วันเพ็ญ / Wanpen
วันเพ็ญ / Wanpen อ้วน อำนาจกิติกร / Amnajkitikorn

7 ประการสำคัญของรูปแบบการบำบัดยาเสพติดแบบ TC


7ประการที่สำคัญในการบำบัดผู้ติดยารูปแบบชุมชนบำบัด

           กระบวนการที่สำคัญในการบำบัดผู้ติดยารูปแบบชุมชนบำบัด

          การบำบัดผู้ที่ติดยาให้เกิดผลสำเร็จเพื่อให้เลิกยาให้ได้เป็นเรื่องยาก แต่หากมีความเข้าใจลึกซึ้งถึงการเข้าถึงจิตใจเขาเหล่านั้นก็คงไม่ยากเกินกำลังของนักบำบัดในรูปแบบชุมชนบำบัด ดิฉันเป็นผู้หนึ่งที่ไม่ย่อท้อต่อการเรียนรู้ที่จะหาวิธีที่จะให้เกิดผลสำเร็จที่จะเห็นคนเหล่านั้นมีชีวิตใหม่ด้วยกระบวนการสำคัญที่เรียกว่า "ชุมชนบำบัด"  จึงนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้แก่ผู้ที่สนใจค่ะ

 

               1.  ผู้รับการบำบัดต้องพักอยู่ในสถานที่ซึ่งมีบรรยากาศและสิ่งแวดล้อม (Environment)  ของการบำบัดรักษาก่อนเป็นเบื้องต้น โดยเขาจะต้องยินยอมที่จะอยู่ในสถานที่ดังกล่าวด้วยความสมัครใจ  ทั้งนี้เพราะสำนึกได้ว่า เขาสิ้นหนทางที่จะไปที่อื่นแล้ว เขาไม่มีที่พึ่งพิงอื่นใดอีกแล้ว  ความรู้สึกของผู้รับการบำบัดคล้ายกับการต่อสู้อยู่ในกำแพงล้อมรอบทั้งสี่ด้านไม่มีทางออก นั่นก็คือ  บทสรุปของผู้ติดยาซึ่งสุดท้ายก็หาทางออกไม่พบ เว้นแต่วิธีการของชุมชนบำบัดเพื่อกลับมีชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง

               2. ผู้รับการบำบัดจะต้องเปิดเผยตนเองด้วยความสมัครใจต่อเพื่อนที่อยู่ในชุมชนบำบัด    เขาจะต้องใช้ชีวิตในชุมชนบำบัดด้วยวิธีการต่างๆที่จำเป็นตามโปรแกรมของชุมชนบำบัด  เพื่อให้สามารถบรรลุถึง  “การค้นพบตนเอง”  (Self–discovery)  ทั้งนี้ ชุมชนบำบัดจะสอนให้เขารู้จักค้นหาเหตุผลของความผิดพลาดทุกสิ่งอย่างจากตัวของเขาเอง  โดยอาศัยกิจกรรมหลักของสถานบำบัด      (Tools of the house) ตลอดจนมีการจัดสายการบังคับบัญชา(Chain of command)  เพื่อให้เกิดระเบียบ  และเรียนรู้วิธีการปกครองบังคับบัญชาที่ใช้กันในโลกภายนอก  ผู้รับการบำบัดจะถูกสอนให้สงบเสงี่ยม ยอมรับความจริงทั้งหลายทั้งปวง  ซื่อสัตย์  และกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริงอย่างเปิดเผย และค้นพบเหตุการณ์ซึ่งเคยซ่อนเร้นอยู่เพราะเขาปิดหูปิดตาไม่ยอมรับ ทั้งพยายามซ่อนเร้นความรู้สึกที่แท้จริงนั้นไว้มานานแล้ว

                3. ในไม่ช้าผู้รับการบำบัดก็จะได้รับรู้ว่า เขาเป็นคนที่เคยทำลายตนเองมาก่อน และมี       ทัศนคติในทางลบมาตลอด  ขณะเดียวกันเขาก็ได้เรียนรู้ถึงทัศนคติในทางบวกจากกิจกรรมต่างๆ  และการงานที่อยู่รอบๆตัว  ทำให้มีความหวังและความกล้าหาญที่จะก้าวไปข้างหน้า  ทั้งนี้เพราะเขาสามารถกำหนดตัวเองได้ว่า  ควรจะมีหน้าที่อย่างไรและควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรในสถานบำบัด

                4.    จากจุดเริ่มต้นนี้เอง  ในที่สุดจะทำให้ผู้รับการบำบัดกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวร่วมกับ  เพื่อน  พี่ชายและน้องสาว  ซึ่งลงเรือลำเดียวกัน  โดยเขาจะมีพี่ชายคนโตซึ่งก็คือบรรดา    เจ้าหน้าที่ที่พร้อมจะคอยช่วยเหลือให้เขาพึ่งตนเองให้จงได้

                5. บัดนี้ผู้รับการบำบัดก็พร้อมที่จะมีความรับผิดชอบและยอมทำลายภาพเดิมของตนเอง   พร้อมทั้งเปิดม่านบังตา  และเครื่องพรางตัวเองออกไปสู่โลกภายนอก  เพราะเขาได้รู้สึกอย่างจริงใจว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรัก  ซึ่งจะมีส่วนที่ช่วยทำให้เขาเป็นคนดีขึ้น  เนื่องจากได้ดำรงชีวิตอยู่ในคอรบครัวที่มีความผูกพันกันเสมือนพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน

                6.  ผู้รับการบำบัดจะมองเห็นคุณค่าของโปรแกรมการบำบัด  ซึ่งเป็นทั้งปัจจุบันและอนาคตของเขา ทั้งปรัชญาและแนวความคิดของชุมชนบำบัดจะแทรกซึมอยู่ในชีวิตเขา และเตือนให้เขาก้าวต่อไปถึงจุดหมายปลายทาง คือ ความเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ (Responsible maturity) โดยผ่านขั้นตอนต่างๆตามที่โปรแกรมได้กำหนดไว้

                7.  จุดมุ่งหมายสูงสุดในชีวิตของเขาจะมาถึงเมื่อเขาได้เริ่มต้นกลับสู่โลกภายนอก  หลังจากที่ผ่านขั้นตอนต่างๆตามโปรแกรมชุมชนบำบัดแล้ว ซึ่งทำให้เขามีประสบการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริง  และมีความสุขอย่างแท้จริง

หมายเลขบันทึก: 434532เขียนเมื่อ 7 เมษายน 2011 23:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

สวัสดีค่ะ...

  • เป็นเรื่องที่ท้าทายจิตใจของตัวเองอย่างมากเลยนะค่ะ
  • ถ้าใครติดแล้วสามารถเลิกได้ นี่ นับถือน้ำใจจริง ๆ ค่ะ...
  • แต่ช่วงแรก ๆ คงทรมานน่าดูนะค่ะ...
  • แต่ทั้งหลายทั้งปวงขึ้นอยู่กับ "จิตใจ" จริง ๆ ค่ะ
  • ขอบคุณนะค่ะ...

สวัสดีค่ะคุณบุษยมาศ

  •  ใช่ค่ะเป็นความท้าทายสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกยาโดยเด็ดขาด
  •  และช่วงแรกๆเป็นการฝืนความรู้สึกมาก 
  •  แต่ก็คุ้มค่าที่สุดเช่นกันที่หลุดพ้นได้ค่ะ

ขอบคุณ  คุณวอญ่าที่มอบดอกไม้ให้

ขอบคุณเครื่องมือเจ็ดประการในการทำชุมชนบำบัด

สวัสดีค่ะ ท่านวอญ่า

                  ขอบคุณที่เข้ามาให้ความคิดเห็น ชุมชนบำบัดเป็นรูปแบบที่มีกลวิธีที่   แยบยลในการที่จะเข้าถึงภายในจิตใจของมนุษย์ โดยเฉพาะผู้ที่หลงผิดไปค่ะ ยังมีเครื่องมืออีกหลายชุดแล้วจะนำมาแลกเปลี่ยนอีกค่ะ

สวัสดีคะ น้องชายของดิฉันติดยาคะดิฉันอยากช่วยเหลือน้องและดิฉันก็สงสารพ่อกับแม่ด้วยที่บําบัดนี้อยู่ที่ใหนคะได้เสียค่ารักษาแพงใหมคะ

  • สวัสดีค่ะคุณสมพร โนวาค อยู่เชียงใหม่ค่ะ
  • ติดต่อมาที่ 053-033637, 0843746080 (ทีซี นอร์ท)
  •  ตอนนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ
  • ใช้รูปแบบชุมชนบำบัดมีผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
  • ยินดีช่วยแบ่งเบาความทุกข์ค่ะ ติดต่อมานะคะ

เข้ามาอ่านอีกรอบ เพื่อนำเครื่องมือไปออกแบบให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย

สวัสดีค่ะท่านวอญ่า

         กลุ่มเป้าหมายที่ว่าเป็นกลุ่มใหนบ้างคะ ยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ค่ะ

ที่เจอมานี่มันยากตอนน้องเค้ากลับไปชุมชนที่แท้จริงแล้วยังเจอกับสภาพเดิม ๆ ของชุมชนเดิม ๆ (ตัวกระตุ้นภายนอก) และที่เป็นแรงสำคัญที่ถีบ(ไม่ใช่แค่ผลัก) ให้เขามาเสพซ้ำก็คือ ทัศนคติและการตีตราของคนในชุมชนโดยเฉพาะผู้นำชุมชน ที่ผมว่ายังต้องอาศัยเครื่องมือที่มาประสิทธิภาพมา "บำบัดชุมชน"ครับพี่อ้วน

สวัสดีค่ะ น้องต๊อก คน(ทำ)งาน

             ที่ผ่านมาพี่อ้วนทำชุมชนจำลอง(Therapeutic Community Model) มีการศึกษาอย่างจริงจัง และพยายามจะรุกเข้าไปประสานกับชุมชนจริง แต่ด้วยระบบราชการที่พี่ทำอยู่ไม่อำนวย แต่ปัจจุบันพี่เออรี่ออกมาสร้างรูปแบบการบำบัดที่ จอมทองกำลังสร้างเครือข่ายกับชุมชนในท้องถิ่น คาดว่าภายในปีหน้าคงจะเป็นรูปธรรม ไว้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะคะ

        น้องต๊อกคะ ลืมบอกค่ะภาพข้างล่างเป็นภาพชุมชนบำบัดภาคเหนือแห่งประเทศไทยนำมาให้ชมอีกครั้งค่ะ

 

เป็นกิจกรรมรูปะรที่เห็นด้วยอย่างยิ่ง(มาแต่ไหนแต่ไร)ในสิ่งที่พี่พยายามทำครับ

ช่วงนี้หากน้อง ๆ ในศูนย์ (ชุมชน) อยากทำโครงการอะไรเพื่อต่อยอดศักยภาพ

ให้น้องเขาฝึกทำและร่างโครงการได้เลยครับ เดี๋ยวผมและทีมจะลงผลักดันงบ

เสนอทาง ปปส. และตอนนี้ผมเสนอชื่อพี่อ้วน เป็นคณะอำนวยการระดับภาคในการ

ขับเคลื่อนกิจกรรมกองทุนแม่ ในชุมชน 8 จว.เหนือบนเป็นที่เรียบร้อย เขามีกำหนดการประชุม

23-25 พ.ย. ครับ รายละเอียดผมจะส่งให้อีกครั้งนึงในเวลาใกล้ ๆนี่ครับผม

สวัสดีค่ะน้องต็อก คน(ทำ)งาน

            ขอบคุณที่ให้เกียรติ และเห็นความสำคัญของงานที่ทีมงานทำอยู่ และคงจะทำต่อไปจนกว่าจะหมดหนทางจริงๆ ดีใจที่เรามาเจอกันอีกครั้ง และมีโอกาสได้ทำประโยชน์ร่วมกัน ถ้าจะสะดวก รบกวนน้องส่งเอกสารต่างๆ รวมถึงหนังสือแต่งตั้ง กำหนดการประชุม ไปตามที่อยู่ตามหน้าประวัติส่วนตัวนะคะ พี่จะได้มีช่องทางออกมาปฏิบัตภารกิจที่เกี่ยวข้องได้ค่ะ ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะคะ

ดีจังเลยครับที่ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเลิกใช้ยา...หลายคนมักมองผู้ติดยาเสพติดไงแง่ลบเป็นส่วนใหญ่...จริงๆแล้วผมว่าพวกเค้าไม่อยากมีชีวิตแบบนี้หรอกครับ....ผมข้อแชร์เรื่องสบการณ์หน่อยนะครับคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางนึง....ผมก็เป็นอีกคนที่เคยเข้ารับการบำบัดในระบบ TC ซึ่งถือว่าเป็นที่แรกๆในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ครับเป็นการนำโปรแกรมของ DAY TOPมาประยุกใช้ครับ เพราะถ้าทำตามเค้าหมดสมาชิกคงต้องประสาทกินแน่ๆเพราะเค้าจะต้องอยู่ด้วยความหวาดระแวงคนรอบข้างว่าจะคอยจ้องจับผิดเค้า....ผมเข้าไปปี40แต่แบบไม่เต็มใจนะครับ(พ่อ-แม่เอาตำรวจมาจับไป)แล้วผมยังขู่เค้าอีกด้วยว่า(อย่าให้ผมออกไปได้นะจะเลวให้หนักกว่าแต่ก่อนอีก)ยอมรับเลยครับว่าเป็นครั้งแรกที่ต้องจากพ่อ-แม่ไปใช้ชีวิตที่อื่น ตอนนั้นผมอายุได้17ปี ติดยาหนักมากๆ ที่นี่เค้าบอกผมวันแรกที่เข้าไปว่าผมเป็นเคสที่เลิกยากที่สุดเพราะผมเสพทุกอย่างที่เป็นยาเสพติด คือทดแทนกันได้ทุกอย่าง....ผมเข้าใจความรู้สึกของน้องๆเค้าดีครับว่าอยากกลับบ้านกันทุกคน...โปรแกรมของที่นี่ใช้เวลา1ปี6เดือนครับ จะว่านานก็นานแต่ถ้ามองดูดีๆผมว่ามันไม่นานหรอกครับจากคนที่ไม่เต็มใจจะเลิกอย่างผม พยายามชวนเพือนสมาชิกหนีก็ทำแต่สุดท้ายพอถึงเวลาเข้าจึงๆผมกลับกลัวการที่จะต้องกลับออกไปสู่โลกภายนอกทั้งๆที่ทางศูนย์ก็มีกิจกรรม DAY-OFF ให้สมาชิกทุกคนค่อยๆกลับสู่สังคมทีละนิดอย่างน้อยก็กับคนในครอบครัว...วันแรกที่ได้สิทธิ์กลับบ้านผมรู้สึกประหม่ามากๆกับการที่ตัวเองเดินอยู่บนท้องถนนร่วมกับคนอื่นๆไม่มีความมั่นใจในตัวเองรู้สึกว่าตัวของเราไม่เหมือนกับคนอื่นๆคิดอยู่ตลอดว่าเราคือผู้ป่วย...และที่สำคัญมากก็คือกลับมาเห็นภาพเก่าๆสังคมเก่ามุมห้องเดิมๆที่เคยใช้เสพยา.....มันกดดันมากๆสำหรับการผืนความอยากความต้องการของตนเองครับ ส่วนมากจะพลาดกันในรอบแรกเยอะมาก การจะกลับเข้าไปสู่สังคมได้นั้นไม่ใช้เรื่องง่ายๆครับ...ความกดดันแรกที่ต้องเจอก็คือ คนในครอบครัวที่ยังระแวงเราอยู่ตลอดเวลาจนทำให้เรารู้สึกน้อยใจเลยก็ว่าได้ ถ้าใจแข็งก็ดีไปครับแต่ส่วนมากที่เห็นคือจะประชดประชันไปเลยสุดท้ายก็พลาดในที่สุดfailครับ ผมไม่ค่อยห่วงเรื่องการใช้ชีวิตที่สถานบำบัดหรอกครับเพราะยังไงซะคนเราก็ต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้แน่ๆ จากความผิดพลาดที่ตัวเองเคยทำให้พ่อ-แม่ต้องเสียใจนับครั้งไม่ถ้วน ผมเลยตัดสินใจทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ต่ออีก2ปีครับ ช่วงนั้นยาเสพติดระบาดมากๆสมาชิกที่เข้ารับการบำบัดมีจำนวน300กว่าคน...ลองนึกดูคับผมเข้าเวรคนเดียวมีCOประจำวันค่อยช่วย1คน เหนื่อยครับแต่ก็รู้สึกดีไปอีกอย่าง...ผมมีสมาชิกในเคสอยู่ประมาณ35คนที่ต้องค่อยดูแลคอยให้คำปรึกษาคือเราต้องเข้าไปนั่งอยู่ในหัวของเค้าเลยก็ว่าได้...สมาชิกทุกคนที่เข้ามารับการบำบัดอาจมีพื้นฐานครอบครัวหรือนิสัยไม่เหมือนกันอยู่บ้างแต่หลังจากเค้าทั้งหลายได้ลองเปิดความรู้สึกของตัวเองออกมาให้เพื่อนๆได้ช่วยเหลือได้ชี้ถึงข้อบกพร่องของตนเองแล้วนำมาปรับปรุงนิสัยเก่าๆในสมัยที่ยังเป็นผู้เสพออกไปให้มากที่สุด ตัวสมาชิกเองก็จะมีทรรศนคติที่ดีในการควบคุมความคิดของตนเองสามารถแยกแยอะสิ่งต่างๆได้ดีขึ้นไม่ใช้อารมณ์และความรู้สึกมาตัดสินปัญหา บางอย่างในโปรแกรมอาจจะดูขัดๆกับสังคมไทยไปบ้างพูดง่ายๆก็คือต้องทำอะไรด้วยตนเองห้ามทำให้ผู้อื่น ถือเป็นการหัดปฎิเสธสิ่งที่ผู้อื่นหยิบยื่นให้ ศูนย์เกิดใหม่ทุกวันนี้ต่างจากแต่ก่อนมากเลย เมื่อก่อนมีพี่นาวีกับพี่อู๊ดรันโปรแกรม สมาชิกรุ่นนั้นประมาณ30%เรียนจบมีหน้าที่การงานที่ดีอยู่ในองค์กรชื่อดังก็หลายคนครับ...ส่วนตัวผมไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนต้องทำได้เสมอไปแต่อย่างน้อยถ้าตัวเราสามารถฉุดเค้าขึ้นมาจากเหวได้ไม่ต้องมากหรอกครับแค่คนเดียวผมก็ภูมิใจแล้ว....มีmottoดีๆที่ผมจำไว้เตือนตัวเองเสมอ"จงอย่าลืมว่าตัวเราเคยเป็นใครมาก่อน"อย่าลืมนะครับน้องๆทั้งหลายว่าเราเคยผิดพลาดอย่างไรมา เอามันมาเตือนสติตัวเองเสมอๆนะครับ คนเราถ้าชนะตัวเองได้ซะอย่างอะไรก็ไม่ต้องกังวลแล้ว...ผมเอาใจช่วยผู้ที่กำลังเลิกและผู้ที่คิดอยู่ว่าจะเลิก...ถ้าคุณๆทั้งหลายทำได้สำเร็จมันเหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยนะครับ คิดไว้เสมอว่าไม่มีใครบังคับให้เราไปใช้ยานอกจากตัวของเราเองที่คิดว่ามันสามารถทดแทนสิ่งที่เราขาดได้ คนในครอบครัวก็ต้องร่วมมือด้วยนะครับอย่าจ้องจับผิดตลอดเวลานะครับ คุยกับเค้าให้คำปรึกษาบ้างอย่างน้อยเค้าก็ยังรู้ว่ามีใครคอยห่วงเค้าอยู่...เลิกเสพยาไม่ยากอย่างที่คิดครับสู้ๆๆๆๆ.....

