...เหลือบมองเห็น “ตุง” สีแดง แขวนปลิวไสวอยู่ข้างทาง บนถนนระหว่างอำเภอปัวกับอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ก็ให้หวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อน...วันจันทร์ ที่ 16 มีนาคม 2552 ระหว่างการเดินทางกลับบ้านหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่โรงพยาบาลแล้ว ระหว่างทางก็ได้ประสบ พบเห็น ความไม่แน่นอนของชีวิตที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิดจริงๆ นั่นก็คือ เห็นรถยนต์กะบะคันหนึ่งเสียบอัดอยู่กับต้นไม้ข้างทาง หน้ารถยุบเข้ามาจนชิดถึงตัวคนขับซึ่งหมดสติคาพวงมาลัยอยู่ อุบัติเหตุน่าจะยังเกิดขึ้นไม่นานนักเพราะยังมองเห็นฝุ่นจางๆคลุ้งอยู่ในอากาศอยู่เลย ตนเองพร้อมกับ พขร.ประจำครอบครัว! ก็เลยรีบจอดรถยนต์ส่วนตัวไว้ที่ไหล่ทาง แล้ววิ่งลงไปช่วยเหลือ ซึ่งขณะนั้นมีพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ยืนลังเลอยู่ 2-3 คน ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจช่วยอย่างไร จึงช่วยกันดึงประตูรถยนต์คันที่เกิดอุบัติเหตุให้เปิดออก คลำชีพจรที่คอคนไข้ เมื่อคลำไม่ได้จึงตัดสินใจช่วยนวดหัวใจ คนอื่นๆก็รีบโทรเรียกหน่วยกู้ภัยและโรงพยาบาล ผ่าน “1669” จนสักครู่หนึ่ง รถหน่วยกู้ภัยก็มาถึง จึงได้คนและเครื่องมือช่วยผายปอดมาช่วยกัน...ช่วยกันอยู่พักหนึ่ง จนรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลมาถึง มีคุณหมอและคุณพยาบาลพร้อมกับอุปกรณ์ช่วยชีวิตขั้นสูง ก็ทำการใส่ท่อช่วยหายใจ และนำส่งโรงพยาบาล....ทราบข่าวว่าหลังจากนั้น ที่โรงพยาบาล คุณหมอและทีมกู้ชีพยังช่วยกันกู้ชีพต่ออีกหลายชั่วโมง แต่ ในที่สุดเราก็ยื้อแย่งกับความเป็นจริงของธรรมชาติไม่ไหว คุณลุง จากไปในที่สุด ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว ญาติมิตร...
นี่แหละค่ะ ความแน่นอน(การที่ทุกคนต้องตาย) ที่ไม่แน่นอน(ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ ไม่รู้ใครจะตายก่อนกัน...) เราหวังว่ากุศลผลบุญ และคุณความดีใดๆ ที่คุณลุงได้กระทำสะสมติดตัวเป็นทุนมาแต่ก่อน จงหนุนนำให้จิตวิญญาณของคุณลุง ไปสู่ภพภูมิที่ดีด้วยนะคะ...
นั่นคือมุมมองและประสบการณ์การพบเห็นการเจ็บป่วย การตาย ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง นะคะ
ทีนี้ สำหรับคนที่ยังอยู่เช่นพวกเรา เราจะเตรียมตัวให้พร้อมรับกับความตายที่อาจมาถึงแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้อย่างไร ก็มาต่อกันในตอนที่ 3 นะคะ
*** ถ้าเรามีความปรารถนาว่า อยากตายดีบ้าง เราจะเตรียมตัวกันอย่างไร
ประการแรก...ก็คือ การเรียนรู้และยอมรับความจริงของชีวิต ว่าการตาย เป็นธรรมชาติ เป็นหน้าที่ของชีวิต เมื่อมีการเกิดก็ย่อมมีการแตกดับทุกสรรพสิ่ง |
นอกจากนั้น ที่สำคัญก็คือ การสะสมบุญไว้ภายภาคหน้า ดังคำกล่าวที่ว่า “ถ้าเราอยู่ดี เราก็จะตายดีได้” มีการฝึกสติภาวนา เป็นประจำ พระอาจารย์เคยเขียนไว้ในหนังสือ เรื่อง " เหนือความตาย จากวิกฤติสู่โอกาส" ว่า
|
เมื่อเข้าใจและยอมรับดังนั้น สิ่งต่อไปที่เราควรเตรียมก็คือ การเตรียมการจัดการกับชีวิต นั่นคือ การเตรียมพินัยกรรมชีวิตนั่นเอง... มี 7 คำถามให้เราได้เตรียมคำตอบ นั่นคือ ๑. เราจะให้จัดการทรัพย์สินเงินทอง(และหนี้สิน)ของเราอย่างไร ๒. เราจะให้จัดการเกี่ยวกับคนในครอบครัวที่ยังอยู่ต่อไปอย่างไร ๓. เราจะให้จัดการเรื่องงานการที่คั่งค้างของเราอย่างไร ๔. เวลาที่เกิดวิกฤติกับชีวิต การรักษาแบบใดที่เราไม่ต้องการ ๕. เมื่อเราตายแล้ว ต้องการให้จัดการกับร่างกายหรืออวัยวะของเราอย่างไร ๖. เราอยากให้จัดงานศพของเราอย่างไรและไม่อยากให้จัดอย่างไร ๗. ผู้ที่เราไว้วางใจให้จัดการเรื่องทั้งหมดที่เราสั่งทั้งหมดนี้คือใคร (ระบุ ๒ คน) |
และท้ายที่สุด ควรทำการพิจารณาความตายอยู่เป็นนิจ (มรณสติ) ...ท่านพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แนะนำว่า
|
ท้ายที่สุดนี้ เรื่องเล่าดีๆที่มีมาฝาก ;การอบรมเผชิญความตายอย่างสงบ ก็ดำเนินมาถึงบทสิ้นสุดแล้ว ในส่วนของตัวผู้เล่าเอง ถึงแม้ไม่ค่อยได้ฟังบทพิจารณามรณสติบ่อยนัก แต่ก็มีโอกาสพบเห็นการตายของผู้คนรอบข้างอยู่เสมอ...ก็ยังมีความเพียรพยายามที่จะทำความเข้าใจ ทำความคุ้นเคยกับความตาย และพยายามเตรียมตัวให้พร้อมให้มากที่สุดค่ะ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่อยพร้อมก็ตามที....สวัสดีค่ะ |
ทำอย่างไรดี...ไม่รู้จะจัดบล็อคให้ไม่เป็นคอลัมน์แบบนี้ได้อย่างไรน่ะค่ะ...ทนอ่านไปก่อนนะคะ...
สวัสดีครับคุณ ไพรินทร์
การตัวตายอ่านนานมาก แต่ก็ยังประโยชน์ ใน 7 ประการที่ต้องเตรียมเพื่อไม่ให้เป็นภาระ
ขอบคุณครับ
ตามาอ่านสิ่งดีๆที่อยู่ใกล้ตัว แต่เราก็ลืมปฏิบัติ(จริงๆค่ะ)
ครับ ความตายแวดล้อมเราอยู่เสมอ
ขอบคุณประสบการณ์ที่เล่านะครับ