น้ำท่วมแล้ว...อยู่ทำไม?? อพยพเถอะ!!!
ในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก็เป็นจุดแรกๆ ที่น้องน้ำแวะเวียนมาทักทาย พื้นที่สำคัญอีกจุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่น้ำเอ่อล้นสูงกว่า ๑ เมตร จนหลายคนพร้อมใจกันบอกว่า "อพยพเถอะ!!!" แต่พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ปฏิเสธความหวังดีนั้นพร้อมยืนยันว่า แม้ทางการจะตัดน้ำตัดไฟ ก็จะพยายามประคับประคองให้สามารถอยู่ต่อไปได้
"เราไม่ไปไหนหรอก เพราะเราเป็นจุดศูนย์กลางความช่วยเหลือของชุมชนวังน้อย ถ้าเราทิ้งไปใครจะดูแลพวกเขา พวกเราก็ท่วมเท่าเทียมกันหมด ตอนนี้เราภูมิใจว่าการที่เราเลือกที่จะอยู่ต่อสามารถเป็นที่พึ่งของชุมชนประมาณ ๒,๐๐๐ กว่าครอบครัวที่เป็นทั้งพุทธและมุสลิมได้"
วิกฤติน้ำ คือโอกาสให้เราได้ทำบุญ
ในความเป็นจริงการอยู่กับน้ำไม่ได้มีความทุกข์เสียทั้งหมด ผู้ช่วยอธิการฯ ย้ำว่า หากไม่หนีน้ำก็ต้องปรับตัวอยู่กับน้ำให้ได้ เนื่องจากชีวิตคนเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เมื่อต้องอยู่ให้ได้ มหาวิทยาลัยก็ตัดสินใจสร้างสะพาน เพื่อเชื่อมโยงระหว่างคนอยู่กลางน้ำกับคนอยู่บนดินให้ไปมาหาสู่ได้ เชื่อมทุกตึกด้วยสะพาน
นอกจากนี้ก็ต้องสลับบทบาทที่เคยเป็นมา แม้แต่พระเองก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาวะที่เป็นอยู่ เช่น พระเป็นคนขับเรือยนต์รับ-ส่งญาติโยม พระใส่บาตร(มอบอาหาร)ให้ญาติโยม พระพาโยมไปส่งโรงพยาบาล ฯลฯ
"อาตมายังนึกขอบคุณสายน้ำที่ทำให้พระได้มีโอกาสทำบุญ ขอบคุณสายน้ำที่ทำให้มหาจุฬาฯ ได้ใกล้ชิดกับชุมชนมากขึ้น เราเป็นผู้ประสบภัยแต่ในขณะเดียวกันเราก็มีโอกาสได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ด้วยกันเอง เด็กๆ ในชุมชนก็ไม่ขาดเรียน มีครูจากโรงเรียนจิตรลดามาสอนหนังสือให้ ถือเป็นความโชคดีของเด็กบ้านนอกท่ามกลางสายน้ำ ที่ได้เรียนกับครูจากจิตรลดา นี่คือบรรยากาศที่เราช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และเกิดความสุขได้"
อยู่กับน้ำให้เป็นไม่เห็นทุกข์
สายน้ำมักพาความเครียดมาด้วย สโลแกนของพระอาจารย์ท่านนี้คือ "อยู่กับน้ำให้เป็นไม่เห็นความทุกข์" เมื่อน้ำหลากมาก็ท่วมเพียงชั่วคราว แต่สิ่งที่ทุกข์กว่าคือน้ำท่วมใจคน มีทั้งน้ำความโลภ ต่างคนก็ต่างตุนน้ำดื่ม-อาหารจนขาดตลาด ต่อมาคือน้ำความโกรธ เห็นความเสียหายมากมายก็พาลโมโห นั่งเครียดนั่งด่ากันในเฟซบุ๊ค สุดท้ายคือน้ำความหลง หลงทางไม่รู้จะจัดการกับชีวิตอย่างไร
เหล่านี้ นำความทุกข์ทรมานมาให้ แต่ไม่ว่าน้ำจะพัดสมบัติอะไรก็ให้พัดไป แต่อย่าให้พัดพาชีวิต ความหวัง กำลังใจไปด้วย เราควบคุมน้ำไม่ได้แต่เราควบคุมจิตใจของเราได้ เราจึงต้องอยู่กับน้ำได้อย่างกลมกลืนสอดคล้อง เพราะน้ำไม่ใช่ศัตรู น้ำคือเพื่อน วันนี้เขามาเยี่ยมเรา มาค้างคืนกับเรา อาจจะหลายคืนหน่อย หรืออาจจะเป็นเดือน แล้ววันหนึ่งเขาก็จะจากเราไป เราจึงไม่ควรโกรธ และเกลียดน้ำ"
EM ใจ: บริหารอารมณ์และความรู้สึกบนสายน้ำ
เพราะหลักคิดดังกล่าว "ไม่ต้องไปโทษใคร อย่าไปหาจำเลยว่าคือใครที่น่าจะถูกลงโทษ เราไม่สามารถไปเปลี่ยนอะไรได้ เราหันมาเปลี่ยนชีวิตเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกของเราเองดีกว่า หากมวลน้ำโลภ โกรธ หลง มาเมื่อไหร่เราต้องเอา EM ใจ หรือ Emotion Management มากำจัดออกไป โดยการบริหารอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองว่า
(๑) ให้มองว่า สรรพสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน (อนิจจัง) น้ำอาจจะท่วมหรือไม่ท่วมก็ได้เพราะขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย แต่ประเด็นสำคัญคือ อย่าดำเนินชีวิตด้วยความประมาท ให้เตรียมตัวเตรียมใจยิ้มรับกับสายน้ำอย่างมีความสุข และรู้เท่าทันโดยการจัดลำดับความสำคัญว่าจะเก็บสิ่งของชนิดใดก่อนหลัง สิ่งของชนิดใดจำเป็นต่อดำรงชีวิตมากน้อยกว่ากัน หรือจะทำสิ่งใดก่อนหลัง
