กระบวนการพัฒนาหลักสูตร
1. การพัฒนาหลักสูตรมี 2 ความหมาย
1.1 หมายถึงการสร้างหลักสูตรขึ้นมาใหม่
1.2 หมายถึงการปรับปรุงหลักสูตรที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น
2. ขอบเขตการพัฒนาหลักสูตร
2.1 การพัฒนาหลักสูตรระดับชาติ
2.2 การพัฒนาหลักสูตรระดับท้องถิ่น
2.3 การพัฒนาหลักสูตรระดับห้องเรียนหรือสถานศึกษา
3. รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรมี 3 รูปแบบ
3.1 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์ (Ralph W.Tyler)
มีกระบวนการพัฒนาหลักสูตร 3 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 กำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
ขั้นที่ 2 เลือกและจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ขั้นที่ 3 ประเมินผลการเรียนการสอน
3.2 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของทาบา (Hilda Taba)
หลักสูตรมีองค์ประกอบ 4 ประการคือ
1. วัตถุประสงค์ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งวัตุประสงค์ทั่วไปของหลักสูตรหรือวัตถุประสงค์เฉพาะรายวิชา
2. เนื้อหาและจำนวนคาบการเรียนการสอนของแต่ละวิชา
3. กระบวนการเรียนการสอนหรือกิจกรรม
4. การประเมินผลตามวัตถุประสงค์
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรมี 7 ขั้นตอน
1. ศึกษาวิเคราะห์ความต้องการ
2. กำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
3. เลือกเนื้อหาสาระ
4. รวบรวมลำดับเนื้อหา
5. คัดเลือกประสบการณ์การเรียนรู้
6. จัดประสบการณ์การเรียนรู้
7. ประเมินผลการจัดประสบการณ์
3.3 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของซเลอร์และอเล็กซานเดอร์ (Sayler and Alexander)
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรมี 4 ขั้นตอน
1. กำหนดเป้าหมาย จุดมุ่งหมายของหลักสูตร
2. ออกแบบหลักสูตร
3. ใช้หลักสูตร
4. การประเมินผลหลักสูตร
3.4 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรเชิงระบบ(System approach)
การพัฒนาหลักสูตรมี 4 วิธี
1. กำหนดปัญหา
2. คิดหาวิธีแก้ปัญหาหลายๆ แบบ
3. เลือกวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะ
4. ทดลองใช้ประเมินผล
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรมี 5 ขั้นตอน
1. กำหนดเป้าหมายจุดมุ่งหมาย
2. กำหนดโครงสร้างเนื้อหาสาระหลักสูตร
3. จัดลำดับการเรียนรู้ กำหนดหน่วยการเรียน
4. นำหลักสูตรไปทดลองสอน
5. นำผลจากการทดลองสอนมาปรับปรุงหลักสูตร
ไม่มีความเห็น
รูปแบบของหลักสูตร (Curriculum Design)
รูปแบบหลักสูตรแต่ละรูปแบบได้รับบอิทธิพลมาจากปรัชญาการศึกษาจิตวิทยาการศึกษาดูความต้องการจากสังคม ทำให้มีลักษณะแตกต่างกันออกไป โดยได้พยายามจำแนกประเภทรูปแบบตามแนวคิดของแต่ละบุคคล สรุปรูปแบบที่สำคัญได้ดังนี้
1.
