สร้างจากหนังสือสำหรับเยาวชนเรื่อง “The Goats” เป็นเรื่องของเด็กหงอๆ ที่กำลังจะผ่านวัยเด็กสู่วัยรุ่นสองคน ฮาวี่ และ เกรซ ภูมิหลังต่างกันแต่มีปัญหาเหมือนกันคือไม่สู้
แม่ของเกรซ นักธุรกิจคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เห็นว่าลูกสาวช่างขี้แยเต็มทีจึงส่งลูกไปค่ายช่วงปิดเทอมโดยพร่ำบอกลูกว่า “แม่อยากให้หนูเติบโตและเข้มแข็ง” ส่วนฮาวีนั้นเป็นเด็กจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เด็กชายหญิงทั้งสองถูกรุ่นพี่และครูจับไปปล่อยไว้บนเกาะกลางทะเลสาบในยามค่ำคืน ซ้ำยังจับถอดเสื้อผ้าเหลือตัวล้อนจ้อน นัยว่าเพื่อให้พวกเขาหาทางเอาตัวรอดในภาวะวิกฤติเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง (ในประเด็นนี้ฉันเห็นว่ามันคือ “ความรุนแรง” ที่กระทำต่อเด็กที่ไม่มีทางสู้ชัดๆ และสมควรประณามถ้ามันมีอยู่จริง)
ฮาวี่ใช้ปฏิภาณไหวพริบกับวาทะพูดจูงใจให้เกรซ “ลุกขึ้นสู้” ทั้งสองคนร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรครายทางที่ทำให้หนังดูสนุก เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากเด็กหญิงที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ฟูมฟายมาเป็นเด็กที่เสนอตัวยืดอกเพื่อฟันฝ่า เพิ่มความมั่นใจทีละน้อยๆ กระทั่ง “เติบโต แข็งแกร่ง” (ดังที่ผู้เป็นแม่ปรารถนา) และ เด็กทุกคนในโลกนี้สมควรเติบโตไปถึงจุดนี้ให้ได้
สำหรับฮาวีแล้ว หนังได้สะท้อนความเป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ แม้เขาจะเป็นเด็กกำพร้าไร้พ่อแม่อบรมบ่มเพาะ ผู้คนจะกาหัวไว้ก่อนว่า เด็กพวกนี้ย่อม “เอาดีไม่ได้” แรกเจอเกรซเขาบอกว่า “พ่อแม่เป็นนักโบราณคดีที่ตอนนี้เดินทางไปทำงานที่กรีซ” ดูเป็นจินตนาการที่ฉายความภูมิใจในแววตาได้แค่ชั่วขณะ หนังมาเฉลยให้คนดูและเกรซรู้พร้อมกันในตอนท้ายว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นเด็กกำพร้า ฉากที่เขายืนมองเกรซวิ่งไปสู่อ้อมกอดแม่ในวันที่แม่มารับกลับบ้าน แววตาของเขาสะท้อนความเหงาและโหยหาอย่างน่าเศร้า
มิตรภาพเกิดขึ้นและงอกงามในจิตใจของเด็กทั้งคู่ ต่างได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงมากมายที่พวกเขาต่อสู้ เพื่อที่จะเติบโตและแข็งแกร่ง เมื่อมีการต่อสู้ย่อมมีชัยชนะ
หนังสอนเราว่า “หากคุณไม่สู้คุณจะเป็นแพะ” (ที่ถูกบูชายัญ) ตามนัยยะของชื่อวรรณกรรมในภาษาอังกฤษ
เป็นหนังที่ไม่ดีมากนัก แต่สาระครบถ้วน ผู้ใหญ่ดูได้ เด็กๆ ก็ดูดี น่าจะฉายอยู่โรงเดียวที่ House RCA.
อาทิตย์ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๗
บันทึกเพิ่มเติม
เคยได้ยินแต่ชื่อโรงหนัง House RCA ว่าเป็นโรงที่ฉายหนังดี หนังอาร์ต ราคายุติธรรม ไม่เคยไปสักที วันเสาร์ที่ไปดูมีคนดูน่าจะสัก ๑๐ คนๆ ละ ๑๐๐ บาท ได้แค่ ๑,๐๐๐ บาท ค่าแอร์พอหรือเปล่ายังไม่รู้ หนังฉายตรงเวลา ไม่มีโฆษณา
คนรักหนังต้องช่วยกันไปอุดหนุนเพื่อให้มีโรงที่ฉายหนังดีๆ ราคายุติธรรม ให้เราดูต่อไป
ก่อนกลับไปเลือกซื้อแผ่น DVD กลับมาดูที่บ้าน มุมหนึ่งมี “กล่องเปล่า” ของหนังจำนวนมาก เขียนป้ายติดไว้ว่า “หนังที่คนยืมไปแล้วไม่คืน” ส่วนหนึ่งเป็นหนังหายาก ถามน้องคนขาย(คนเดียวกับคนขายตั๋ว_คนเดียวทำทุกอย่าง)ด้วยความประหลาดใจว่า “เป็นไปได้เหรอ ยืมไปแล้วไม่คืน” น้องตอบว่า “เป็นไปแล้วครับ เพราะที่นี่คือประเทศไทย”
...........................................
สวัสดีค่ะ เพื่อนใหม่
ขอบคุณมากค่ะ คิดถึงนะคะ
ชอบดูหนังมากค่ะ แต่เวลานั้นมีน้อยเหลือเกินค่ะ
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ครูทิพย์
ขอบคุณค่ะคุณ Bright Lily ดิฉันพยายามแบ่งเวลาดูหนังในโรงสัปดาห์ละวันค่ะ
น้ำใจงามค่ะ
คนรักหนังต้องช่วยกันไปอุดหนุนเพื่อให้มีโรงที่ฉายหนังดีๆ ราคายุติธรรม ให้เราดูต่อไป
เป็นหนังที่น่าดูมากเลยครับ
ขอบคุณพี่มากๆครับ
หาเรื่องออกจากบ้าน ไปดูหนังค่ะอาจารย์ GD
น้องเพชร เพชรน้ำหนึ่ง เอาอาหารเมนูเด็ดมายั่วน้ำลายพี่อีกแล้วนะ อิ..อิ..
ว่าแต่ว่า มุมขวาบนนั่น ข่า หรือ ปุด กันคะ หอม น่ากินชะมัด
ขอบคุณอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง
หนังไม่ดีนัก แต่สาระใช้ได้ทีเดียว
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะคุณพิชัย พ.แจ่มจำรัส
จริงค่ะอาจารย์ ธนิตย์ สุวรรณเจริญ ไม่มีใครเลี้ยงลูกได้ดีเท่าพ่อแม่นะคะ พอลูกโตจากอกไปเราก็คิดถึงมาก แต่ต้องบอกตัวเองว่าลูกโตแล้ว เขาต้องมีชีวิตของเขาเอง เรารอชื่นชมอยู่ห่างๆ
ดีใจค่ะที่ได้อ่านความเห็นดีๆ ของอาจารย์
ขอบคุณคุณ Yanyong-P ที่แวะมาอ่านค่ะ