ลูกชาวนายากจน ที่มีนาเพียง ๔ ไร่ ในครอบครัวที่มีพี่น้อง ๖ คน จึงไม่พอแบ่งกันทำ และมีข้าวไม่พอกิน จึงต้องหนีจากการเลี้ยงวัวควาย ไปอาศัยอาหารจากวัดตั้งแต่เด็ก และเรียนหนังสือมาเรื่อยๆ จนจบด้านเกษตรศาสตร์ และได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
ตั้งปณิธานที่จะทำงานพัฒนาชุมชนมาตลอด และนำความรู้ที่ได้จากการเรียน และการทำงานกับชุมชน ไปทดลองทำนา และเลี้ยงสัตว์แบบ KM ด้วยตนเอง แบบ "นาคนจน" ไม่ลงทุน ไม่จ้าง ไม่ไถ เน้น "กำไรแบบไม่เสี่ยง" เพื่อเป็นตัวอย่างว่า "ทำนาอย่างไร จึงจะไม่ขาดทุน"
ปัจจุบัน มีชีวิตแบบ "เศรษฐกิจพอเพียง" และทุ่มเทชีวิตเพื่อหันกลับไปหาทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ด้อยโอกาส ให้หลุดพ้นจากความยากจนโดยการสนับสนุนการพัฒนาชุดความรู้ ด้านการจัดการดิน น้ำ ทรัพยากรเกษตร เกษตรอินทรีย์ การลดการใช้สารพิษในระบบการผลิตอาหาร แล้วนำความรู้ไปทดสอบหลายพื้นที่ นำผลและแนวทางที่ดีเชื่อมโยงสู่การเปลี่ยนแปลงการพัฒนาความรู้ที่ถูกต้อง สนับสนุนการสร้างแผนและนโยบายในระดับชุมชน พื้นที่ และ สนับสนุนเชิงนโยบายระดับประเทศ