ถึง กัลยาณมิตรทุกท่าน
พระพุทธเจ้าตรัสเตือนพวกเรา่ว่า "กาลเวลาย่อมกลืนกินสรรพสัตว์และตัวของมันเอง" เวลาก็คือเวลา และในฐานะที่ "เวลา" เป็นสิ่งสมมติที่ชาวโลกสร้างขึ้นเพื่อใ้ช้เรียกขาน และกำหนดนับสิ่งต่างๆ ให้สะดวกและง่ายต่อการดำเนินชีวิต ถึงกระนั้น "เวลา" หาได้มีอิทธิพลต่อ "ความดี" หรือ "ความชั่ว" ภายในของเราไม่ ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นอื่นไปไม่ได้ หากเราไม่ใช้เวลาที่เราสมมติมาเป็นเครื่องมือ "รับใช้" การพัฒนาคุณค่าภายใน หรือความดีความงามของเรา รวมไปถึงพฤติกรรมการคิด การพูด หรือการทำของเรา
เมื่อมองย้อนไปกลับหาวัน และเวลาในอดีต หากมีสิ่งใดผิดพลาด หรือบกพร่องอันเกิดจากการไม่รู้เท่าทัน หรือขาดประสบการณ์ในการคิดวิเคราะห์ ขอได้โปรดนำประสบการณ์ที่ "เลวร้าย" หรือ "ความบกพร่อง" มาเป็นเครื่องมือพัฒนาตัวเอง หรือยกระดับจิตของตนเองให้เก่งขึ้น ฉลาดขึ้น ดังพุทธพจน์ที่ว่า "จงดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท" ด้วยการมีสติรู้เท่าทันอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น ความโลภ ความโกรธ และความหลง ฉะนั้น "จงนำอดีตมารับใช้ปัจจุบััน แ่ต่อย่านำอดีตมาครอบงำปัจจุบัน"
ปีใหม่ หากเรากำลังเสาะแสวงหา "ของขวัญหรือรางวัลสักชิ้น" เพื่อมอบให้แก่ตัวเอง หรือมอบให้แก่ใครสักคนที่เรารักและปรารถนาดีแล้วไซร้ ของขวัญอันล้ำค่าที่ควรมอบมากที่สุดสำหรับปีนี้ จะเป็นสิ่งใดมิได้หากมิใช่ "สติ" สติเท่านั้นที่จะทำให้เรารู้เท่าทันทุกอย่างตามความเป็นจริง โดยที่เราไม่ตกเป็นทาสรับใช้อารมณ์ของตนเองและผู้อื่น หากท่านจะยืน เดิน นั่ง และนอน หรือเดินทางไปในที่แห่งหนตำบลใด ขอได้โปรด "พกพาสติ" ติดไม้ ติดมือของท่านไปด้วย หรือหากจะแขวน "พระ หรือหลวงพ่อ" คราวใดขอให้แขวน "หลวงพ่อสติ" ไปด้วย เมื่อนั้น ชีวิตของท่านจะแคล้วคลาด ปลอดภัยทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งปีนี้ หรือปีไหนๆ
สุดท้ายแล้วเรา จะพบว่า "ความสุขที่ยิ่งใหญ่ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนๆ คือการได้อยู่กับลมหายใจของตนเองอย่างมีสติทุกเวลา และนาที" นี่คือคำตอบสำคัญที่ว่า "ทำไมสติคือของขวัญอันล้ำค่าที่ควรสรรหาให้แก่ชีวิต"
ด้วยธรรมะ พร และเมตตา
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส (นิธิบุณยากร)
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒
สวัสดีครับ ท่านพระอาจารย์ ธมฺมหาโสภิกฺขุ
ผมเห็นด้วยกับท่านพระอาจารย์อย่างยิ่งครับ เรื่องสติ ทุกวันนี้เหมาะกับเหตุการณ์ในเมืองไทยมากครับ
กราบสวัสดีปีใหม่ครับท่านพระอาจารย์
นมัสการพระคุณเจ้า
สติ ทางเดิน และ ศีลธรรม
ขอบคุณครับ