มีผู้กล่าวว่าชีวิตคนเรา ในแต่ละช่วงก็เหมือนแต่ละบทของหนังสือ
สำหรับชีวิตข้าพเจ้า มองย้อนไป ทุกๆ 7 ปี จะมีช่วงเปลี่ยนผ่าน 3 ปี เหมือนแต่ละบทที่มีหน้าคั่น
บทที่ 1 2523 -2530 ช่วงวัยเด็ก ไร้ความกังวล ณ จังหวัดแพร่
3 ปี กับการปรับตัวเข้ากับเมืองใหญ่ ณ จังหวัดเชียงใหม่
บทที่ 2 2533- 2540 ช่วงวัยเรียน ทุ่มเทกับการเรียน แข่งขันทำคะแนน
3 ปี กับ preclinic ในรั้วคณะแพทยศาสตร์
บทที่ 3 2543-2550 ช่วงแห่งการเรียนรู้โลกความจริงของชีวิตแพทย์
3 ปี กับชีวิตแพทย์ประจำบ้าน จบแล้วพบทางสามแพร่ง
บทที่ 4 2551-2557 หลังจากเลือกหนึ่งในสามแพร่ง เข้าสู่การเป็นอาจารย์
3 ปี ต่อจากนี้ ข้าพเจ้าได้ย้อนกลับไปที่ทางสามแพร่งอีกครั้ง
แล้วเลือกอีกหนึ่งในสามแพร่งที่ไม่ได้เลือกเมื่อ 7 ปีก่อน
.........
สำหรับข้าพเจ้า บทที่ 4 ได้จบลงอย่างสมบูรณ์ในตัวมันแล้ว
ไม่มีสิ่งใดติดค้าง เพราะสิ่งที่ปรารถนาจะทำก็ลองทำไปแล้ว
ไม่มีสิ่งใดต้องฝากไว้ เพราะน้องๆ รุ่นใหม่ย่อมนำมาซึ่งสิ่งที่ดีกว่า
ไม่มีสิ่งใดต้องขอโทษ เพราะมีเพียงคำขอบคุณ
ขอบคุณประสบการณ์ล้ำค่า ของการเป็นอาจารย์
ระบบไม่ผิดอะไร มีดุลยภาพในตัวของมันเอง
ข้าพเจ้าเองต่างหาก ที่ไม่ยินดีปรับตัวเข้ากับระบบ
และใช้ชีวิตตนเองอย่างสมดุลย์
..........
วันที่ 'อาจารย์หมอ ป.' เป็น 'หมอ ป.'
ตื่นเช้าขึ้นมาล้างหน้า
ที่รู้สึกถึงความเย็นชุ่มชื้นสัมผัสใบหน้า
ได้ยินเสียงนกร้องนอกหน้าต่าง
ได้สัมผัสความเย็นบนพื้นกระเบื้อง เมื่อเท้าวางสัมผัส
ได้สัมผัสความอบอุ่นในใจ ที่ ณ วันนี้
ยังมีสุขภาพแข็งแรง
ยังมีครอบครัว คนรัก เคียงข้าง
ยังมีเพื่อนแท้
เท่านี้ก็พอเพียง ที่ข้าพเจ้าจะคั่นบทเพื่อ
"งานสัมฤทธิ์ ชีวิตรื่นรมย์"
เหลือเพียงอดีตของกาลเวลา ที่่จะไม่ย้อนคืนมาอีกแล้ว
เป็นกำลังใจให้ "หมอ ป." ครับ บันทึกนี้ของคุณหมอทำให้ผมคิดเพิ่มมากขึ้นถึงแผนที่จะเปลี่ยนจาก "อาจารย์ธวัชชัย" เป็น "นายธวัชชัย" ครับ
ขอให้คุณหมอมีความสุขกับอาชีพที่ประเสริฐนี้ครับ
เป็นกำลังใจให้กับทางเลือกท่ี่คุณหมอตั้งใจเลือกเองครับ
ขอให้มีความสุขมากๆครับ
พี่รุ่งก็กำลังจะวางหัวโขนเหมือนกันเลย จะเลือกทางที่ชอบ ที่อยากทำจริงๆ พร้อมนับถอยหลังค่ะ
ไม่ว่าจะมีหัวโขนเป็นอะไร น้องหมอป.ก็คือคน"พิเศษ"ของบ้าน GotoKnow ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เรามีตัวตนที่เราทุกคนต่างก็รับรู้ได้จากสิ่งที่เราสื่อสารออกมาด้วยความปรารถนาดีต่อกันและพร้อมจะเข้าใจกันเสมอค่ะ เชื่อว่าทุกก้าวย่างของน้องหมอป. จะเป็นก้าวย่างที่มีสติ รู้ตัวอยู่เสมอค่ะ
เพิ่งเห็นนวัตกรรมปุ่ม 'ขอบคุณ' ดีจังคะ :)
อยากฟังความคิดของอาจารย์เรื่องการเปลี่ยนผ่านเช่นกันคะ
ไม่ว่าคุณหมอจะเดินกลับไป ย้อนกลับมา คุณหมอก็ยังคงเป็นกัลยาณมิตรของผมตลอดไป ;)...
