........โลกอุดร..............
๐ รวีโชติช่วงแล้ว............อัสดง
คืนค่ำเริ่มย่ำลง.............
อัมพรทาบทองคง...........คลี่ห่ม
วันผ่านดับดวงแก้ว..........เช่นน
๐ ฤาสิงขรคู่ฟ้า..............คงเสมอ
ลมผ่านกัดกร่อนเธอ.........ร่วงร
เฉกชนหม่นใจเผลอ.........สติล่อ
วันผ่านทอนชีพห้าว..........เสื
๐ ปลิดปลงคงไม่รู้..........วันใด
กิเลสล่อหลอกหัวใจ.........หม
วันวารผ่านเวียนไป..........เปลือ
กินค่ำเช้าถ่ายไว้............แค่นี
๐ จิตตนอันขูดแล้ว.........สันดาน
แก้วก่อเกิดในกานต์........ส
แสวงทางมุ่งนิพพาน........ไว้มั
ธรรมสู่ใจก็แผ้ว.............ผ่อง
..............................
อุตรา
ไม่มีความเห็น
โบราณว่า "ถ้วยอี่เลิ้งบ่สมพานพาโตก ถ้วยโซกโลกบ่สมโตกพาพาน สมแต่แนวลายขัดไส้กะเบียนตาโล่"
มีคำอธิบายหรือตัวอย่างสำหรับเด็ดโง่ไหมคะท่าน
๐ ทะเลาะเพราะใส่เสื้อ ............. หลายสี
ต่างฝ่ายต่างก็ดี ..................... ทุกด้าน
รดราดสาดวจี ...................... จ้วงจาบ กันแล
เป็นเช่นนี้เมืองบ้าน ................. บอบช้ำอีกสมัย
สีไหนก็เลือดสีเดียวกัน..ขอให้ปกติโดยเร็ว
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
กระผมขออนุญาติเเชร์นะครับ
วันนี้ไปร่วมในงานฌาปนกิจศพ โยมพ่อของพระอาจารย์ที่เคารพนับถือกันรูปหนึ่ง
"มางานศพพบอะไรใครรู้บ้าง
หรือเห็นร่างคนตายแล้วใจหาย
มองดีดีคิดให้ซึ้งถึงความตาย
คือความหมายของครูผู้แสดง"
สุดท้ายของชีวิตก็คือความตาย ตายหมดต่างแต่ว่าจะช้าจะเร็ว ดีหรือชั่วเท่านั้น เพราะฉะนั้นยามที่เห็นคนอื่นตาย ถ้าเป็นพุทธศาสนิกชน ก็ควรมีสติ อย่างน้อยก็รีบทำความดี และทำสิ่งที่ควรทำ เขาตายให้เราดู เขาไปก่อนเรา ถือว่าเขาเป็นครูที่กำลังแสดงบทบาทสุดท้ายของชีวิต
ไม่มีความเห็น
ตระกูลจักตั้งอยู่ได้ไม่นานเพราะ
๑. ของหายไม่รู้จักหามาทดแทนไว้
๒.ของเก่าของชำรุดไม่ซ่อมแซม
๓.ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
๔. ตั้งคนไม่ดีเป็นใหญ่ในเรือน
๐ ของหายห่อนไขว่คว้า ........... คะนึงหา
ของเก่าชำรุดมา ................... ไม่แก้
จับจ่ายขาดปัญญา ................. ยั้งคิด
คนชั่วครองเรือนแล้ ................ เหล่านี้สกุลสูญ
๐ ครูฮักครูโอบเอื้อ .......... เอ็นดู
เหมือนลูกเหมือนหลานครู ... ว่าอั้น
เอาฮักมาห่มชู ............... เวียนวาด ฝันเฮย
ค่อยแปงใจเที่ยงหมั้น ....... เบ่าล้าเลือนหาย
"คือหางเสือและเรือจ้าง"
ไม่มีความเห็น
ธรรมะเล็กๆ น้อยๆ
ฐานะ ๔ ประการ ที่พึงรู้ได้
๑.สํวาเสน สีลํ เวทิตพฺพํ ศีลพึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน (ปกติของคนเป็นอย่างไรพึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน ใช้ปัญญาสอดส่องในกันและกัน และอาศัยกาลเวลาเป็นเครื่องประกอบ)