(๒) ให้มองว่า น้ำคงทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ (ทุกขัง) หากน้ำท่วมบ้านเรือนดังที่เราคิด และหวาดกลัว ไม่ว่าเราจะย้ายหรือเก็บตัวอยู่ในบ้านก็ตาม สถานการณ์น้ำมีขึ้นมีลงอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น หากวันนี้น้ำท่วม มิได้หมายความว่าจะท่วมอยู่ตลอดไป วันหนึ่งสถานการณ์จะค่อยๆ ลดดังจะเห็นได้จากหลายๆ พื้นที่ ประเด็นสำคัญการลดนั้น ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการให้ลด และลดลงโดยธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้ ในขณะที่รอวันและเวลา "น้ำลด" อย่าให้ความ "อดทนลดหายไปไปกับสายน้ำ"
(๓) ให้มองว่า บางครั้งสถานการณ์น้ำอยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ (อนัตตา) แต่เราสามารถควบคุมจิตใจของเรามิให้ทุกข์ไปกับสายน้ำที่กำลังโอบล้อมและซัดกระหน่ำได้ ด้วยเหตุนี้ จะเห็นว่า ธรรมชาติของน้ำมักจะไหลจากที่สูงสู่ที่ต่ำกว่า แต่เราจำเป็นที่จะต้องพัฒนาจิตใจของให้เราให้ไหลจากที่ต่ำกว่าไปสู่ที่สูงให้ได้ โดยการไม่กลัวสายน้ำ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับน้ำประดุจมิตรได้อย่างมีความสุข
ดูรายละเอียดการให้สัมภาษณ์ทางสื่อสิ่งพิมพ์และไทยพีบีเอสเพิ่มเติมได้จาก
http://daily.bangkokbiznews.com/detail/32229
http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9540000145793
http://www.youtube.com/watch?v=lnHvSGLNWsE&NR=1
http://www.thaipost.net/x-cite/251111/48652
http://talk.mthai.com/topic/324234
พุทธศาสตร์ให้ปัญญา มหาจุฬาฯให้ทางชีวิต ยามวิกฤตไม่ทิ้งกัน ยึดมั่นในหลักสติมา ปัญญาเกิด
กราบนมัสการครับ
ในที่สุด ก็ทราบกันแจ่มแจ้งครับว่า การอยู่กับน้องน้ำนั้นมีสิ่งที่ดีเหมือนกัน
ขออนุโมทนากับท่านครับ เป็นการเตรียมตัว ฝึกซ้อมกันสำหรับอนาคตด้วยครับ
การจะไปเยี่ยมท่านในวันนี้ ต้องนั่งเรือไปหรือไม่ครับ
เจริญพร ดร.ขจิต ท่านผช. สุพิมล และท่านพลเดช
กราบมนัสการพระคุณเจ้า
ดิฉันได้หลักคิดดีๆ จากบันทึกนี้มาก หลักธรรมะใช้ได้กับทุกสถานการณ์จริงๆ
จะหมั่นเตือนตนไว้ด้วย EM ใจค่ะ
เจริญพร โยมนุ่ย
มาเยี่ยมนมัสการพระคุณเจ้าขอรับ
ต้องกราบขออภัย พระคุณเจ้า ครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่เพียงได้เข้าไปช่วยเหลือร่วมสุขร่วมทุกข์ในตอนต้น (๑๑-๒๒ ตค) ช่วงที่น้ำมากการเดินทางลำบาก ก็ไม่ได้ไป หลังมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ตอนนี้หลบมาทำวิจัยเล่มใหญ่และปฏิบัติธรรม ที่ จว. เชียงใหม่เจ้าค่ะ เสร็จภารกิจแล้วก็จะกลับไปลุยช่วยแลให้กำลังใจกันใหม่ น้ำมา น้ำไป แต่น้ำใจชาว มจร.ไม่ได้มาไปเหมือนกับน้ำ คงอยู่คู่กับ มจร, เสมอไป เจ้าค่ะ ด้วยความห่วงใยเสมอ
ผศ. เสริมศิริ อัครพุฒิพันธ์ นิสิต ป.เอก ๒.๒ รุ่นที่ ๑
เจริญพร โสภณ และผศ.เสริมศิริ
ญาติธรรมทุกท่าน
ขอร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ
โยมทะเลภูเขา
นมัสการเจ้าค่ะ
พิจารณาไตรลักษณ์ตามไปด้วยตามที่พระคุณเจ้าว่า
สาธุ
นมัสการลา
กราบนมัสการพระคุณเจ้า ครับ
กระผมขออนุโมทนาด้วยนะครับ บันทึกนี้มีคุณค่าต่อจิตใจกระผมมากทีเดียว ให้ข้อคิดที่ดีมากๆ สาธุ ด้วยขอรับ
โยมณัฐรดา และโยมธนากรณ์
โยมณัฐรดา และโยมธนากรณ์
สรรพสิ่งบนโลกนี้
ล้วนมีวาระของตัวมันเอง
ชีวิตก็เหมือนดอกไม้หากจะเบ่งบานแย้มกลีบ
ก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่พร้อมแล้วเท่านั้น
เป็นกำลังใจให้ทุกชีวิตค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
เจริญพร โยมมุทิตา
อนุโมทนาขอบใจมากที่แวะเข้ามาแบ่งปันองค์ความรู้ดีๆ ในเวทีแห่งนี้