ครอบครัวฉันเปลี่ยนไป


ครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีญาติพี่น้องมาอยู่รวมกัน หรือสร้างบ้านใกล้เคียงกัน โดยมีคุณตาคุณยายเป็นศูนย์รวมจิตใจและการตั้งวงสนทนาต่าง ๆ

  เมื่อสมัยเด็ก เท่าที่จำความได้ (น่าจะประมาณอนุบาล อายุ 7 ขวบ) ทุก ๆ ค่ำ ฉันต้องไปนอนตรงกลางระหว่างคุณตาและคุณยาย และมีลูกพี่ลูกน้องอีกประมาณ 5 คน มาฟังคุณตาคุณยายเล่านิทานให้ฟังด้วย โดยมีพ่อหรือแม่มาส่ง เอ่อ..ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่า ตากับยายมีลูกทั้งหมด 7 คน ขณะนั้น แต่งงานไปแล้ว 5 คน ลูกแต่ละคนสร้างครอบครัวใหม่ ต่างก็มีบ้านเป็นของตนเอง แต่สร้างไม่ไกลจากบ้านของตากับยายมากนัก ส่วนครอบครัวฉันอาศัยอยู่บ้านเดียวกับตาและยาย ตอนนั้นฉันมีพี่สาว 1 คน (แต่พี่สาวไม่ชอบนอนกับตายายหรอก) ขณะที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ พี่ ๆ บ้างคนก็มีคำถามแทรกบ้าง มีเรื่องตลกแทรกบ้าง หรือบางตอนตากับยายเล่าผิดไป พ่อแม่ของพวกเรานี่แหละจะเป็นคนแย่งว่า มันไม่ใช่นะ..มันต้องเป็นอย่างนี้มากกว่า.. นิทานแต่ละเรื่องสอดแทรกเนื้อหาสาระ และความสนุกสนานมากมาย (ตอนนี้ลืมไปแล้ว) ที่สำคัญ คือ พวกเราเด็ก ๆ และพ่อแม่ของพวกเราเอง ได้ผ่อนคลายจากการทำงาน ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา แต่....เมื่อเวลาผ่านไป ความสะดวกสบายเข้ามามากมาย เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่สำคัญที่สุด คือ โทรทัศน์ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บรรยากาศต่าง ๆ ในเวลาค่ำของทุกวันเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด จากที่มีการรวมญาติกันกลับกลายเป็นว่าต่างคนต่างอยู่บ้านของตนเอง เพื่อนั่งจ้องหน้าจอโืรทัศน์ ดูรายการโปรดของตนเอง ส่วนคุณตากับคุณยายเมื่อถึงเวลาค่ำแล้วก็ชวนกันเข้าบ้านนอนคุยกันสองคนแล้วหลับไป...เพื่อรออรุณสวัสดิ์กับเช้าวันใหม่ ส่วนครอบครัวของลูก ๆ เมื่อดูรายการโปรดจบลงแล้วก็เข้านอน..แล้วตื่นมารับวันใหม่ พร้อมกับดำเนินชีวิตตามปกติต่อไป.. รู้สึกเหมือนมีช่องว่างระหว่างครอบครัวมากขึ้น จากครอบครัวใหญ่กลายเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น (ไม่ชอบเลย)
      เมื่อฉันกลับบ้าน (นาน ๆ ครั้ง เพราะต้องทำงานต่างพื้นที่) ฉันสังเกตเห็นตากับยายดีใจเสมอเมื่อมีหลาน ๆ กลับมาเที่ยวหา ฉันนึกย้อนไปถึงวันวาน ทุก ๆ ครั้งฉันจึงไปขอนอนกับตาและยาย (แต่ไม่คั่นกลางแล้ว) แล้วขอให้ตายายเล่านิทานให้ฟัง อาจมีหลงลืมบ้างแต่ทั้งสองก็ช่วยกันเล่าจนจบ ฉันขอต่อว่าตัวเองสักหน่อย คือ ฟังนิทานไม่เคยจบเลย นอนเสียก่อน แต่โชคดีน่ะ ที่ฉันมีเครื่องบันทึกเสียงได้บันทึกเสียงของตากับยายไว้ จะเอามาถอดเสียงแล้วเรียบเรียงอีกที...
       นอกจากตากับยายจะมีความสุขกับการเล่านิทานแล้ว ฉันเองก็มีความสุขไม่น้อยไปกว่าทั้งสองท่านเลย...เพราะฉันได้ทั้งความรู้จากนิทาน ความรู้สึกผูกพันระหว่างหลานและตากับยาย ที่สำคัญคือ ตากับยายยิ้ม(ฟันหลอหมดแล้ว)และมีความสุข หลานคนนี้ก็สุขกว่าใครแล้วค่ะ..
       เขียนบันทึกนี้เสร็จแล้ว ฉันต้องรีบไปนอนกับคุณตาคุณยาย ฟังนิทานเรื่องใหม่..(แอบมาเขียนบันทึกก่อน ยายเรียกสองรอบละ) ส่วนนิทานจะเอามาเล่าให้อ่านอีกทีเมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วค่ะ

<มือใหม่หัดบันทึกค่ะ>

หมายเลขบันทึก: 446900เขียนเมื่อ 1 กรกฎาคม 2011 20:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

บันทึกแห่งความสุขครับ บันทึกนี้ ;)...

ป.ล. ชื่อบล็อกนี้ต้องเป็น "ดอกหญ้าคั่นหนังสือ" หรือเปล่า ?

ใช่ค่ะอาจารย์ ขอบคุณค่ะ ลืมตรวจสอบจริง ๆ ด้วย อิ อิ

มาฟังนิทาน ชอบนิทาน และชอบเล่านิทานและชอบเรื่องเขียนเกี่ยวกับนิทาน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท