เพราะตายายเป็นชาวนา เมื่อเป็นเด็กช่วงปิดเทอม จึงเคยนั่งเกวียน เคยเลี้ยงควาย ฤดูเก็บเกี่ยวสนุกกับการกระโดดโลดเต้นอยู่บนกองฟางในลานนวดข้าว ชาวนาสมัยนั้นจะมีควายไว้ใช้ไถนา ตายายมีควายสองตัว ตัวหนึ่งตัวผู้เป็นควายเผือก เขาโง้ง รูปร่างใหญ่โตชื่อ“ไอ้แก้ว” อีกตัวสีดำ ตัวเมีย ขนาดเล็กกว่าชื่อ“อีงาม”
ช่วงนั้นโจรผู้ร้ายชุกชุมมาก การลักขโมยควายของชาวนาถึงในคอกเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ การรวบรวมญาติพี่น้อง หรือสมัครพรรคพวกออกไล่ล่าขโมย เพื่อตามเอาควายตัวเองคืนจึงเป็นความปกติ
ดึกสงัดค่ำคืนหนึ่ง ฉากสุดท้ายของไอ้แก้วและอีงาม รวมทั้งชีวิตชาวนาของตากับยายได้ลงเอย ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ จากความผูกพันระหว่างคนกับควาย ซึ่งไม่ต่างอะไรกับชาวนาอีกหลายราย
............................................................................
ไม่ทันสาย แดดหน้าร้อนยังไม่จัดจ้าน ภาพชาวนาไถแปรหรือคราดเตรียมปลูกข้าวอีกรอบ ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน..
หวนนึกถึงไอ้แก้วกับอีงาม
คิดถึงบ้านในอดีตกาลครั้งหนึ่ง...
-สวัสดีปีใหม่ไทยกับบันทึกเรื่องของไอ้แก้วกับอีงาม นะครับ
-วันก่อนไปประชุมที่ ตำบลหนองหัววัว ได้คุยกับท่านกำนันระ หอมรื่น
-ท่านได้เล่าว่าสมัยก่อนพรานกระต่ายมีการปล้นควายและการตามหาควาย...
-มีเรื่องเล่าหลายๆ อย่างที่ผมได้ซึมซับผ่านการบอกเล่า
-อบอุ่นใจมากๆ กับดินแดนนี้ขอรับ
-ด้วยความระลึกถึงอาจารย์และครอบครัวครับ
-ปี๋ใหม่เมือง..สืบสานประเพณีผ่าน G2K ด้วยนะขอรับ..
อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า...น้ำมันหมดลง......ไอ้แก้วกับอีงาม..ก็ถูก เชือด ไปแล้ว.....เอๆๆ..แล้ว ไง....