หลักสูตรแบบเน้นเนื้อหา (The Subject Matter Curriculum)
เป็นรูปแบบที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งใช้ในการสอนศาสนา ละติน กรีก
อาจเรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า เป็นหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาเป็นศูนย์กลาง (Subject-Centered-Curriculum) ซึ่งสอดคล้องกับวิธีการสอนของครูที่ใช้วิธีการ บรรยาย
ปรัชญาการจัดการศึกษาแนวนี้จะยึดปรัชญาสารัตถนิยม(Essentialism)และสัจวิทยา(Perennialism)
2. หลักสูตรสหสัมพันธ์ (Correlated Curriculum)หลักสูตรสหสัมพันธ์ คือ หลักสูตรเนื้อหาวิชาอีกรูปแบบหนึ่ง แต่เป็นหลักสูตรที่นำเอาเนื้อหาวิชาของวิชาต่าง ๆ ที่สอดคล้องหรือส่งเสริมซึ่งกันและกันมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน แล้วจัดสอนเป็นเนื้อหาเดียวกันวิธีการดังกล่าวอาศัยหลักความคิดของนักการศึกษาที่ว่า การที่จะเรียนรู้สิ่งใดให้ได้ดีผู้เรียนต้องมีความสนใจเข้าใจความหมายของสิ่งที่เรียนและมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่เรียนกับสิ่งอื่นทีเกี่ยวข้องเพราะฉะนั้นหลักสูตรสหสัมพันธ์จะกำหนดเนื้อวิชาใดวิชาหนึ่งหรือหมวดใดหมวดหนึ่ง แล้วนำเนื้อหาสาระวิชาที่สัมพันธ์กันมารวมไว้ด้วยกัน
3. หลักสูตรแบบผสมผสาน (Fused Curriculum or Fusion Curriculum)หลักสูตรแบบผสมผสานเป็นหลักสูตรที่พยายามปรับปรุงข้อบกพร่องของหลักสูตรเนื้อหาวิชา เพราะฉะนั้นหลักสูตรแบบผสมผสานคือหลักสูตรเนื้อหาวิชาอีกรูปแบบหนึ่ง โดยการรวมเอาวิชาย่อย ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาผสมผสานกันในด้านเนื้อหาเข้าเป็นหมวดหมู่
4.
หลักสูตรแบบหมวดวิชาแบบกว้าง (Broad Fields Curriculum)
หลักสูตรหมวดวิชาแบบกว้างหรือหลักสูตรรวมวิชา
เป็นหลักสูตรที่พยายามจะแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากหลักสูตรเนื้อหาวิชา
ซึ่งขาดการผสมผสานของความรู้ให้เป็นหลักสูตรที่มีการประสานสัมพันธ์ของเนื้อหาความรู้ที่กว้างยิ่งขึ้น
5.
หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม (Social Process and Life Function
Curriculum)
หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม
เป็นหลักสูตรที่มุ่งแก้ไขข้อบกพร่องของหลักสูตรที่ผ่านมาด้วยการรวบรวมความรู้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
โดยยึดกิจกรรมต่าง ๆ ของคนไทยเป็นหลัก
เป็นหลักสูตรที่ถูกคาดว่ามีคุณค่ามากที่สุดสำหรับผู้เรียน การจัดหลักสูตรแบบนี้ได้ยึดเอาสังคมและชีวิตจริงของเด็กเป็นหลัก
เพื่อผู้เรียนจะได้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
เพราะมีการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาวิชาในหลักสูตรกับชีวิตจริงของผู้เรียนหรือภาวะทางสังคมที่ผู้เรียนกำลังประสบอยู่
หลักการจัดหลักสูตรประเภทนี้ ได้รับอิทธิพลมาจากความคิดของจอห์น ดิวอี้
กับปรัชญาการศึกษาสาขาพิพัฒนาการนิยม และปรัชญาการศึกษาสาขาปฏิรูปนิยม
ไม่มีความเห็น
ทฤษฎีหลักสูตร
1. ความหมายของทฤษฎี
