ชาววังเทววะเวสม์ (๑)
ในยุคที่ประเทศไทยเปิดเสรีทางการค้าและการเงิน เพื่อรองรับการ
เติบโตทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด ที่เราคุ้นชินกับการเรียกขานกันว่า
กำลังเป็นหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนา"EmergingCountries"...เป็น
หนึ่งในประเทศอุตสาหกรรมเกิดใหม่"NICs"..เป็น.."เสือตัวที่ ๕"ฯลฯ
ดังนั้นนโยบายด้านการเงิน และกำกับสถาบันการเงิน จึงต้องมีการ
พัฒนาให้ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้ง
การเข้ามาลงทุนจากต่างประเทศ และการตื่นตัวของธุรกิจในประเทศที่
มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากมายอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน
ในช่วงนั้น ข้าพเจ้าถูกย้ายงานจากฝ่ายวิชาการ มาอยู่บริเวณวัง
เทวะเวสม์ ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรม
พระยาเทววงศ์วโรปการเพื่อรับผิดชอบในงานท้าทายความสามารถ
แตกต่างจากลักษณะงานเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยมาดำรงตำแหน่งเป็นรอง
ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับและพัฒนาสถาบันการเงินซึ่งเป็นฝ่ายที่แยก
ออกมาจากฝ่ายตรวจสอบสถาบันการเงินหน้าที่หลักๆ คือการพัฒนากฏ
เกณท์การกำกับสถาบันการเงิน รวมทั้งการร่วมพิจารณาตั้งองค์กรเกิด
ใหม่ในการกำกับธุรกรรมทางการเงิน ประเภทหลักทรัพย์และธุรกิจหลัก
ทรัพย์(กลต.) เพื่อรองรับเสถียรภาพสถาบันการเงินในยุคโลกาภิวัฒน์
ทำงานได้ไม่นาน ธปท.ได้ส่งข้าพเจ้า ไปสัมมนาด้านการบริหาร
งานกำกับตรวจสอบณสถาบันประกันเงินฝาก ที่ มลรัฐเวอร์ยิเนีย
ประเทศสหรัฐอเมริกา(Commission Examinenors @ Federal
Deposit InsuranceCorporation,FDIC) เพื่อเป็นพื้นฐานการเตรี
ยมการในการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากด้วยมาตรฐานสากลเป็นครั้ง
แรกในประเทศไทย
ต่อจากนั้นระยะหนึ่ง ได้บินข้ามไปทวีปยุโรป ที่กรุงเจนีวา อีกหลาย
ครั้ง เพื่อเป็นผู้แทนธนาคารกลาง ในคณะผู้แทนเจรจาการค้าและการ
เงินรอบอุรุกวัยที่ภายหลังปรับระดับเป็นการเจรจาในWorld Trade
Organization (WTO)ซึ่งต้องยืนหยัดท่าทีของประเทศเล็กๆอย่าง
เข้มแข็ง อันพึงสงวนข้อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับการที่ธุรกิจต่างด้าว
จะเข้ามาดำเนินธุรกิจกิจการเงินเชิงรุกในประเทศไทยซึ่งแม้การต่อ
รองมักจะถูกกดดันมากมายจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่าง
สหรัฐอเมริกา และยุโรป แต่ช่วงนั้นการเจรจาต่อรองสามารถผ่านพ้นไป
ด้วยดี ในลักษณะ"ยืนกระต่ายขาเดียว"ที่ยังจำกัดจำนวนธนาคารต่าง
ชาติไว้ในระดับที่เหมาะสมจนถึงปัจจุบัน
นับเป็นประสบการณ์ที่สร้างบทเรียนหลายประการในการรู้เท่าทัน
ประเทศคู่ค้า ที่พยายามหาช่องทางได้เปรียบทุกด้าน โดยเฉพาะธุรกิจ
การเงินที่ประเทศไทยยังอ่อนด้อยในความหลากหลายของประเภท
ธุรกิจและความเชี่ยวชาญ ข้าพเจ้าจดจำได้ดีว่า การประชุมเจรจาต่อรอง
ด้านการเงินในขณะนั้นท่ามกลางความพร้อมและการผนึกกำลังของกลุ่ม
ประเทศพัฒนากลุ่ม " G10" แบบ"สิบต่อหนึ่ง"ที่ผู้แทนรัฐบาลของพวก
เขาได้ออกหน้า นำข้อเรียกร้องมากมายของภาคเอกชน มายื่นข้อเสนอ
เชิงรุกในขณะที่ประเทศไทยหนึ่งเดียวกลับต้องคิดแทนภาคเอกชนที่
ขาดความกระตือรือล้น และความพร้อมที่เท่าเทียมกับเขาข้าพเจ้าจึง
ต้องหาทางออก ด้วยการวิ่งไปหารือนอกรอบ เกาะกลุ่มเจรจาในแนว
เดียวกับประเทศใน ASEANที่เคยมีประสบการณ์อันเจ็บปวดในการเป็น
อาณานิคมของประเทศตะวันตกมาแล้วเป็นเวลายาวนาน จึงไม่ยอมเสีย
เปรียบในการเจรจาต่อรองแต่อย่างใด
โปรดติตามอ่านต่อ คลิ๊กที่ :คนทำงานสามวัง (๖)
................................................................................................................................
ชอบและชื่นชม 1 ความมุ่งมั่นในการทำงาน
2 ความเป้นผุ้ใหย่ที่เสียสละ
3. การแต่งกาย สุภาพเรียบร้อยเหมาะที่จะเป้นแม่พิมพ์ของชาติแบบฉบับ
ของครูมากที่สุดเลยค่ะ นี่คือคุณค่าของ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ครูหยินประทับใจ
ซาบซึ้ง..อยากทำตามในความดี...แต่คงไม่ได้ถึงปานนั้น..ไกลเกินไปสำหรับครูหยิน
เป็นวิถีการทำงานเป็นแบบอย่างที่งดงามให้คนรุ่นหลังได้เดินตาม...
ขอบคุณบันทึกคุณภาพแห่งการทำงานที่อาจารย์พี่ใหญ่นำมาถ่ายทอดครับ
เป็นบทเรียนที่มีค่ามากครับพี่ใหญ่
งานรับผิดชอบมากเลยครับ
การพัฒนากฏเกณท์การกำกับสถาบันการเงิน รวมทั้งการร่วมพิจารณาจัดตั้งองค์กรเกิดใหม่ในการกำกับธุรกรรมทางการเงิน ประเภทหลักทรัพย์และธุรกิจหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อรองรับเสถียรภาพสถาบันการเงินในยุคโลกาภิวัฒน์
เข้าใจเลยว่า กระต่ายขาเดียวเป็นอย่างไร
การหารือนอกรอบเป็นกลยุทธ์ที่ดีมากเลยครับ
ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้
สวัสดีค่ะ คุณนงนาท
- ประสบการณ์ ในอดีต เป็นบทเรียนที่ต้องถอด เพื่อประโยชน์ใช้ให้เหมาะกับ บริบท ที่เปลี่ยนแปลงไป.....
- ขอชื่นชม ในการถอดบทเรียน ได้อย่างน่าสนใจค่ะ
ชื่นชม..เจ้าค่ะ..."ประสพการณ์ อันเจ็บปวดในการเป็น..อาณานิคม..ของประเทศตะวันตกมาเป็นเวลายาวนาน..จึงไม่ยอมเสียเปรียบในการต่อรองแต่อย่างไร"...
ถึงเวลาแล้วหรือยังเจ้าคะ..ที่ ภาค เอกชน..จะมี..ความตื่นตัว..ตน..มี สำนึกจากออก.(.ก้นบึ้งที่..ถูก..ครอบคลุม.)..มีความกระตือรือร้นและมีความเท่าเทียมกะ เขา..ที่..จะต่อรอง...สร้าง..คุณภาพ..ชีวิต.."สกุล..อาเชี่ยน..ที่มีอำนาจและสิทธิภาพศักษยภาพมนุษยธรรม..อิสระเสรี..เท่าเทียมเสมอภาค..ในเรื่องเศษฐกิจและสังคม.)...ยุคใหม่..กัน...กับ..กลุ่มประเทศในตะวันตก..
รูปพี่ใหญ่ ... รูปนี้้้สวยมากๆค่ะ ....
ขอบคุณ ความรู้ใหม่และบันทึกดีดีนี้ค่ะ
บอกได้คำเดียวว่า "ทึ่ง!" ค่ะ พี่ใหญ่
ตามอ่านเก็บเป็นความรู้ค่ะ พี่ใหญ่สวยมากค่ะ
อ่านทีไรก็ชื่นชมความสามารถครับ
Smart Lady ตัวจริง ครับพี่ใหญ่...
ขอน้อมนำมาคิดกับการดำเนินชีวิตครับ
ติดตามอ่านด้วยความชื่นชมนะคะพี่นงนาท...
ชอบอ่านบันทึกของพี่ใหญ่ แม้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเข้าใจนักก็ตามค่ะ
สวัสดีค่ะ พี่ใหญ่
ภาคภูมิใจในตัวพี่ใหญ่จังเลยค่ะ เก่ง มีคุณธรรม และสง่างามมากเลยค่ะ
ด้วยรัก
Bright lily
แวะมาเรียนรู้ และฟังประสบการณ์ชีวิตคุณครูพี่ใหญ่ครับผม
ขอบพระคุณครับ...
-สวัสดีครับป้าใหญ่..
-ตามมาอ่านบันทึกครับ
-เคยได้ยินเกี่ยวกับ"การเป็นเสือตัวที่ 5 "เหมือนกันครับ
-ขอบคุณป้าใหญ่ที่นำเรื่องราวและภาพบรรยากาศในวันวานมาฝากนะครับ..
-ขอบคุณครับ..
ขอบคุณพี่ใหญ่มากค่ะ ความสงสัยทำให้หนูต้องลองอ่านใหม่อีกที
สวัสดีค่ะคุณใหญ่...ติดตามอ่านมาได้๕บันทึกประทับใจมากค่ะได้มุมมองและแบบอย่างหลายๆมุมค่ะ
ขอบคุณค่ะ...