สวัสดีค่ะ คุณ joe80(re-birth) 

         ดีใจค่ะที่มีคน อยู่ในอุดมการณ์เดียวกันเข้ามาแลกเปลี่ยน อ่านข้อความไปก็รู้สึกคุ้นเคย ยังคิดว่าเราเคยพบปะกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า อาจจะเป็นเพราะว่าความคุ้นชินที่เปรียบเสมือน เราอยู่บ้านหลังเดียวกัน คือ บ้านทีซีนั่นเอง จึงสื่อกันอย่างเข้าอกเข้าใจในความรู้สึก.....ขออนุญาตนำข้อความไปเผยแพร่ให้น้องๆในบ้านพระเมตตา จอมทอง เชียงใหม่อ่านนะคะ จะได้เป็นกำลังใจในการต่อสู้กับตนเองเพื่อเดินต่อค่ะ


กมลพรรณ พรศรีรัตนรักษ์

ครั้งแรกที่เปิดเจอ  ดีใจค่ะสำหรับอุดมการณ์และความคิดทุกความคิด  เป็นคนตราดค่ะ  เป็นวิทยากรค่ายยาเสพติดมาตั้งแต่ปี 46 แต่นะปัจจุบันก็ทำงานแบบงงๆ  ทิศทางของผู้บริหารหลากหลายเพราะเป็นข้าราชการ  ไม่มีอิสระทางความคิด  แต่ถ้าเราแชร์ความรู้สึกจากความเป็นจริงบ้างเราน่าจะมีความสุขกว่านี้ 


 

สวสดีค่ะ คุณกมลพรรณ ดีใจเช่นกันค่ะที่เข้ามาแลกเปลี่ยน ให้กำลังใจนะคะ เชื่อว่าประสบการณ์อันยาวนานจะส่งผลให้คุณมีความสุขค่ะ ปัจจุบันดิฉันทำงานอย่ที่นี่ค่ะ เข้าเฟสบุ๊คแลกเปลียนได้อีกทางค่ะู่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท