ดูหนังแล้วมานั่งคิด....


การที่เรามัวแต่ฝักใฝ่ในความกลัว ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลง และขจัดความกลัวออกไป ท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น

สวัสดีครับ....



     เดือนนี้ผมได้ไปดูหนังมา 2 เรื่องตลอดเวลาการทำงานอาทิตย์นี้ โดย 2 เรื่องนั้น ความเหมือนกันคือความสนุกและตื่นเต้น และเนื้อเรื่องที่ทันสมัยตื่นเต้นตลอดเวลา  แต่นอกจากความสนุกแล้วผมได้ของแถมมาอีกนั่นก็คือ "ความคิดของผมเองที่มีต่อหนัง" ผมขอนำไปสู่ทั้ง 2 เรื่องครับ 










After Earth (สยองโลกร้างปี) .....


                                      มนุษย์ทำลายโลกจนปนปี้ แล้วหนีไปอยู่ดาวอื่น
                          แต่ก็เหมือน "เคราะห์ซ้ำ" เพราะมี 2 พ่อลูก ขี่ยานมาตกบน "โลก" อีกครั้ง
                  "กรรมยังมาซัด" ต่อด้วยการที่ โลกดันมีแต่สัตว์ประหลาด และมนุษย์ "อยู่ยาก" เสียแล้ว ..

     หนังเรื่องนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพ่อลูก ที่เกิดขึ้นเมื่อนายพล ไซเฟอร์ เรจ กับลูกชาย คีไต ที่แทบจะไม่สนิทกันอย่างพ่อลูกคู่อื่นเขาเลย คีไตพยายามทุกอย่างเพื่อให้เป็นแบบที่พ่อเป็น โดยปมในใจตอนเด็กที่พี่สาวถูกฆ่าโดยสัตว์ประหลาด จากการที่พ่อยุ่งอยู่กับหน้าที่การงานตลอดเวลา แต่เหตุการณ์จำให้ 2 พ่อลูกนี้ต้องอยู่ด้วยกันจากภารกิจ...จำเป็นต้องมาต่อสู้เพื่อความอยู่รอดร่วมกัน เมื่อพวกเขาประสบอุบัติเหตุ ติดอยู่บนดาวโลกที่มนุษย์ทอดทิ้งไปเสียนาน จนกลายเป็นดาวลึกลับอันตรายไปเสียแล้ว

      ซึ่งจากการที่ไซเฟอร์บาดเจ็บ ทำให้คีไตต้องเป็นคนคอยดูแลพ่อของเขา พร้อม ๆ กับเป็นผู้นำในการหาทางรอดจากสถานการณ์นี้ไปด้วย และสิ่งนี้เองที่จะเป็นบททดสอบว่าคีไตนั้นมีความสามารถมากพอจะเป็นทหาร เหมือนพ่อ อย่างที่เขาฝันเอาไว้ได้หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นสายสัมพันธ์ของพ่อลูกก็จะค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเช่นกัน คือความรักคือความผูกพันธ์ของพ่อคนหนึ่งที่มีต่อลูก... ในหนังบอกถึงความรักมากมายเหลือเกิน แม้หลายๆมุมมองมองเรื่องของหนังที่เบาบางไม่มีฉากหนัก แต่สำหรับผมมองว่า 

After Earth :บอกผมว่า


     สื่งที่ประโยคหนึ่งที่พ่อสะท้อนต่อลูก เราต้องรู้ว่าความกลัวอาจไม่ใช่ความจริง แต่มันผลมาจากความคิดเราที่สร้างขึ้นมา คุณเข้าใจไม่ผิดหรอกที่จะบอกว่า สิ่งที่อันตรายที่สุดคือความเป็นจริง แต่ความกลัวนั้นมันเป็นแค่ทางเลือก.. หรือประโยคง่ายๆคือ "การที่เรามัวแต่ฝักใฝ่ในความกลัว ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลง และขจัดความกลัวออกไป ท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น"    หรือจากที่หนังบอกว่า 

  •  เร้จ รู้จักลูกชายของตัวเองใน ภารกิจ
  • วิล สมิธ รู้จักลูกชายของตัวเองใน หนัง
ทั้งสองคน พยายามเลี้ยงลูกในแบบของตัวเองในที่สุดพวกเขาก็จะได้รู้ว่า "ลูกชาย" ของพวกเขา "พร้อม" รับมือกับ "โลก" นี้ได้หรือไม่ ... ผมมองถึงความเป็นเนื้อเดียวของพ่อและลูกคู่นี้ในการสร้างหนัง....




Man of steel 




     Superman เป็นตัวละครที่อยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดมา Clark Kent/Kal-El (Henry Cavill) เป็นนักข่าวหนุ่มที่อายุราว ๆ 20 ผู้ที่มีอำนาจและพลังเหนือคนอื่น เขาถูกส่งมาจาก Krypton ที่ซึ่งห่างไกลจากโลกมาก ให้มาอยู่ในโลก Clark ต่อสู้ดิ้นรนอย่างที่สุดกับคำถามที่ว่า "ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?" Clark เป็นลูกชายบุญธรรมของ Martha (Diane Lane) และ Jonathan Kent (Kevin Costner) Clark ค้นพบว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษเกินมนุษย์ธรรมดา เพราะเมื่อโลกต้องการความมั่นคง หรือแม้แต่จะเกิดการคุกคาม Clark ก็จะกลายเป็น Man of Steel, เพื่อที่จะปกป้องคนที่เขารักและจะส่องแสงเหมือนกับว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความ หวัง (ที่มา www.sanook.com) 


   

     เรื่องนี้พึ่งดูเสร็จสดๆร้อนเมื่อเย็นของวันนี้ ดูเสร็จแล้วก็มานั่งจิ้มๆ ที่มือถือตัวเองดูเพื่อเก็บความรู้สึกจากหนังและบรรยากาศที่กำลังสดๆ ว่าคืออย่าไร พร้อมกับกับลองนั่งเล่นๆ AAR กับเพื่อน  ทุกคนดูแล้วมันคืออะไรแต่ละคนคิดว่าอย่างไรบ้าง ส่วนตัวผมนั้นก็คิดอย่างที่เอาภาพมาแปะไว้ครับ ... แต่เป็นการคิดที่เรียกว่าคิดชั่วขณะนั้นเลยก็ว่าได้ หรือเป็นแบบที่เรียกว่าปิ๊งแว๊บขึ้นมา ..อย่าถือว่าผิดหรือถูกเลยครับ แต่มันคือความสนุกของหนังเรื่องนี้ที่กำลังสื่อมาถึงผม

     หรือหากมองที่พี่เอกจตุพรมองนั้น : "มองข้อดีของคนอื่น
เรียนรู้และฝึกตนเองให้มีข้อดีนั้น"หรือในฉากบาทหลวงบอกกับ Kent ว่า"ศรัทธา นำมาซึ่งความไว้วางใจ"ในขณะที่ Kent กำลังเดินออกไปจากโบสถ์







บันดาลใจจากหนัง...

     หรือหากดูหนังแล้วเก็บประโยคเด็ดๆจากหนังทั้ง 2 เรื่อง เราจะพบว่า...พลังใจมันเบ่งบาน และขอแบ่งปันทุกท่านครับ แต่เดือนนี้เองหนังหลายเรื่องเชียวเข้าที่ขะเข้ามาน่าสนอยู่ 

  1. "การที่เรามัวแต่ฝักใฝ่ในความกลัว ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลง และขจัดความกลัวออกไป ท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น
  2.  เร้จ รู้จักลูกชายของตัวเองใน ภารกิร วิล สมิธ รู้จักลูกชายของตัวเองในหนัง
  3.  "มองข้อดีของคนอื่นเรียนรู้และฝึกตนเองให้มีข้อดีนั้น
  4. "ศรัทธา นำมาซึ่งความไว้วางใจ
  5. โอกาสหรือความสามารถมาพร้อมหน้าที่และเวลาที่เหมาะสม 



ผมขอจบท้ายบันทึกนี้ด้วยประโยคนี้ครับ...

The only to stay of trouble to grow old.หนทางเดียวที่จะอยู่ห่างความยุ่งยาก คือการทำตัวเป็นผู้ใหญ่

The lady from Shanghai

หมายเลขบันทึก: 539459เขียนเมื่อ 15 มิถุนายน 2013 21:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2013 21:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

ตั้งใจจะไปดู Super Man พรุ่งนี้ค่ะ เห็นใคร ๆ ชื่นชม ทำให้ไม่พลาดแน่ค่ะ 

  ดีครับในหนังเรื่องนี้ทั้งเนื้อหา และการนำเสนอสอดคล้องกันนะครับพี่ศิลา ..ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับพี่.. 

ที่ประจวบฯ ไม่มีโรงหนัง  คริ  คริ

เลยไม่ค่อยได้ดูหนัง  ถ้าจะดูหนังสักเรื่องต้องไปถึงหัวหิน 

ปกติเป็นคนไม่ชอบดูหนัง  แต่บางครั้งต้องอดทนเข้าไปดูเป็นเพื่อนลูก ๆ 

จริง ๆ แล้ว  ถ้าดูหนังดูละคร  แล้วย้อนคิด  ก็จะได้ประโยชน์จากการดูทั้งสิ้น


  ขอบคุณครูมากครับ หากดูสนุกหนังที่ไปดูมา 2 เรื่องสนุกดีครับ แต่อยากรู้เขาซ่อนอะไรไว้..หรือแม่แต่ละละคร 5 สิงห์จุฑาเทพก็สอดแทรกเนื้อหามากมายหากมามองคิดเอง ผมดูเรื่องคุณชายพุฒิภัทรก็ได้บทเรียนในวิชาชีพ หรือท่านอื่น  เอามาเล่าต่อจะสนุกมากและ recall ตกผลึกร่วมกันแลกเปลี่ยนเพื่อนๆ พี่ๆนะครับ สุขสันต์วันหยุดครับครู

ไม่ได้ดูหนังมานานมากแล้ว.. แต่ตอนนี้ชักอยากจะดูซะแล้วซิ ^__^

ขอบคุณน้องลูกหมูเต้นระบำมากๆๆๆๆ เลยค่ะ 

 ขอบคุณพี่คุณระพีครับ..ที่เข้ามาเยี่ยมชมไปดูแล้วมาแบ่งปันกันบ้างนะครับพี่...

เยี่ยมมากคะ อยากให้เด็กๆคิดฝึกคิดแบบนี้บ้าง

...เป็นคนที่ไม่ชอบดูหนัง...แต่อ่านแล้วสนุก...และน่าดูนะคะ...ขอบคุณค่ะ

  ขอบคุณมากครับพี่ที่เข้มาเยี่ยมชมและเป็นกำลังใจกันครับ.. 

  พี่ ดร.พจนาครับขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ.. หลายเรื่องน่าคิด .. 

คุณลูกหมูได้มากมากการดูหนังจริง ๆ เลยนะครับ

ชอบบันทึกสไตล์นี้ของคุณลูกหมูมากนะครับ

...

ขอบคุณครับ

คุณลูกหมูได้มากมาก กว่าการดูหนัง  จริง ๆ เลยนะครับ  มีสาระแฝงมามากมาย ชื่นชมครับ

  ของคุณพี่แสงครับ ที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับ.. 

  • วันก่อนออกจากบ้านจะไปดู After Earth ไปดูเพราะเป็นแฟน สองพ่อลูก Smith แต่ไม่ทันรอบต้องไปดู Now You See Me แทน  
  • ชอบดูหนังแนววันสิ้นโลกพอสมควร มันให้ข้อคิดเยอะัดี  เรื่องแรกๆ นานมาแล้วก็พิภพวานร ตอนจบที่กล้องแพนมาถึงรูปปั้นเทพีสันติภาพแล้วจบนี่ให้อารมณ์น่าสะพรึงกลัวมาก
  • พี่ดูหนัง superman ทุกภาคค่ะ  พี่ติดภาพตาใสซื่อ ยิ้มมุมปากของคริสโตเฟอร์ รีฟ  ซะจนไม่อยากดูคนอื่น ดูแล้วคิดถึงเขาค่ะ
  • พี่ติดใจคำถาม "มนุษย์อยู่เพียงลำพังในจักรวาลหรืิอไม่"  มาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ แอบเพ้อฝันอยากเจอเพื่อนจากต่างดา่ว   ไม่แน่นะอีกพันปี (ถ้าโลกไม่แตกซะก่อน มนุษย์โลกอาจได้เขียน s-mail คุยกับเพื่อนต่างดาว)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท