๐ ว่าจักบุแผ่นพื้นเทียวท่อง .........ทำฤทธิ์
ทะยานเวหาฮ่วมเฮียง .............. พระจันทร์แจ้ง
ดำดินดั้นเมโฆ ..................... ขำเมฆ
ผันล่วงฟ้าอิงเอื้อม ................. แท่นอินทร์ ฯ
๐ แปดแผ่นพื้นพรหมวาส ........... วงกฏ
ในพงไพรเดือดกระหาย ............. หิวฮ้อน
อาเกียรติ์ล้อมคณานัน .............. เนืองนี่
สัตว์สามานย์มอดเมี้ยนพระไมติ์ข
จาก “ลึปสูรย์” ของเก่า
ขอบคุณค่ะ สัมผัสไม่มากเท่าสมัยนี้นะคะ พระอาจารย์
เคียมค่องคำคม ครับ
๐ ที่ จะยืนหยัดได้ ....... โดยหวัง
พึ่ง อื่นตลอดชีวัง ......... ไป่ได้
แห่ง ไหนไม่จีรัง .......... เท่าอาต- มะแฮ
ตน แหละฝึกหัดให้ ....... ชนะได้ดีหลาย
๑๙.๔๑ น. : ๑๕ ต.ค. ๒๕๕๖
ไม่มีความเห็น
"..ทาง ตรง ทาง เบี่ยง.."
๐ ทาง หลวงกว้างต่อกว้าง ..... ไป่เทียว
ตรง ดิ่งฤาแลเหลียว ............. ดุ่มด้น
ทาง รกรักกันเชียว ............... ชอบฝ่า
เบี่ยง บิดติดตามก้น .............. กลับยื้อแย่งเดิน
๑๙.๑๓ น. : ๑๕ ต.ค. ๒๕๕๖
ไม่มีความเห็น
๐ ชนะท่านที่โกรธอ้าง ........... อโกธา
ชนะหมู่มุสา ...................... สัตย์สู้
ชนะพวกพาลา ................... ดีรับ รองแฮ
ชนะตนนั่นรู้ ...................... เร่งรู้ใจตน
ไม่มีความเห็น
๐ โบราณท่านสอนสั่ง ช้างที่นั่งพระราชา
พระสงฆ์ทรงศีลา ขัตติยาทรงอาภรณ์
๐ อีกอย่างอิสตรี จรลีอย่ารีบร้อน
เดินเหินให้สังวร ยามทัศนาน่าชื่นชม
ไม่มีความเห็น
๐ ปากดีออกโอษฐ์เอื้อน .......... อ่อนหวาน
ฟังเสนาะใจเบิกบาน ............... บ่เศร้า
ปากชั่วเอ่ยพจมาน ................. มักหยาบ คายนา
มีแต่จะยั่วเย้า ....................... ยุให้ใจหมอง
กาพย์ กลอน โคลง ฉันท์อะไรครับอาจารย์ อยากฝึกแต่งบ้างจัง…ครับผม
อ๋อ คุณโยมร้อยกรองข้างบนนี้คือโคลงสี่สุภาพ ลองดูๆ
๐ ปากบุญเผยพจน์ได้ ...... ดังประสงค์
หวังสิ่งใดก็คง .................. ไป่ข้อง
ปากบาปจิตจำนง .............. ในสิ่ง ใดนา
หวังสิ่งใดเรียกร้อง ............. ย่อมไร้ความหมาย
๐ เหยียบตะปูกลางฝ่าเท้า ..... จังจัง
ดีว่ารองเท้ายัง ................... รับไว้
เพียงแค่แทรกผิวหนัง .......... นิดหน่อย
ความปวดรู้สึกได้ ................ ดั่งนี้เชียวหรือ
นมัสการค่ะ…พระอาอาจารย์…ถ้าจะให้ปลอดภัยก็ต้องไปฉีดยาป้องกันบาดทะยักนะคะท่าน
๐ มรณัสสติท่านซ้อง ...... สรรเสริญ
ควรคิดจะเจริญ ............. มากไว้
ถึงคราจักเพลิดเพลิน ..... ไม่พรั่น พรึงนา
มีสติกำหนดได้ ............. ดั่งนี้ดีหนา
ไม่มีความเห็น
๐ ห้ามตายใครจักห้าม ...... ได้หรือ
ห้ามอย่างอื่นยังถือ ........... ว่าได้
ที่ดีนั่นก็คือ .................... อย่าประมาท
เพียรก่อกุศลไว้ ............... จักย้อนมาสนอง
ไม่มีความเห็น
๐ ต่างแต่วันจักสิ้น ..... สังขาร
ดีชั่วจักยืนนาน ......... นั่นไซร้
พยาธิสถาน ............. ที่ต่าง กันนา
คติบ่รู้ได้ ................. สู่ห้วงแห่งไหน
ไม่มีความเห็น
๐ บ่ได้หวั่นแม้กระ ....... ทั่งตาย
ทุกสิ่งย่อมมลาย ......... อยู่แล้ว
อะไรหละที่หมาย ........ ชีวิต
จะกระเบื้องหรือแก้ว .... ก็ล้วนดุจกัน
ไม่มีความเห็น
๐ ไปเยี่ยมคนป่วยไข้ ......... ตอนเย็น
นี่แหละอนิจจังเห็น ............ ชัดแล้ว
เกิดแก่เจ็บตายเป็น ............ สิ่งเที่ยง แท้นา
ใครรึจะคลาดแคล้ว ............ สิ่งนี้มีหรือ
ไม่เที่ยงคือไม่รู้ว่าเราจะเป็นอะไร วันไหน แต่ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน
สาธุครับ พระคุณเจ้า ;)…
หลักฐานเกี่ยวกับวัดที่หลงเหลือจากครั้งเหตุการณ์ไฟไหม้วัด
ไม่มีความเห็น
หลักฐานหนังสือวิสุทธิมัคที่ท่านพระครูพรหมจริยาภิรมย์ บูรพาจารย์ผู้ก่อตั้งวัดสุปัญญาราม สร้างถวายวัด เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๖
ที่หลงเหลือจากเหตุการณ์ไฟไหม้วัดเมื่อปี ๕๓
อุโบสถวัดสุปัญญาราม บ้านผักกาดหญ้าในปัจจุบัน
ไม่มีความเห็น
แท่นหินที่ขุดได้จากนาของชาวบ้าน เอามาไว้ที่วัดนานแล้ว ในภาพตั้งพิงไว้หลังพระพุทธรูป ชาวบ้านก็บอกว่าเป็นที่ตั้งของเสาธงบ้าง เป็นประตูเมืองเก่าบ้าง แต่ข้าพเจ้าว่าเป็นแท่นรองรับศิวลึงค์ บริเวณเดียวกันยังขุดได้พระพุทธรูป และเครื่องใช้สมัยโบราณ
ไม่มีความเห็น
ต้นผักกาดหญ้า สัญลักษณ์ของบ้านผักกาดหญ้า
เป็นผักมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย มีรสเปรี้ยว ฝาดเล็กน้อย รับประทานกับหมกหน่อไม้ ซุปหน่อไม้ ลาบ ก้อย ป่น
กิบกับ “ป่นปลา” อร่อยมากค่ะ
ต้นผักกาดหญ้า กับ ต้นผักขะย่า ใช่ต้นเดียวกันไหมคะ
หลวงปู่พระราชสิทธาจารย์ (บุญเรือง ปภสฺสโร)
บูรพาจารย์วัดสุปัญญาราม
กราบระลึกถึงหลวงปู่เนื่องในวันมรณภาพ ๑๙ กันยายน ๒๕๐๘
วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๐๘ เวลา ๐๓.๐๐ น. เป็นวันที่พระคุณท่านหลวงปู่พระราชสิทธาจารย์ได้ถึงมรณภาพ ก่อนที่จะมรณภาพท่านบอกว่า “เวทนากล้าเหลือเกิน เห็นจะไม่พ้นคืนนี้” ท่านจึงเรียกท่านเจ้าคุณพระศีลวิสุทธาจารย์เข้ามาหา และบอกว่า “เวทนามันกล้านัก เทศน์ให้ฟังที” ท่านเจ้าคุณฯประนมมือไว้ระหว่างอก เรียนว่า”สังขารเท่านั้นที่จะแตกทำลาย จิตไม่แตก ขอให้รักษาจิตให้ดี” ท่านรับสาธุพร้อมกับประครองอัญชลีขึ้นเหนือหัว และพูดว่า “ที่นี้สบายดีแล้ว” แล้วท่านพูดถึงเรื่องของผู้ปฏิบัติสองสามคำ แล้วมือก็ดึงสายออกซิเจนออกจากจมูกโดยบอกว่ามันช้า หมอกราบแล้วขอสวมเข้าคืน ท่านนิ่งแล้ววางมือแนบกาย ไม่พูดอะไร นอนหายใจเฉยหลับตานิ่ง จนเวลา ๓.๐๐ น. ก็หยุดหายใจโดยอาการสงบ ไม่ดิ้นรนแต่ประการใด สิริรวมอายุได้ ๕๙ ปี (วัดมิ่งเมือง ถือว่า เวลาตีสาม เป็นวันใหม่ จึงถือเอาวันที่ ๒๐ กันยายน ของทุกปีเป็นวันบูรพาจารย์)
พระครูพรหมจริยาภิรมย์ (พรหม สุปญฺโญ)
บูรพาจารย์ผู้ก่อตั้งวัดสุปัญญาราม พ.ศ. ๒๔๗๗
ไม่มีความเห็น
"การซึ่งมีอายุมากถึงบรรจบครบรอ
..พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ
พอดีวันนี้อายุครบ ๒๘ ปีพอดี ( พฤหัสบดี ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๒๘)
ของหวานพื้นบ้านประจำฤดูกาล นี้เรียกว่า "นึ่งกลอย" กับ"ข้าวต้มกลอย" หากินยาก
กลอยมีสารอาหารทำให้อารมรณ์ดีด้วยนะคะ
อร่อยค่ะพระอาจารย์
น่ากินมากนะคะ…พระอาจารย์
อาหารคาวหวาน หมากพลู บุหรี่ สำหรับห่อเป็นข้าวสาก (สลากภัต)
สำหรับทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปในวันพรุ่งนี้ (ประเพณีบุญเดือน ๑๐ บุญข้าวสาก)
นมัสการค่ะพระอาจารย์…ขอบคุณบันทึกที่ดีมีประโยชน์นะคะ…
๐ ปัญญามีทั่วถ้วน ...... ทุกสถาน
มีอยู่ทุกเหตุการณ์ ...... กล่าวอ้าง
เพียงมีวิจารณญาณ .... ให้ยิ่ง
คงจะเกิดขึ้นบ้าง ......... บ่น้อยก็หลาย
๑๒.๕๓ น. : ๖ กันยายน ๒๕๕๖
ไม่มีความเห็น
๐ ตีหม้อตีให้ทรวด ..... ทรงงาม
หาใช่จักตีตาม .......... แตกขว้าง
คุณครูสั่งสอนความ- .. รู้ศิษย์
ตีเพื่อกำราบบ้าง ........ แต่รู้พอดี
๒๐.๑๖ น. : ๑๑ ก.ย. ๕๖
ไม่มีความเห็น