-กับบรรยากาศที่กำลังเปลี่ยนผ่านฤดู ทำให้ช่วงนี้อากาศค่อนข้างครื้มฟ้าครื้มฝน ร้อนบ้างหนาวบ้างสลับกันไป เหมาะนักสำหรับการเรียนรู้และสัมผัสวิถีแบบพื้นถิ่นอันเป็นรากเหง้าของเรา ณ พื้นที่เล็กๆ แห่งนี้ครับ และเพื่อเป็นการส่งต่อเรื่องราวต่างๆ ที่ก่อเกิดขึ้นในวันหยุด(วันพระราชทานรัฐธรรมนูญ 10 ธ.ค.61)ที่ผ่านมาไปยังผู้คนบนโลกกว้างและผู้ที่สนใจได้รับรู้และซึมซับ"ความสุข"ไปพร้อมๆกับเรา วันนี้จึงเสนอบันทึกเรื่อง"คอกนา..." พร้อมแล้วก็ตามผมไปร่วมสนุกกับเด็กๆ ได้แล้วคร้าบ!!!!
2.สำหรับเช้านี้"ทีมน้องโชกุน"ได้เดินทางมาถึงก่อนใคร ๆ และเมื่อมาถึงพร้อมกับทักทายกันเรียบร้อยแล้ว "น้องโชกุน+น้องณิชา"ก็เริ่มเรียนรู้และสัมผัสกับกิจกรรมต่างๆ ทันทีครับ เล่นกันได้ไม่นานมากนัก เราก็ได้ต้อนรับ"ทีมแม่น้อง" ที่วันนี้มากันเป็นครอบครัวใหญ่ และ"น้องฟิล"ก็ถือได้ว่าเป็นหัวหน้าแก๊งค์ประจำทริปนี้ ดังนั้นจึงขอเข้าไปอ่านดูที่บอร์ดก่อนว่าวันนี้เราจะได้เรียนรู้อะไรกันบ้างนั่นเองคร้าบ!!! 555
3.เมื่อทีมงานพร้อมแล้ว เราก็เริ่มกิจกรรมกันทันทีครับ โดยก่อนที่จะไปทำกิจกรรมในฐานวิชาต่างๆ นั้น ตัวผมเองก็ถือโอกาสแนะนำและบอกเล่าให้ผู้มาเยือนได้รับรู้ถึงที่มา และความตั้งใจในการเปิดบ้านไร่ให้เด็กๆ เข้ามาทำกิจกรรมครับ รวมทั้งเพื่อเป็นการส่งต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นในด้านต่างๆ วันนี้เราจะได้เรียนรู้เรื่อง"ดิน"กันก่อนครับ เพราะประโยชน์ของดินมีมากมายนอกจากจะใช้ปลูกพืชชนิดต่างๆ แล้ว วันนี้ยังสามารถนำเอาดินมาผสมน้ำและใช้เขียนแทนน้ำหมึกได้เป็นอย่างดีอีกด้วยครับ ดังนั้นกิจกรรมที่จะช่วยสร้างจินตนาการให้กับเด็กๆ วันนี้เห็นจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นมากมายแน่ๆครับ 555
4.มีเวลาไม่มากนัก ดังนั้นเมื่อรับทราบและมีความเข้าใจพร้อมกับมีข้อตกลงในการทำกิจกรรมร่วมกันในวันนี้เรียบร้อยแล้ว ทีมของเด็กๆ ก็ได้เริ่มกิจกรรมการทำ"พิซซ่าเตาถ่าน"กันทันทีครับ "น้องโชกุน"แม้ว่าจะมาแบบทีมเดี่ยว ๆ แต่พอมาได้เจอกับ"ทีมแม่น้อง"แล้ววันนี้ก็สามารถทำความคุ้นเคยได้อย่างรวดเร็ว และเพื่อนที่จะทำกิจกรรมด้วยกันในวันนี้มีวัยใกล้เคียงกันนั่นก็คือ"น้องฟิล"ที่ดูจะเชื่อมสัมพันธ์กันได้อย่างดีทีเดียวครับ...และในระหว่งที่รอให้พิซซ่าสุกนั้นเราก็ให้เด็กๆ ก็ไปช่วยกัน"ปั้นไข่เค็มศิลา"กันก่อนครับ กิจกรรมนี้ก็ยังได้สอดแทรกเรื่องดินที่นำมาใช้สำหรับปั้นไข่เค็มอีกด้วย เอาเป็นว่าติดตามข้อมูลเกี่ยวกับ"ไข่เค็มศิลา"ได้จากที่นี่ครับ ไข่เค็มศิลา สำหรับที่มาและเรื่องราวของ"พิซซ่าเตาถ่าน"สามารถติดตามได้จากที่นี่ครับ เตาอบพิซซ่า ภูมิปัญญาท้องถิ่น
5.อิ่มท้องกับ"พิซซ่าเตาถ่าน"กันเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เป็นการสัมผัสวิถีพื้นบ้านแบบสนุกๆ แล้วล่ะครับ "นั่งรถอีต๊อก"ไปตามเส้นทางถนนลูกรังแบบนี้ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่ใช่ของเด็ก ๆ เท่านั้นแต่ยังเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจกับผู้ใหญ่หลายๆ คนด้วยล่ะครับ สำหรับความสนุกนั้น คงไม่สามารถบรรยายเป็นภาษาเขียนได้ดีกว่าภาพถ่ายที่นำมาให้ได้ติดตามชมกันครับ...
6.ใช้เวลาในการ"นั่งรถอีต๊อก"ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เดินทางกลับมาถึงบ้านไร่ของเราแล้วครับ และเมื่อมาถึงแล้วก็เริ่มกิจกรรม"ขนมไทยอะไรเอ่ย?"กันต่อ วันนี้ยังเป็น"ขนมบัวลอยมะพร้าวอ่อน"เหมือนกับทีมอื่นๆ ครับ ทั้งนี้ก็เพราะว่าทำง่ายและได้เรียนรู้เรื่องการใช้สีจากธรรมชาติและเด็กๆ ก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่กับ"ขนมไทย"ที่ใครๆ ก็ทำได้คร้าบบบบบ!!!!
7.เท่าที่สังเกตดูเด็กๆ ที่ทำกิจกรรม"ขนมไทยอะไรเอ่ย?"นั้น ดูเหมือนกว่าเด็ก ๆ จะเร่งรีบทำให้เสร็จ ทั้งนี้ก็เพราะว่ายังมีกิจกรรมที่น่าสนใจและเรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมที่เด็กๆ ชื่นชอบเป็นพิเศษ นั่นก็คือ"การเล่นสไลเดอร์โคลน/เล่นน้ำ"ดังนั้นเมื่อได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองพร้อมกับทำข้อตกลงเรื่องการรักษาความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยก่อนลงเล่นน้ำต้อง"สวมเสื้อชูชีพ"และทุกกิจกรรมต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้ปกครอง ทั้งนี้"ความปลอดภัยต้องมาก่อน"แล้ว ช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ จึงได้เกิดขึ้นภายใต้เสียงหัวเราะและ"ความสุข"ที่เราสัมผัสได้จากพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้ครับ...
8."ความหิวไม่เคยปราณีใคร"ดังนั้นเมื่อเล่นกันจนเหนื่อยแล้ว ผู้ปกครองจึงให้เด็กๆ กลับขึ้นมาอาบน้ำและเตรียมตัวรับประทานอาหารกลางวันกัน ซึ่งก็เลยเวลามาถึงช่วงบ่ายๆ กันเลยทีเดียวครับ และเมนูที่นำเสนอในวันนี้อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ"กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา"โดยให้น้องๆ ไปลงมือ"ตัดกะหล่ำปลี"เองด้วย พืชผักสวนครัวแบบนี้หากปลูกเอาไว้ก็สามารถนำมาประกอบอาหารอร่อยๆ และกินได้อย่างปลอดภัยสบายใจสุดๆ แล้วล่ะครับ...
9.อาหารมื้อนี้ดูจะอร่อยเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะผู้ปกครองต่างก็หิวเนื่องจากรอเด็กๆ ทำกิจกรรมนั้นเองครับ 555 รับประทานอาหารใต้ร่มกอไผ่แบบนี้ แม้ว่าอากาศข้างนอกจะร้อนไปสักหน่อยแต่ก็พอที่ร่มไผ่จะช่วยบรรเทาความร้อนไปได้มากทีเดียวครับ หลากหลายเมนูที่จัดเอาไว้ต้อนรับวันนี้จะมีอะไรบ้าง และบรรยากาศของการรับประทานอาหารจะอิ่มเอมใจเพียงใด งานนี้คงต้องขอฟ้องด้วยภาพก็แล้วกันนะคร้าบ!!!!
10.หลังจากอิ่มหนำสำราญกันไปเรียบร้อยแล้ว เราก็ปล่อยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และสัมผัสกับกิจกรรมต่างๆ ตามความสนใจครับ ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ก็จัดเอาไว้ใกล้ๆ กับใต้ร่มไผ่ ดังนั้นผู้ปกครองจึงมีโอกาสได้ดูแลเด็กๆ อย่างใกล้ชิดพร้อมกับได้นั่งพักผ่อนพูดคุยกันไปอย่างสบายใจครับ และเมื่อเหนื่อยแล้วก็ได้เวลาที่เด็กๆ จะได้ลิ้มลองขนมหวานแบบโบราณ "หวานเย็น"แล้วล่ะครับ ของหวานแบบนี้สมัยก่อนถือเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ต้องได้ลิ้มลอง และเพื่อเป็นการส่งต่อวิถีแบบไทยๆ การกินอยู่แบบง่ายๆ แบบนี้ไปยังเด็กรุ่นหลัง เราจึงถือโอกาสดีๆ เช่นนี้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีพื้นบ้านให้เด็กๆ ได้ซึมซับกลับไปอย่างอิ่มอุ่นใจครับ...
11.และก่อนที่จะจากกันในวันนี้ ผู้มาเยือนก็ได้"เขียนโปสการ์ดบ้านไร่"เพื่อบอกความรู้สึกและหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ พร้อมกับตั้งหน้าตั้งตารอว่าจะได้รับ PostCard ในเร็ววันนี้ต่อไปครับ 555
12.ช่วงเวลาของการเรียนรู้และสัมผัสวิถีแบบพื้นบ้าน บนพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้ อาจจะมีไม่มากนัก แต่เราก็หวังว่าเด็กๆ คงจะได้เรียนรู้และซึมซับกับวัฒนธรรมการกินอยู่แบบนี้กลับไปได้บ้างไม่มากก็น้อย และ"ผู้ปกครอง"ที่ได้นำพาเด็กๆ มาเรียนรู้ ก็ถือได้ว่าเป็นผู้เชื่อมร้อยและมีส่วนช่วยในการส่งต่อวิถีดี ดี แบบนี้ไปยังคนรุ่นใหม่ที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต และขอบคุณ มา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ....
สำหรับวันนี้..........
สวัสดีครับ
เพชรน้ำหนึ่ง+มดตะนอย
Hi Hug House
13/12/2561
จินตนาการเปรียบเสมือนไม่ขีด แรงบันดาลใจเปรียบเสมือนไม้ฟืน จินตนาการแม้เพียงไฟจุดเล็กๆแต่เมื่อได้ไม้ฟืนก็จะลุกโชนและทรงพลัง
-สวัสดีครับอาจารย์จำรัส-พื้นที่เล็กๆ แห่งนี้มีความสุขที่ได้มีส่วนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ ครับ-ขอบคุณสำหรับพลังใจที่มอบให้กับบันทึกนี้ด้วยนะครับ-ยินดีีที่ได้แบ่งปันเรื่องราวของเด็กๆ ไปยังโลกกว้างครับ