เดือดร้อนวุ่นวายทุกนายนาง

๐ แต่วันนี้ที่เห็นจำเป็นจาก 
วันเวลาพาพรากให้ไกลห่าง
ยังอาลัยเพื่อนครูผู้ร่วมทาง 
ที่เคยสร้างโลกสวยมาด้วยกัน

๐ แม้จากไปไกลห่างต่างภาระ 
ความเป็นครูผู้สละสลักมั่น
หน้าที่ครูผู้ปลูกฝังยังผูกพัน 
จิตวิญญาณช่างปั้นนั้นยังมี

๐ จากเพียงกายคล้ายกับใจไม่เหินห่าง 
จะคอยดูอยู่เคียงข้างไม่ยอมหนี
ให้ข้อคิดกำลังใจให้สิ่งดี 
แก่ผู้ทำหน้าที่นี้ต่อไป

๐ ในวาระจากกันนั้นขอฝาก 
ถึงลำบากสู้อุตส่าห์อย่าหวั่นไห
เพราะเราคือแม่พิมพ์ยิ้มภูมิใจ 
อนาคตเด็กไทยในมือเรา

๐ หากเด็กไทยไร้ครูผู้สละ 
ก็คงจะเติบโตแต่โง่เขลา
หากได้ครูเสริมต่อพอบรรเทา 
แต่ต้องคอยขัดเกลาแต่เบามือ

๐ ขออำนาจพระไตรรัตน์เป็นฉัตรกั้น 
คอยป้องกันอันตรายให้ทุกมื้อ
เกียรติยศเงินทองล้นคนเล่าลือ 
มีผู้คนนับถือทั่วหน้าเทอญ ฯ
๑๓.๓๐ น. : ๑ ก.ย. ๕๖

คุณครูที่ รร.ท่านจะเกษียณ เร็วๆ นี้ ทาง คณะครูและผู้เกี่ยวข้องปรารภจัดงานมุทิตาคราเกษียณให้ ในวันที่ ๒๐ ที่จะถึงนี้ จึงขอให้ข้าพเจ้าแต่งกลอนให้ ๘ บท แต่ข้าพเจ้ากลับแต่งแทนผู้เกษียณ  



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

๐ ปางเรียมยังรุ่นรู้ ....... หนังสือ
หาใช่จักฝึกปรือ .......... ยากแท้
ครูบาย่อมนับถือ .......... เทิดท่าน ยิ่งนา
รุ่นปัจจุบันนั่นแล้ ......... ไป่รู้ซึ้งสอน
๑๗.๐๓ น. : ๔ กันยายน ๒๕๕๖

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

๐ ตาดีไปจับช้าง ........ ในพนา
สามคาบมือเปล่ามา .... ไม่ได้
ตาบอดจึ่งอาสา .......... เพียงชั่ว วันแฮ
กลับขี่มากรายใกล้ ...... อวดให้คนเห็น
๑๓.๒๘ น. : ๔ กันยายน ๒๕๕๖

 



ความเห็น (1)

ตาดีไปคล้องซ้างสามวันมาเปล่า ตาบอดไปคล้องซ้างคราวมื้อได้ขี่มา

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

๐ ครูคือผู้ที่ต้อง ........ อดทน
สอนสั่งนักเรียนจน ..... จักรู้
กว่าผลิดอกออกผล .... ย่อมยาก ยิ่งแล
อุปสรรคหนักหนาสู้ .... สละทั้งกายใจ
๑๓.๒๐ น. : ๔ กันยายน ๒๕๕๖

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

๐ กล้วยไม้กว่าออกให้ ......... คนเห็น
ลำบากและยากเย็น ............. ใช่น้อย
งานสอนก็คล้ายเป็น ............ ดั่งว่า นี้แฮ
กว่าจะงามหยดย้อย ............ ยากแท้จริงหนา
๑๓.๐๖ น. : ๔ กันยายน ๒๕๕๖