ทฤษฎี(Theory) หมายถึง หลักการที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว และกำหนดขึ้นมาเพื่อจะได้ทำหน้าที่อธิบายการกระทำหรือปรากฏการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง(อาภรณ์ ใจเที่ยง.2525:1 อ้างถึงใน รศ.ดร.ประพิมพ์พรรณ โชคสุวัฒนสกุล.หลักสูตรมัธยมศึกษา.2534:34)
2. ความหมายของทฤษฎีหลักสูตร
ทฤษฎีหลักสูตร (Curriculum Theory) หมายถึง ข้อความที่อธิบายความหมายของหลักสูตรโดยชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ชี้นำแนวทางการพัฒนาการใช้และการประเมินผลหลักสูตรประกอบกัน
(รศ.ดร.ประพิมพ์พรรณ โชคสุวัฒนสกุล.หลักสูตรมัธยมศึกษา.2534:34)
3. ทฤษฎีหลักสูตรชนิดต่างๆ
ทฤษฎีหลักสูตรแบ่งออกเป็น 4 ชนิด ดังนี้
1.ทฤษฎีแม่บท เป็นทฤษฎีหลักที่กล่าวถึงหลักการ กฎเกณฑ์ทั่วๆไป ตลอดจนโครงสร้างของหลักสูตร
2.ทฤษฎีเนื้อหา เป็นทฤษฎีเกี่ยวกับเนื้อหา กล่าวถึงความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่างๆ
3.ทฤษฎีจุดประสงค์ เป็นทฤษฎีที่กล่าวถึงจุดประสงค์หรือจุดมุ่งหมายของหลักสูตร และกล่าวถึงว่าจุดประสงค์นั้นๆได้อย่างไร
4.ทฤษฎีดำเนินการ เป็นทฤษฎีที่กล่าวถึงว่า จะทำหรือดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อย่างไร (กาญจนา คุณารักษ์.2527:5 อ้างถึงใน โกสินทร์ รังสยาพนธ์.2526:25)
4. ทฤษฎีการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของ Hilda Taba
แนวคิดการพัฒนาหลักสูตรของ Taba มีบางอย่างคล้ายกับของTyler มาก แต่มีข้อรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันออกไป พอสรุปได้ 11 ประการดังนี้
1. ส่วนประกอบของหลักสูตร
2. การศึกษาข้อมูลเพื่อนำมาเป็นเครื่องกำหนดเกณฑ์เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร
3. วัตถุประสงค์
4. เกณฑ์ในการกำหนดวัตถุประสงค์
5. การเลือกเนื้อหาสาระและการรวบรวมพินิจ
6. เกณฑ์ในการพิจารณาเลือกเนื้อหาสาระ
7. ปัญหาเกี่ยวกับการจัดรวบรวมเนื้อหาสาระ
8. การจัดประสบการณ์การเรียน
9. ลำดับขั้นของการพัฒนาหลักสูตร
10. ยุทธวิธีการสอน
11. การประเมินผล (วิชัย วงษ์ใหญ่.พัฒนาหลักสูตรและการสอน-มิติใหม่.2523:20)
สรุป ทฤษฎีการพัฒนาหลักสูตรของ Hilda Taba
ทฤษฎีการพัฒนาหลักสูตรของ Hilda Taba เป็นทฤษฎีที่ช่วยให้เราเข้าใจถึงองค์ประกอบและส่วนประกอบด้านต่างๆ ที่สำคัญของหลักสูตร ที่หลอมรวมกันเป็นหลักสูตรคุณภาพที่ใช้ในการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพ ดังนั้นถ้าต้องการให้หลักสูตรเป็นเครื่องมือในการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ผู้ใช้ควรนำแนวทางนั้นไปทดลองและปรับใช้ในการเรียนการเรียนการสอนให้เห็นจริง จึงจะส่งผลให้หลักสูตรนั้นกลายเป็นหลักสูตรที่สมบูรณ์ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
5. หน้าที่ของทฤษฎี
1. จุดมุงหมายของวิทยาศาสตร์ คือ การเข้าใจปรากฏการณ์ที่ศึกษา นักปรัชญายังหาคำตอบสำหรับคำถามของพวกเขา ความรู้คืออะไร ความจริงคืออะไร อะไรคือคุณค่า
2. ทฤษฎีมาจากคำในภาษากรีกว่า theoria connoting แปลว่า “การตื่นตัวของจิตใจ” มันเป็นชนิดของ “มุมมองที่บริสุทธิ์” ของความจริง ทฤษฎี อธิบายความเป็นจริง ทำให้ผู้คนตระหนักถึงโลกของพวกเขาและปฏิสัมพันธ์
ไม่มีความเห็น