บ่ายนี้ไปฟัง ดร.ภิญโญ รัตนพันธ์ พูดเรื่อง AI ที่นิด้า ทบทวนความรู้เรื่อง Appreciative Inquiry ( AI ) หรือ ภาษาไทยเรียก สุนทรียสาธก ผู้ริเริ่มแนวคิดนี้คือ David Cooperider โดยการสืบค้นเรื่องดีๆ ใช้ศิลปะการถามเชิงบวก หรือใช้การสังเกต แล้วนำเรื่องดีๆเหล่านี้ไปขยายผล ทำให้ได้การเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ตัวอย่างที่อาจารย์เล่าและภาคภูมิใจคือเรื่อง ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มีพยาบาลหลายคนเจาะเลือดเด็ก 3-4 หน เนื่องจากไม่คล่องมือ จึงมีการตั้งคำถามว่าพยาบาลที่เก่งๆเจาะเลือดแค่หนเดียวผ่านมีไหม และทำไมถึงทำได้ สรุปว่ามีอยู่ 2 คน ที่เจาะเลือดแล้วเด็กและพ่อแม่เด็กพอใจ จึงมีการเชิญพยาบาล 2 คนนี้มาช่วยฝึกฝน จนทำให้อัตราการเจาะเลือดซ้ำลดลง นี่เป็นตัวอย่างการใช้คำถามเชิงบวกแบบ AI มาแก้ปัญหา
ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เวลามีปัญหา มักมองทางด้านลบในการแก้ปัญหามากกว่า มองความผิดพลาดของคนนั้นคนนี้ที่ทำให้เกิดปัญหา แต่แนวคิดทาง AI มองหา best practice คนที่ประสบความสำเร็จ แล้วถามคำถามจากเรื่องดีๆเหล่านี้ มาใช้แก้ปัญหา ลองดูอีกสักตัวอย่าง มีหน่วยงานหนึ่งบุคลากรลาออกบ่อยมาก ผู้บริหารมักจะคิดถามเสมอว่าทำไมคนถึงลาออกกันจังเลย แต่แนวคิดแบบ AI จะถามใหม่ว่า ลองไปถามคนที่อยู่นานๆว่าทำไมเขาจึงทำงานในหน่วยงานนี้ได้นาน คุณจะได้คำตอบดีๆที่คุณคาดไม่ถึง
จะลองนำแนวคิดนี้มาใช้ในงานประจำเรื่องหนึ่งคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเมื่อมีโรคบางอย่างเกิดขึ้น เช่นผู้ป่วยอ้วนและมีข้อเข่าเสื่อม งานยากอย่างหนึ่งคือให้คนไข้ลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะแนะนำอย่างไรก็ทำไม่ค่อยจะสำเร็จ อาจต้องไปทำวิจัยว่า คนที่เขาลดความอ้วนได้นั้นเขามีเทคนิคพิเศษเฉพาะตนอย่างไรถึงทำได้
ใครมีประสบการณ์ดีๆมาแบ่งปันกันบ้างนะคะ
เรียนอาจารย์ สุขจันทร์
เคยเจอ ดรภิญโญ ที่ มข. ได้คุยกันแล้วถูกชะตา สนทนาผ่านบันทึกมาตลอด
โค้ชเชิงบวกที่ ดร.ท่านกรุณามอบให้ เป็นการพลิกเปลี่ยนการทำงานชุมชน
ที่ใช้ AI เป็นเครื่องมือ คำถามดีๆ มักได้คำตอบดีๆ
เริ่มจากสิ่งดีๆแล้วจะพบสิ่งดีๆ
อ่านบันทึกของท่าน และนำไปปฏิบัติได้ครับ
ดีใจที่สมาชิกได้พบกัน
ได้ความรู้เพิ่มขึ้นด้วย
คุณหมอไปวิ่งมาราธอนวันไหนครับ
วิ่งวันอาทิตย์ที่ 8 มิย นี้ค่ะ อ.ขจิต วิ่ง 10.5 K
ขอบคุณครับ อ.Sukajan ที่แชร์เรื่องแนวคิดทาง AI ซึ่งดีมากๆ
ส่วนเรื่องยากอย่างหนึ่งคือให้คนไข้ลดน้ำหนักลงนั้นผมเองก็พบปัญหาเมื่อสมาชิกที่ฟิตเนสอยากลดความอ้วนแต่ไม่ขยันมาออกกำลังกายและยังคงทานตามใจปากครับ ก็คงต้องใช้หลักของ AI ช่วยนะครับ
แต่ปัญหาใหญ่ที่มักพบเห็นคือ คนส่วนใหญ่มุ่งไปที่การลดน้ำหนักลง แทนที่จะมุ่งลดไขมันส่วนเกินลง
ซึ่งหากมองผิวเผินก็อาจไม่คิดอะไร แต่ถ้ามองลึกๆจะพบว่า การคิดที่ผิดนำไปสู่การทำผิดได้ เพราะ
หากจะลดน้ำหนักก็อาจเลือกทานยาลดความอ้วน อดอาหารและน้ำซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่ดื่มน้ำน้อยอยู่แล้ว
โดยไม่ต้องสนใจว่าน้ำหนักที่หายไปจะเป็นน้ำหนักของกล้ามเนื้อ ไขมัน หรือน้ำ
แต่หากจะลดความอ้วนก็ต้องเข้าใจเรื่องหลักโภชนาการที่ดีและการออกกำลังกายที่ถูกวิธีควบคู่กันไป
โดยจะให้ความสำคัญกับการลดไขมันส่วนเกินลง พร้อมกับการเพิ่มความแข็งแรงกระชับของกล้ามเนื้อ
เพราะกล้ามเนื้อจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและยังช่วยเผาผลาญไขมันให้ตลอดเวลาด้วยครับ
ขอบคุณ คุณrojfitness ที่แบ่งปันข้อมูลดีๆเกี่ยวกับการลดความอ้วนค่ะ