๒.สํโวหาเรน โสเจยฺยํ เวทิตพฺพํ ความสะอาดพึงรู้ได้ด้วยถ้อยคำ (ข้อนี้หมายถึงเว้นจากมุสาวาท)
๓.อาปทาสุ ถาโม เวทิตพฺโพ กำลังใจพึงรู้ได้ในเมื่อมีอันตราย
๔.สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา ปัญญาพึงรู้ได้ด้วยการสนทนา
ที่มาของบาลี องฺ จตุกฺก. ๒๑/๑๙๒/๒๕๔
"เพียงผ่านพบสบตาแค่คราหนึ่ง
จะบอกรู้ทั่วถึงก้นบึ้งไฉน
ปกติของคนเป็นอย่างไร
อยู่ด้วยกันนานไปรู้ได้เอง"
๐ นิสัยเขาเรารู้เมื่อ ........คบกัน
สอดส่องทุกสิ่งสรรพ์ ..... ทราบไซร้
เวลาแหละสำคัญ ......... เครื่องพิสูจน์
มนสิการมากไว้ ........... วิจักษ์แจ้งใจคน
อนุโมทนาสาธุค่ะ
นายนรินทร์ธิเบศร์ ว่า
๐ หัวกระบือกบิลราชร้า .......... รณรงค์ แลฤา
ตัดกบาลกระบือดง ............... เด็ดหวิ้น
สืบเศียรทรพีคง .................. คำเล่า แลแม่
เสมอพี่เด็ดสมรดิ้น ............... ขาดด้วยคมเวร
ศรีปราชญ์ ว่า
๐ ธรณีนี่นี้ ...................... เป็นพยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์ ............. หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร .............. เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง .............. ดาบนี้คืนสนอง
ลิลิตภควตี ว่า
๐ ทรมานเทวษท้น ............. ทนทุกข์ พระเอย
ดีกว่าอยู่อย่างสุข .............. สนุกล้ำ
ขณะชาติราชขุก ............... เข็ญยิ่ง
กายสุขจิตชอกช้ำ ............. ฉะนี้ฤาควร
และ
๐ มี ดาบสัจจะข้าง ........... เคียงกาย
มี โล่ห์เมตตาหมาย ........... ปิดป้อง
มี ธรรมประทีปพราย ......... เพื่อส่อง ทางนา
มี ครบสามสิ่งซ้อง ............ สุดสิ้นเกรงอธรรม
แด่เธอ
ธรณีนี่นี้—–เป็นพยาน เธอก็ศิษย์มีอาจารย์—–หนึ่งบ้าง เธอผิดท่านประหาร—–ชนชอบ เธอบ่ผิดท่านมล้าง——ดาบนี้จักคืนสนอง
เวลาพระเถระ ครูบาอาจารย์สายวัดป่าถึงมรณภาพ จะได้ยินคำว่า "ละสังขาร" คำว่าละสังขารในความหมายของเขานี่ หมายถึง "ละร่างกาย ทิ้งร่างกาย" หรืออย่างไร หรือว่า "ละการปรุงแต่ง หยุดการปรุงแต่ง"
พระอาจารย์ครับความคิดเห็นเฉพาะตนนะครับ..ผมคิดว่าเป็นการละสังขารในความหมายที่บอกว่ากายหยาบกายเนื้อหมดไปเหลือความบริสุทธิ๋ของจิตญาณที่จะกับสู่แดนสุขาวดีหรือเปล่า..ถือว่าท่านได้บำเพ็ญมาดีเฉพาะผู้ปฏิบัติบำเพ็ญนะครับ
๐ อากาศหนาวแบบนี้ ...... ธรรมดา
ขี้เกียจยากอดสา ........... อยู่ได้
ขยันบ่นำพา ................. พออยู่
บอกกล่าวแก่กันไว้ ......... จักได้หายหนาว
ไม่มีความเห็น
๐ ใดหรือคือสัจจ์แท้ ....... ที่หา
บุญบาปกระทำมา .......... ไม่รู้
ร่วมร้อยก็อัตตา ............. แตกดับ
เราและท่านทุกผู้ ........... ต่างพ้องต้องกัน
ไม่มีความเห็น
"..ขานคำรำลึกคุณ.."