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

http://www.youtube.com/watch?v=wZFgj4Ej12k&feature=share

อีกบทที่ไพเราะ น่าฟัง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

http://www.youtube.com/watch?v=GRn81NjTUEk&feature=share

บทสวดพุทธบารมี อีกบทที่น่าฟัง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

http://www.youtube.com/watch?v=dpDLe7ek5bM&feature=share

ฟังบทนี้ทีไร ก็นึกถึงเขาใหญ่ เพราะได้สวดและได้ฟังอยู่บ่อย ๆ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

สืบ สานงานป่าไม้ ....... เมืองเรา
นา ป่าและขุนเขา ........... เขตแคว้น
คะ นึงนึกนำเอา .............. อาตม์แลก
เสถียร สถิตพิชิตแม้น ...... มอดม้วยมรณา



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

สืบ ชะตาป่าไม้ ............ เมืองไทย
นา ป่าจักสดใส ............... ไป่ร้าง
คะ นึงนึกการไกล ............ เพื่อกอบ กู้นา
เสถียร สถิตคิดครวญบ้าง .. บอกแจ้งจนสลาย
๑๒.๕๕ น. : ๑ ก.ย. ๕๖

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

โลกนี้มีสรรพวิชามหาศาล

จะเรียนรู้ดูทุกด้านคงไม่ไหว

ขอเพียงเรียนอย่างหนึ่งให็ซึ้งใจ

พออาศัยเลี้ยงชีวันนั้นคงพอ

๑๙.๔๔ น. : ๑๓ ส.ค. ๕๖



ความเห็น (1)
พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

เพียงผ่านพบสบตาแค่คราหนึ่ง

จะบอกรู้ทั่วถึงก้นบึ้งไฉน

ปกติของคนเป็นอย่างไร

อยู่ด้วยกันนานไปรู้ได้เอง

๑๘.๓๙ น. : ๑๓ ส.ค. ๕๖



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

โลกนี้มีอะไรตั้งมากมาย

มีเรื่องราวหลากหลายให้ศึกษา

มีผู้คนมากหน้าหลายตา

แต่จะมารู้จักกันนั้นเท่าไร

๑๙.๒๒ น. : ๑๓ ส.ค. ๕๖



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

"..พระทรงเป็น.."


พระทรงเป็นรัตนมณีศรีสยาม
เป็นหญิงงามคู่องค์พระทรงศรี
เป็นมารดาประชาราษฎร์พิลาสบุรี
เป็นพระราชินีของปวงชน

ทรงเสด็จทั่วแคว้นแดนทุรกันดาร 
ทรงเอาภารศิลป์ศาสตร์ประสาทผล
หลายอาชีพหลายโครงการบันดาลดล 
ธรรมชาติฟ้าฝนทรงสนพระทัย

เป็นแม่พระแม่เมืองประเทืองสุข
บรรเทาทุกข์ปวงประชาทุกคราสมัย
เป็นแสงสุรีย์โชติช่วงทุกดวงใจ
เป็นเทพไท้เทวะอวตาร

เป็นทุกสิ่งทุกอย่างทางสร้างสรรค์
เป็นองค์เชื่อมสัมพันธ์จนบรรสาน
คราที่รักสามัคคีนี้ร้าวราน
ทรงเพียบพร้อมพรหมวิหารทุกวารวัน

เป็นอีกองค์อัครศาสนูปถัมภก 
เป็นนาถะของพสกยามโศกศัลย์
เป็นหยาดพิรุณดับไฟให้ไร้ควัน
เป็นน้ำทิพย์ประโลมขวัญประโลมไทย
๒๒.๐๒ น. : ๖ ส.ค. ๕๖



ความเห็น (1)

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานค่ะ

บทกลอนไพเราะมากค่ะ

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

"..หวานวาจา.."

หวานสิ่งอื่นดาษดื่นหวานปานผาณิต
ฤาเท่าฤทธิ์พจมานที่หวานหอม
ถึงทะเลาะก่อวิวาทขาดยินยอม
ยังออมชอมเพราะวาจาที่น่าฟัง

จะตัดใจไมตรีมีในโลก
ให้วิโยคขาดดิ้นสิ้นความหลัง
ก็จงกล่าววจีที่น่าชัง
ให้กระทบกระทั่งทุกครั้งไป

จะสั่งสอนป้อนเขาต้องเข้าหลัก
ต้องดีงามด้วยความรักใช่ผลักไส
จงอย่าเอาแต่คำพร่ำพิไร
มันไม่ได้ผลงามตามต้องการ

ต้องฉลาดโอวาทสอนสุนทรถ้อย
มีน้ำอ้อยเจือไปแล้วไขขาน
ควรเหมาะสมแก่เวลาอย่าให้นาน
พอประมาณพอสมควรกระบวนความ

ถึงเรื่องสอนจะดีไร้ที่ติ
แต่ไร้ปิยวาจาพาเหยียดหยาม
ดูดั่งเหมือนที่กล่าวนั้นมันเลวทราม
เรื่องดีงามกลับกลายเป็นร้ายไป
๒๐.๔๔ น. : ๓๐ ก.ค. ๕๖



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

หนังสือธรรมนิยายที่มอบให้คนที่รู้จักเคารพนับถือกันอยู่บ่อย ๆ  ๑.พระอานนท์พุทธอนุชา ของอาจารย์วศิน อินทสระ ๒.หลวงพ่อทองวัดโบสถ์ ของอาจารย์ทวี วรคุณ ๓. ธรรมธารา ของอาจารย์แสง จันทร์งาม   



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

“..แม่..”


๏ เพ่งมองไปในใต้หล้านภาโพ้น   

ผู้หญิงหนึ่งซึ่งอ่อนโยนโน่นเห็นไหม

ความอ่อนโยนคือธรรมประจำใจ 

หญิงนั้นไซร้คือมารดาผู้การุญ


๏ ท่านเป็นเหมือนเพื่อนสนิทมิตรซื่อสัตย์  

ยามข้องขัดคอยช่วยเหลือและเกื้อหนุน

ยามลูกต่ำย่ำแย่แม่ค้ำจุน 

ยามลูกขุ่นเคืองจิตคิดคลี่คลาย


๏ ลูกผิดหวังยังปลอบใจให้หายโศก 

ลูกมีโชคแม่ก็สุขทุกข์สลาย

ลูกเจ็บป่วยเป็นอยู่ปางจะวางวาย 

ลูกเลวร้ายคล้ายทุกข์หนักผลักชีวา


๏ เมื่อลูกเศร้าแม่ก็เศร้ารุมเร้าจิต 

เมื่อลูกผิดแม่อภัยไม่ถือสา

เมื่อลูกดีแม่มีมุทิตา 

เมื่อลูกยาหลงผิดคิดตักเตือน


๏ จะมีใครไหนเล่าเทียบเท่าแม่ 

รักเราแท้คนอื่นใครไม่มีเหมือน

แม่คือคนสนิทมิตรในเรือน   

ไม่แชเชือนเหินห่างไม่วางใจ


๏ คนเรานี้มีแม่แค่คนเดียว 

เมื่อสิ้นแม่จะแลเหลียวเที่ยวหาไหน

ถึงคนอื่นที่รักเราจะเท่าไร   

จะมาเทียบเปรียบได้ไม่มีเลย


๏ ยามที่แม่ยังอยู่ต้องรู้รัก 

ด้วยรู้จักกตัญญูไม่ดูเฉย

อย่าผลักไสทอดธุระนะลูกเอย 

คนจะเย้ยไยไพลูกไม่ดี


๏ กตัญญูรู้คุณท่านนั้นประเสริฐ 

รีบทำเถิดเดี๋ยวจะสายไปกว่านี้

หากชักช้าคราพลัดพรากจากกันมี 

ฝากวจีนี้ไว้ใคร่ครวญดู ฯ

๒๐.๔๓ น. ๒ ส.ค. ๕๖   



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

“..ใครหนอใคร..”


ใครหนอใครให้ชีวัน ในวันนี้  

ใครหนอที่อุดมพรหมวิหาร

ใครหนอใครคือครูบูรพาจารย์    

ใครเป็นพระในบ้านโปรดปรานเรา



๏ ใครหนอเฝ้ารักษาเมื่อคราป่วย  

ใครหนอช่วยส่งเข้าเรียนเปลี่ยนความเขลา

ใครหนอที่ชี้นำพร่ำขัดเกลา  

ใครกันเล่าเข้าใจในลูกยา


๏ ใครคือมิตรในเรือนเพื่อนในบ้าน  

ใครเปรียบปานผู้พิทักษ์คอยรักษา

ใครที่รักเราจริงยิ่งดวงตา  

ใครกันหนาอยากให้เราได้ดี


๏ ใครกันหรือคือคนทนทุกข์ยาก 

ใครลำบากเพื่อเราสุขทุกวันนี้

ใครกันเปี่ยมเมตตาและปรานี 

ใครกันที่รักมั่นไม่ผันแปร


๏ ใครคนนั้นที่กล่าวถึงซึ่งยิ่งใหญ่  

ผู้ที่ใครต่างเรียกหาว่า "คุณแม่"

ท่านผู้นี้คือหญิงเดียวที่เหลียวแล 

พระคุณแผ่คุ้มเราทุกเช้าเย็น ฯ

๑๙.๐๘ น. : ๑ ส.ค. ๕๖




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

“..พระคุณแม่..”

 

๏ พระคุณอื่นหมื่นแสนไม่แม้นแม่           

รักอื่นใดไหนจะแท้เท่าแม่ฉัน

 ผูกสมัครรักสนิทนิจนิรันดร์                   

ไม่มีวันจืดจางจนวางวาย

 

๏ แม่เป็นพระเป็นพรหมอบรมลูก            

รู้ผิดถูกดีงามตามมุ่งหมาย

แม่คือครูผู้ให้ทั้งใจกาย                         

แม่ยังคล้ายเทวารักษาเรา

 

๏ แม่คือคนพิเศษสำหรับบุตร                 

แม่สูงสุดคนอื่นใครไหนเทียมเท่า

เมื่อแม่โกรธก็รู้จักความหนักเบา             

แม่ขัดเกลานิสัยลูกปลูกฝังดี

 

 ๏ เสียสิ่งอื่นหมื่นแสนในแดนโลก         

ไม่เศร้าโศกเหมือนมารดรม้วยมรณ์หนี

เพื่อนอื่นใดในพื้นปฐพี  

ไม่เมตตาปรานีเหมือนมารดร

 

๏ พระคุณแม่เลิศหลายบรรยายยาก  

ท่านว่ามากเปรียบเป็นเช่นสิงขร

อุปมาแม้กระทั่งดั่งสาคร  

ทิฆัมพรพสุธาน่าเปรียบปาน

 

๏ ยามลูกทุกข์แม่ก็ทุกข์เป็นร้อยเท่า  

ยามลูกเศร้าแม่ก็โศกมหาศาล

ยามลูกสุขแม่ก็แสนจะเบิกบาน  

ยามดวงมานได้ดีแม่ปรีดา

 

๏ แม่คือครูปูชนีย์ที่ประเสริฐ  

ผู้กำเนิดชีวะโอรสา

เสียสละเลือดเนื้อเพื่อลูกยา  

ปรารถนามีลูกจิตผูกพัน

 

๏ ทนอุ้มท้องประคองครรภ์ถึงวันคลอด    

จนลูกรอดปลอดภัยได้ชมขวัญ

เฝ้าถนอมกล่อมเห่ดุจเทวัญ    

หวังลูกนั้นเติบใหญ่ในสังคม

 

๏ ฉะนี้ควรกตัญญูรู้คุณแม่  

ด้วยดูแลกายใจให้เหมาะสม

อย่าให้แม่หม่นหมองต้องตรอมตรม    

แม่คือพรหมคือพระประจำใจ ฯ

 ๒๒.๔๕ น. : ๓๑ ก.ค. ๕๖  

 (กลอนบทนี้แต่งให้คุณครูที่โรงเรียน เพื่อใช้เป็นบทขับเสภาในวันแม่)     



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

ธง ชีวิตสะบัดพลิ้ว           เพลินลม

ชัย ชนะสง่าสม                    เสกสร้าง

เจริญ ยิ่งธรรมอุดม              เผดิมชีพ

นนท์ นั่นพยาธิล้าง              ลุด้าวแดนสวรรค์

 

โคลงบทนี้ อาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งที่รู้จักเคารพนับถือกัน มาขอจากข้าพเจ้า โดยแจ้งว่า ผศ. ดร. ธงชัย เจริญนนท์ ท่านได้เสียชีวิตแล้ว  ให้ข้าพเจ้าแต่งกลอนให้ด้วย ๒ บท จะเอาไปอ่านไว้อาลัยและลงในหนังสือ ข้าพเจ้าก็ได้แต่งให้ตามความประสงค์ พร้อมทั้งแถมโคลงกระทู้บทนี้ไป ซึ่งอาจารย์ ธงชัย ท่านนี้แต่ก่อนก็เคยบวชเรียนในพระพุทธศาสนามาก่อน ท่านก็เป็นอาจารย์ผู้หนึ่งที่เคยอบรมสั่งสอน ท่านจากไปด้วยวัยอันไม่สมควรนัก ช่วงที่ท่านป่วยอยู่นั้นก็ได้ถามข่าวคราวอยู่บ่อยครั้ง ไม่นึกว่าจะมาด่วนจากไปเร็วอย่างนี้.ช่วงนี้ไม่ทราบเป็นอะไร ญาติโยมที่รู้จักมักคุ้นกัน หลายท่านหลายคนพากันป่วยไข้ไม่สบาย อาการหนักทั้งนั้น 



ความเห็น (1)

พระราชทานเพลิงศพ เมื่อ ๑๗ ก.ค. ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

" . . ฉั น . . "

ฉันไม่ใช่กวีที่ยิ่งใหญ่

 ที่ใครใครต่างรู้จักทักทายถาม

 แต่ฉันมีจิตใจใฝ่เดินตาม

 ท่านผู้ที่มีนามว่ากวี


 ฉันไม่อาจสรรคำอันล้ำเลิศ

 ด้วยถ้อยคำบรรเจิดประเสริฐศรี

 ฉันเขียนไปตามรู้สึกสำนึกมี

 ทุกวลีที่เขียนบอกออกจากใจ


 จึงถ้อยฉัน อาจไม่เพราะเสนาะโสต

 ขอได้โปรดเมตตาอย่าผลักไส

 หากขาดตกบกพร่องต้องอภัย

 จะแก้ไขให้ดีทุกวี่วัน


 บทร้อยกรองแต่ละบทจดจารึก

 มาจากความรู้สึก สุข โศกศัลย์

 บางคนว่าบ้าละเมอเพ้อรำพัน

 แต่ว่าฉันหาสนใจในคำคน


 จะดูถูกเดียดฉันท์นั้นก็ช่าง

 ฉันจะสร้าง สื่อแสดงทุกแห่งหน

 เพื่อสืบสานงานร้อยกรองผ่องอำพน

 ให้ยืนหยัดอยู่ทนคู่คนไทย


 ท่านว่า "นานาประเทศล้วนนับถือ" 

 ผู้ที่รู้หนังสือ คือแต่งได้

 คนที่เกลียดอักษร คือคนไพร

 คนที่เยาะกวีไซร้ คือคนดง


 ฉันไม่ใช่กวีที่กล่าวถึง

 และไร้ซึ่งนิยามตามประสงค์

 เพียงมีใจสร้างสรรค์อันมั่นคง

 เจตน์จำนงของฉัน นั้นเช่นนี้

 ๑๙.๐๔ น. : ๒๗ มิ.ย. ๕๖




ความเห็น (4)

ภาษาสวยงามมากค่ะ

ขอบคุณนะคะ 

ขอบคุณ คุณโยมที่ให้กำลังใจ ขอให้มีความสุข

ฉันไม่อาจสรรคำอันล้ำเลิศ

 ด้วยถ้อยคำบรรเจิดประเสริฐศรี

 ฉันเขียนไปตามรู้สึกสำนึกมี

 ทุกวลีที่เขียนบอกออกจากใจ


ตรงเลยค่ะท่าน

เขียนไปตามที่อยากเขียน

นมัสการ

คำสวยงามมีล้นตลาด คำเล่าความจริง หายากครับ

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

"..มีบ้างไหม.."


 มีบ้างไหมคนเราไม่เศร้าโศก

 เกิดมาแล้วได้โชคสุขเสมอ

 มีบ้างไหมทำไปไม่เผอเรอ

 ไม่เคยเผลอพลาดผิด คิดละอาย


 มีบ้างไหมได้รับแต่สรรเสริญ

 ใจเพลิดเพลินหลงมัวเมาจนเช้าสาย

 มีบ้างไหมถูกนินทาจนวันตาย

 ไม่หรอกนะสหาย ไม่มีวัน


 มีบ้างไหมที่สมหวังเสียทุกอย่าง

 บนเส้นทางชีวิตที่คิดฝัน

 มีบ้างไหมคนรู้จัก รักคุ้นกัน

 ไม่แตกกายทำลายขันธ์ จากกันไป


 มีบ้างไหมใครที่ไม่มีสุข

 มีแต่ทุกข์ทุกวัน นั่นมีไหม

 หามิเห็นดอกนะจะมีใคร

 ที่จะได้ดังฉันพรรณนา


 ไม่มีหรอก ไม่มีหรอก จะบอกให้

 ทุกทุกสิ่งผันแปรไป ให้เห็นหนา

 ทั้งร้ายดีนี้สับเปลี่ยนเวียนไปมา

 มีปัญญารู้เท่าทัน เท่านั้นพอ





ความเห็น (1)

เป็นสัจธรรมครับท่าน สุขทุกข์อยู่ที่ใจจริงๆ

พระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ..
เขียนเมื่อ

วันนี้สอนเรื่องรูปแบบคำประพันธ์ (กลอนแปด) เพื่อ นร. จะได้ชื่นชม อนุรักษ์ เผยแผ่เอกลักษณ์ไทย พร้อมทั้งนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ จึงแต่งคำประพันธ์นี้เพื่อเป็นตัวอย่าง และเป็นคติเตือนใจสำหรับ นร.ไว้ดังนี้  (นร.บอกว่า เหมือนกับพระอาจารย์แต่งใส่พวกหนูเลย)

".. เรื่องของความรัก.."

 คนที่มีความรักมักใฝ่ฝัน

 ปัจจุบันอยู่ไหนมองไม่เห็น

 วาดวิมานอนาคตจรดเช้าเย็น

 อยากจะมีอยากจะเป็นจนนุงนัง


 ดูดูไปก็เหมือนจะมีสุข

 มีคนคอยปลอบปลุกมีความหวัง

 แปรความรักที่เห็นเป็นพลัง

 ประดุจดังน้ำทิพย์ชโลมใจ


 แต่ใครหละจะซาบซึ้งถึงคำ"รัก"

 เปรียบเป็นน้ำก็วิดวักทะลักไหล

 ปล่อยตนตามกระแสเปลี่ยนแปรไป

 ว่ายวนในความรักที่ถักทอ


 หากเป็นไปในสร้างสรรค์นั้นประเสริฐ

 จะบังเกิดปัญญามาหุ้มห่อ

 รู้เท่าทันเป็นไปให้ดีพอ

 รู้จักรอ รู้อะไร ควรไม่ควร


 มีน้อยนักที่เก่งกาจฉลาดรัก

 เห็นประจักษ์จริงแท้แต่รีบด่วน

 เหมือนภู่ผึ้งเพลินมาลีที่อบอวล

 และแล้วล้วนยึดมั่นไม่บรรเทา


 จริงแท้แล้วความรักคือสิ่งดี

 ขึ้นอยู่ที่ฉลาดไม่ขลาดเขลา

 รักนั้นคือสละให้หาใช่เอา

 แต่ใครเล่า ที่ให้ ไม่เห็นมี.

(นอกเหนือไปจากพ่อแม่แล้ว ก็ครูบาอาจารย์ เท่านั้นแหละ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท