ตั้งแต่ผมได้อ่านหนังสือธรรมะ อะเมซิ่ง ปรมัตถธรรม และอีกหลายเล่มในกลุ่มเดียวกันของท่าน "สิริวรุณ" ก็ได้มีโอกาสมาทบทวนระบบคิดและแผนชีวิตของตัวเองมากขึ้น
ทั้งมิติของ
ของประเด็น การนำความจริงกว่า มาทดแทนความจริงเสมือน ที่จริงน้อยกว่า
ในกิจกรรม
โดยทำให้ผมได้มีความความเข้าใจ และตระหนักชัดเจนขึ้นมาก ว่า
ชีวิตเราทั้งหลาย อยู่ภายใต้กฎต่างๆของธรรมชาติ
ที่เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้มาสอนพวกเรา
และข้อหนึ่งที่ผมกำลังคิดว่าสำคัญมาก ก็คือ "อนัตตา"
ที่ตามความเป็นจริงนั้น
การเลือกทั้งหมด
ที่ทำให้ชีวิตเราเบามากขึ้นตามระดับความเข้าใจ
ถ้าเข้าใจมากก็เบามาก เข้าใจน้อยก็ยังหนัก
เช่น ในการทำการเกษตร ทำนาแบบพยายาม "ที่จะไม่ลงทุน" ที่ผมลองทำเป็นตัวอย่าง
ผมพยายามเสนอให้เห็นตัวอย่างที่สำคัญ คือ "นาขี้เกียจ" ที่บางคนไม่เข้าใจ คิดว่าผมไม่ทำอะไรเลย ซึ่งไม่ใช่แน่นอน
ผมพยายามแสดงให้เห็นว่า
มันเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆทางเลือกในการดำเนินชีวิต การเลี้ยงชีวิต และการประกอบอาชีพ
และ ชีวิตเรามีทางเลือกมากมาย
คนที่บอกว่าตัวเองไม่มีทางเลือกนั้น ต้องพยายามทบทวนว่าจริงหรือเปล่า
กำลังหลอกหรือโกหกตัวเองหรือเปล่า
เพราะ
และ
แบบไม่น่าจะมีข้อยกเว้น
ใครที่คิดว่าชีวิตไม่มีทางเลือก ลองปล่อยวางดู แล้วท่านจะเห็นทางเลือกผุดขึ้นมาอย่างนับไม่ถ้วนแบบ "ทันที"
น่าคิดจริงๆ ปัจจุบันผมจึงยังมองไม่เห็น "ทางตัน"
เมื่อเราปล่อยวาง ทุกอย่างเป็นเพียง "ทางเลือก" เท่านั้น
ลองคิดดูนะครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับชีวิตของท่าน
เห็นด้วยค่ะท่าน ทุกอย่างเป็น "ทางเลือก" เท่านั้น
มีถนนสายหนึ่ง พาเราไปถึงซึ่งจุดหมาย
มีแสงสว่างพร่างพราย ผู้คนมากมายเคยเดิน
http://www.youtube.com/watch?v=QXtadpB6A-g
หนทางอาจยาวไกล ต้องฝึกใจไม่ท้อถอย...
ขอบคุณครับอาจารย์
ไปแล้วต้องไปลับ ไปเพื่อดับกิเลสหนา
ไปให้ถึงซึ่งอนัตตา เกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริง...
สุดยอด และขอขอบคุณมากเลยครับที่มาต่อยอดให้
สวัสดีครับท่านอาจารย์ มีวาสนาที่ได้พบอาจารย์ แม้ไม่ได้สนทนากัน แต่ก็ติดตามอ่านจากบันทึกเป็นประจำ
เปิดประเด็นความคิดได้ดีมากครับ..แต่ความจริงเสมือนนั้นอย่างไร มีด้วยหรือ
ครับ
ความจริงเสมือน คือความจริงที่ไม่แท้ มีหลายระดับมาก ตั้งแต่แค่ฝันและจินตนาการ หรือความเชื่อโดยทั่วไป จนถึงความรู้สึก หรือการยอมรับกันในสังคมว่าจริง ทั้งๆที่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้นเลย หรือเป็นก็เพียงบางส่วน ผมได้สรุปตัวอย่างไว้บางส่วนในบันทึกก่อนหน้านี้ครับ
เช่น เราชอบพูดว่า ใบไม้สีเขียว ทั้งๆที่ สีเขียวเป็นเพียงคลื่นแสงที่ปล่อย หรือสะท้อนจากใบไม้ นั่นคือความจริงเสมือนระดับหนึ่ง แต่ถ้ามองลึกไปอีก แสงสีเขียวนั้นก็เป็นเพียงการรับรู้ของเรา และตกลงกันเรียกว่า "สีเขียว"
และยังมีความจริง "แท้กว่า" อีกมากมายหลายระดับ ลองคิดดูแล้วจะค่อยๆเข้าใจครับ
"anatta" = "not" + "atta"
"atta" = self (center of the world for everyone)
"anatta" = non-self (complement of "self" -- the world without the center)
Once we see beyond the center... there are infinitely many 'others'.
;-)
ผมเคยคิดเล่นๆ ทำให้รู้สึกว่าเสมือนหนึ่งไม่มีตัวเราอยู่ในโลกนี้ หรือมองโลกนี้แบบไม่มีตัวเรา
ผมได้อารมณ์แห่งความเพลิดเพลินของการมองดูการเปลี่ยนแปลงต่างๆในโลกนี้อย่างน่าทึ่ง เป็นการบันเทิงที่(น่าจะ)ไม่มีมายาหรือสิ่งหลอกลวงใดๆ
ว่าง เบา สบาย และผ่อนคลายมากกว่าการปฏิบัติแบบอื่นๆที่เคยเป็นหรือทำมา
ผมไม่ทราบว่าสิ่งนั้นคืออะไร
หวังว่าจะมีท่านผู้รู้มาช่วยอธิบายครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