ขอบคุณคะ เฝ้าติดตาม ชีวิต นักวิชาการอิสระ ของอาจารย์อยู่คะ
อะไรทำให้อาจารย์ตัดสินใจมาเป็นนักวิชาการอิสระคะ ?
แต่ดูแล้วอาจารย์มีความสุข ในสิ่งที่ทำเสมอ
เป็นกำลังใจให้กับการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงคะ
แม้ไม่มีอะไรการันตีว่า ทางที่เลือกจะนำไปสู่ชีวิตแบบที่เราต้องการ
แต่ที่แน่นอนคือถ้าเรายังไม่เปลี่ยน วันนั้นย่อมไม่มาถึง
สู้ๆ คะ
ขอบคุณในคำอวยพรให้มีสติคะ อยู่ๆ ก็คิดถึง ดร.ปริม ทัดบุปผา ขึ้นมาอีกท่าน
การเปลี่ยนแปลง จุดประกายให้สนใจเรื่องของ สติและ spiritual health ยิ่งขึ้นคะ
ยังศรัทธาใน Palliative care เพียงแต่ เปลี่ยนวิธีเดินจากแข็งกร้าวมาสู่ความนอบน้อมต่อธรรมชาติของโลกยิ่งขึ้นคะ
ยังอยู่ใกล้ๆ ชนชามข้าวซอยได้อยู่นะคะ อาจารย์ ;)
ขอบพระคุณคุณหมอป.มากครับ อ่านบันทึกนี้แล้วสะท้อนความคิดในตัวผมเช่นกัน ผมคิดได้เช่นกันตอนผมป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ แต่ติดตรงที่ต้องใช้ทุนอีก 3 ปี ผมส่งกำลังใจ แรงบันดาลใจ และความสุขใจให้คุณหมอป.เสมอครับผม
เรียนอาจารย์ หมอป. ลุงวอก็จะเปลี่ยนผ่านเป็นคนว่างงานในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
งั้นเดี๋ยวเค้าหาเวลาก่อนน้า คุณหมอ ;)...
ไปแน่ ๆ
ทุกทางที่ก้าวย่าง
ทุกอย่างที่ตรึกตรองแล้วทำ
ดีงามที่ใจเรา
ยินดีด้วยนะคะ คุณหมอ ป. ^_,^
อ่านแล้วได้หันกลับมามองตนเอง.....ทบทวนหลายสิ่งอย่าง อย่างรอบด้าน....
ได้แนวคิด ชีวิตและความสุข......ที่ลงตัวในแบบของเรา.....
ขอบคุณบันทึกดีดีค่ะ
เพิ่งทราบว่าอาจารย์เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ
ขอส่งกำลังใจให้คนดีมีคุณภาพอย่างอาจารย์
ช่วงมีเวลานี้ ได้กลับไปอ่านหลายบันทึกที่อาจารย์ให้ความสำคัญกับ ความสมดุลย์ กาย ใจ จิตสังคม
และทำให้นึกถึง วิถีเซน ว่าปาฎิหารย์หาใช่การเหาะเหิน เดินอากาศ
แต่อยู่ที่ 'เมื่อหิวก็กิน เมื่อง่วงก็นอน เมื่อเดินก็รู้ว่าเดิน"
ระหว่างเรียนประสาทวิทยา คลังบันทึกของอาจารย์จะเป็นสิ่งมีค่ามากๆ คะ :)
สวัสดีคะ น่าจะเรียกว่า ว่างเพื่อได้เลือกงานที่ชอบนะคะ :)
ไม่ว่าเราจะเลือกทางไหนในทางสาม สี่ หรือห้า..แพร่งของเรา
เรายังคงเป็นเรา มีจิตวิญญาณแห่งตน และมั่นคงกับอุดมการณ์ เจตนคติ ทัศนคติของตน
เชื่อมั่นในตัวน้องหมอป. ค่ะ
หนังสือ จิตวิญญาณแห่งความเป็นครู ยังเก็บไว้เป็นอย่างดีคะ
สวัสดีคะ ดร.จอย ผู้เขียน อิสรภาพทางวิชาการ อย่างน่าสนใจ http://www.gotoknow.org/posts/551492
ยินดี ชื่นชม และขอบพระคุณมากครับคุณหมอป.ที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และให้กำลังใจในหลายๆบันทึกของผม ใช่ครับ เวลามีคุณค่าเสมอเมื่อเราได้เรียนรู้ความสุขผ่านจิต ใจ กาย และสังคม อย่างมีสติ (เข้าใจตัวเอง) เมตตา (เข้าใจผู้อื่น) และปัญญา (รอบรู้ในความจริงตามธรรมชาติ) ดังเช่นวิถีพุทธในหลายๆรูปแบบครับ
ทำงานถึงความสำเร็จ..ด้วยจิต..ว่าง..เป็นพลังบวก..แห่งกาลเวลา..ที่ไม่แบ่งแยก..อิสระเป็นไท..กับตัวเอง..สร้างสุข..เสมอต้นเสมอปลาย...(ท่านพุทธทาส)...ขอให้ประสพแด่ความสุข..เจ้าค่ะ..ยายธี
มาแจ้งคุณหมอ ป ว่า
เลือกที่จะออกมา
มีอิสระ ชอบการสอน แต่ไม่ชอบระบบครับ
บางทีเราอาจไม่เหมาะกับระบบแบบนี้
ทำอะไรก็ได้ที่มีความสุขครับ...
เป็นคำให้กำลังใจที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยพลัง
การที่มีใครสักคนเชื่อมั่นในจิตวิญญาณ เป็นสิ่งมีค่าจริงๆ ในภาวะสังคมที่แข่งขันกันเช่นนี้คะ
ทำให้นึกถึงข้อความนี้
"..อิสรภาพนั้นมีสองด้าน ด้านแรกคืออิสรภาพจากอะไร และด้านที่สองคืออิสรภาพเพื่ออะไร คนส่วนใหญ่มักให้ความสนใจในอิสรภาพแบบแรก คือเป็นอิสระจากสิ่งนั้นสิ่งนี้ อิสระจากพันธนาการที่มีอยู่ ...แต่เพื่ออะไรกันล่ะ? มันเป็นอิสรภาพทางด้านลบเท่านั้น หากท่านรู้จักแต่อิสรภาพจากอะไรบางอย่าง แสดงว่าท่านยังไม่ได้รู้จัก "อิสรภาพที่แท้จริง"
จาก 'Freedom อิสรภาพ' Osho/ประพนธ์ ผาสุขยืด
ขอบคุณคะ
จากสวนโมกข์สู่สวนพลัม
ช่วงนี้ถวิลหาคำนี้กับคิดถึงคุณปริมขึ้นมา :)
ไม่นึกว่าคนอยู่เมืองไทย จะเป็นอย่างนี้ด้วยด้วยกัน
เวลามันผ่านไปเร็วมาก นับกันที่ละสิบปี เผลอๆก็เกษียณกันไปหมดแล้ว
อยู่กับคนที่เรารัก งานที่เราชอบ ก็ถือว่าโชคดีแล้วครับ
บางการเปลี่ยนแปลง เป็นความตั้งใจ...
บางการเปลี่ยนแปลง เป็นไปโดยไม่ตั้งใจ...
แต่เราต้องเดินหน้าไปอย่างมั่นคง มิฉะนั้นเราจะล้ม
เข้าใจ และ ยินดีด้วยค่ะ....
ทำงานที่เรารัก อย่างมีสติ ทำทีละอย่าง อย่างดีที่สุด
ขอบคุณที่แวะมาให้ข้อคิดคะ
ถอดรหัส หมายถึง มองไปข้างหน้า ใส่ใจกับปัจจุบัน ใช่ไหมคะ ขอบคุณมากค่ะ :)
ผมสัมผัสถึง...เรื้อนของความสุขจากหัวใจของคุณหมอ ป
และมองเห็นภาพรอยยิ้มของคุณพ่อ หมอ ป. ด้วยเช่นกัน
..
ขอเป็นหนึ่งแรงใจที่ส่งผ่าน ...สังคมแห่งนี้ นะครับ
อ่านเรืองราวของหมอ ป
ทำให้พี่แก้วนับถือ ถึงความเด็ดเดี่ยวของคุณหมอ ป
ทำให้พี่แก้ว คิดถึงชีวิตที่เป็นอิสระเสรีเช่นกัน
ขอบคุณ จริงๆๆ
การทำงานที่เช่นนี้ทำให้เราเข้าใกล้ความเป็นธรรมดามากที่สุด^^
พี่เชื่อเช่นนั้น...
ขอชื่นชมในสิ่งที่หมอป. ทำอยู่นะครับ โดยเฉพาะในเรื่องของ palliative care สำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้าย