ถึงจะสาวแสนสวยจนล่มหล้า
ฤาจักมาเทียบแม่ผู้แก่เฒ่า
ร้อยคำขานมานสลักว่ารักเรา
ฤาจะเท่าเศษเสี้ยวแม่เหลียวแล
น้ำใจแม่กว้างใหญ่กว่าใดหมด
มิเคยลดหรือเปลี่ยนไปหลายกระแส
มีเท่าไรก็เท่านั้นมิผันแปร
มั่นคงแท้ไม่จืดจางจวบวางวาย
ปราชญ์แต่ก่อนสอนมาก็น่าคิด
ว่าร้อยชู้คู่เชยชิดมิตรทั้งหลา
ฤาจักเทียบเปรียบเมียขวัญพรรณรา
พันเมียหมายไม่เหมือนแม่แท้จริง
และโบราณยังว่าไว้เตือนใจอีก
สามวันหลีกจากนารินถวิลเที่ยว
มอบดวงใจไว้ในนางเพียงอย่างเดีย
กลับมาใหม่ไม่แลเหลียวเพียงเสี้
ความรักแม่มีอยู่มิรู้สิ้น
ยิ่งกว่าฟ้ากว่าดินสิ้นกังขา
ประจักษ์แจ้งแก่ใจลูกทุกเวลา
อุปมาว่าไว้ยังไม่พอ
ถึงพากเพียรเขียนสารสักล้านบท
หาบรรยายได้หมดเท่าท่านก่อ
ไม่ได้แสร้งสรรเสริญเฝ้าเยินยอ
เพียงแค่ขอขานคำรำลึกคุณ ฯ
๑๙.๓๖ น. อาทิตย์ที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๖
สาธุๆๆ เตือนใจดีมากครับ
เพิ่งทราบว่า ผู้แต่งกาพย์ยา่นี ๑๑ "วิชาเหมือนสินค้า" เป็นครูสอนศาสนาชาวฝรั่งเศส นามว่า "ฟ. ฮีแลร์" ที่เรียกกันว่า เจษฎาธิการ ฮีแลร์ ผู้ได้รับยกย่องว่าเป็น"ปราชญ์แห่งอัสสัมชัญ" และยังได้รับยกย่องว่าเป็นผู้แตกฉานในภาษาไทย จนถึงกับแต่งแบบเรียนภาษาไทย ชื่อ "ดรุณศึกษา" ให้คนไทยเรียน เริ่มแรกที่ท่านผู้นี้เข้ามาในแผ่นดินไทย ภาษาอังกฤษก็ไม่คล่อง ภาษาไทยก็ไม่ชัด แต่ด้วยความตั้งใจจริงพยายามฟังเด็กไทยสมัยนั้นท่อง “มูลบทบรรพกิจ” อยู่เป็นประจำ ถึงกับหลงใหลจังหวะจะโคนและลีลาแห่งภาษาไทย จึงมุมานะเรียนรู้ภาษาไทยจนถึงแต่งตำราสอนเด็กได้
เวลาฟังบทอาขยาน วิชาเหมือนสินค้า เห็นแต่บอกที่มาว่า มาจากดรุณศึกษา แต่ไม่บอกนามผู้แต่ง
คำว่า ปรานี ที่เข้าคู่กับคำว่าเมตตา มีผู้ใช้ผิดบ่อย ส่วนมากเขียนเป็นปราณี เช่นเดียวกับคำว่า "บาตร" และ "บิณฑบาต" มักจะเขียนเป็น "บิณฑบาตร" และคำว่า "ลักษณนาม" ทุกวันนี้เห็นนิยมแบบไม่มีสระอะ แต่ก่อนเขียนมีสระอะ ถ้าเอาตามหลักสมาส-สนธิ ก็น่าจะไม่มีสระอะ แต่ก็เห็นมี คำว่า กิจจะลักษณะ ที่แปลกเพื่อน ไม่นับคำที่มาจาก วร ศัพท์ ที่เปลี่ยนแปลงรูปและเสียงเป็น "พระ" คำว่า "ทีฆายุโก" บังเอิญเห็นตามแผ่นป้าย สงสัยช่างจะพิมพ์ผิดเป็น "ฑีฆายุโก" ก็มี
:บันดาลใจจากบันทึกเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่ง
ไม่มีความเห็น
http://www.youtube.com/watch?v=lUURnPNdZ4o
พระอาจารย์สมภพ โชติปญฺโญ
ไม่มีความเห็น
นึกถึงพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว ..
ชยํ เวรํ ปสวติ ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต
อุปสนฺโต สุขํ เสติ หิตฺวา ชยปราชยํ
ผู้ชนะย่อมประสบเวร ผู้แพ้ย่อมอยู่เป็นทุกข์ ส่วนผู้ที่ละความชนะและความพ่ายแพ้เสียแล้ว ย่อมอยู่เป็นสุข.
พระอาจารนย์ในเมื่อสังคมต้องการความสุข แต่คนก็ยังไม่ลดละการอาฆาตพยาบาทแล้วเราจะพบสุขสันติร่วมกันด้วยวิธีใดช่วยส่งเสริมด้วยครับ
ดูแลชุมชนเล็ก ๆ ของเราให้ดีๆ อย่าให้มีเรื่องบาดหมางทะเลาะกันก็พอแล้วครับ
" สาด น้ำ รด กัน "
๐ สาด ส่งความรักให้ ....... หายหมาง
น้ำ จิตที่จืดจาง ............. จักข้น
รด รักย่อมหนทาง .......... แห่งสุข
กัน และกันดุ่มดั้น ........... ดับข้อกินแหนง
ไม่มีความเห็น
" สาด น้ำ รด กัน "
๐ สาด ส่งสิ่งชั่วร้าย ......... รดกัน
น้ำ จิตที่ผูกพัน ............... ขาดสิ้น
รด ราดสาดโคลงฉันท์ ....... เฉียดเฉี่ยว
กัน และกันเล่นลิ้น .......... เรื่องร้ายคลายหรือ
ไม่มีความเห็น
http://www.youtube.com/watch?v=FzUW7G1C4qU
พระอาจารย์สมภพ โชติปญฺโญ
เรื่อง ธรรมะรักษา ปี ๒๕๔๐ ตอนนั้นพระอาจารย์ยังหนุ่มสุขภาพร่างกายยังดี
ไม่มีความเห็น
http://www.youtube.com/watch?v=I2bEM03-yj8
พระอาจารย์สมภพ
ไม่มีความเห็น
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มีโยมผู้หญิงวัยประมาณ ๔๐ พาลูกสาวมาหาท่านอาจารย์เจ้าอาวาสที่วัด ลูกสาวเป็นพยาบาล ปรารภเรื่องจะแต่งงานในเร็ววันนี้ ได้หมั้นกันไว้แล้ว เชิญแขกมาในงานแล้ว ท่านอาจารย์บอกไม่ได้แต่งกันหรอกเพราะไม่ใช่เนื้อคู่ โยมแม่ของหญิงสาวนางนั้น ยังแย้งอยู่เลยว่า จะไม่ได้แต่งกันได้อย่างไร อะไรก็เตรียมแล้ว แขกก็เชิญแล้ว ปรากฏเวลาต่อมา ฝ่ายชายซึ่งหมั้นไว้ มาขอถอนหมั้น ยกเลิกงานแต่ง พร้อมยินดียกสินสอดที่หมั้นไว้ให้ฝ่ายหญิงทั้งหมด นี่แสดงว่าท่านอาจารย์พูดจริง
คำจริงหากพูดไปแล้วก่อให้เกิดความขัดเคืองหรือแตกแยก ก็ไม่ควรพูดนะครับพระอาจารย์
อ๋อ คุณโยม แม่ลูกคู่นั้นเขามาดูดวง ท่านก็คงว่าไปตามดวงที่ปรากฏ โดยท่านไม่ได้รู้เรื่องราวของบ่าวสาวคู่นี้หรอกว่าเป็นมาอย่างไร คำพูดอาจจะตรงเกินไป แต่โยมก็ไม่โกรธไม่เคืองนะ ..ขอบคุณที่มาิ่เพิ่มเติม ขอให้มีความสุข
ท่าน … แม่นขนาดนั้นเลยหรือครับ “เนื้อคู่” จึงเป็นเรื่องจริงใช่ไหมครับท่าน
แม่นมาก ๆนะครับท่าน
สี่กับห้ามีมาประจำโลก คันขาดของหมู่นี้มีแล้วกะเล่าหา
ถ้าไม่มีสองอย่างนี้ เสือช้างคงไม่มี แม่นบ่
เพิ่นว่า เฮาบ่มีสังแหล่วบ่มีทางเตื้องต่
ขอให้พระอาจารย์แปลไทยด้วยหลายท่านไม่เข้าใจความหมายอีสานครับ ม่วนหลายมีความหมายดี
เพิ่นว่า สังขารยังเที่ยงหมั่น เห็นกันหลายเทื่อ สังขารบ่เที่ยงหมั่นเห็นแล้วเทื่อเดียว ลางเทื่อเห็นวันนี้วันลุนผัดตายจาก พรากกันแต่ละมื้อเห็นแล้วว่าบ่ยัง มันหากเป็นจั่งซั่นโลกลุ่มชุมพู สิเอาจริงเอาจังบ่แน่นอนทั้งนั้น ไผสิหลิงเห็นไส้ภายในนกขี้ถี่ ทางปากฮ้องพึบพึ้งใจเลี้ยวใส่กะปู ไผสิหลิงเห็นไส้ภายในป้องไม้ไผ่ ลางเทื่อเป็นกำแพ้งในหั่น ส่องบ่เห็น แท้แหล่ว ฯ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า ชอบมากเลยครับ เขียน ผญา มาให้อ่านอีกนะครับ
พระอาจารย์ผญาเก่งจัง
สู่คนสุกินข้าว ภาษาสังมาต่าง ต่างคนต่างอาบน้ำสังมาเกลี้ยงลื่นกัน สู่คนสุทำบุญสร้างบุญผลาสังบ่ส่งคือกันน๊อ ..?
ไม่มีความเห็น