กลับมาอีกครั้งกับชุมชนแห่งการเรียนรู้แห่งนี้ หลังจากที่ทิ้งไปนาน ต้องขอเท้าความก่อน ว่าจริงๆแล้วเป็นสมาชิกของบล็อคนี้มานานมาก แต่ไม่ใคร่ได้อัพเดท ข้อมูลอะไรเท่าไหร่ ด้วยความที่ตัวเอง ไม่ใช่คนที่ชอบเขียนบทความนัก จะเขียนบทความสักเรื่อง ใช้เวลานานเลยล่ะค่ะ และยังไม่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องอะไรก่อนหน้านี้ แต่พอเริ่มสอนไป ประกอบกับ สิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา เปลี่ยนแปลงเร็วมาก จนเราก็รู้สึกได้ ทั้งด้านเทคโนโลยี และการศึกษา มองการเรียนของนักเรียนปัจจุบัน แล้วน่าปวดหัวและน่าห่วงมากค่ะ ด้วยปัญหาการสอนและพื้นความรู้เด็ก ทำให้วิญญาณนักวิชาการสิงอีกครั้ง อยากจะศึกษาทฤษฎีใหม่ๆ แล้วเขียนบทความออกมาเผยแพร่ด้วย และไม่ใช่จะเผยแพร่อย่างเดียว สิ่งที่สรุปได้ทั้งหมด จะเอาไปออกแบบการสอนของตัวเองด้วยค่ะ เรียกได้ว่า องค์ลงอีกครั้ง
** ด้านการศึกษา จบปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ค่ะ ปริญญาโท คณะศึกษาศาสตร์ สาขา เทคโนโลยีการศึกษา จาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นรุ่นจบ ปี 49 รับปริญญาโท ในเดือน ธันวาคม 2550 ค่ะ แล้วในช่วงที่เรียนปริญญาตรี ชั้นปีที่ 2 ก็สมัครเรียน มสธ.ไปด้วย ในคณะรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการเมืองการปกครองเปรียบเทียบ ก็มาจบเอาตอนเรียนโท ปีแรก และก็ควบอีกเหมือนกัน คือ เรียนโทปีแรก ก็สมัครเข้าเรียน ราม สาขาภาษาอังกฤษไปด้วย เพราะช่วงทำงาน หลังเรียนจบ ป.ตรี ก็สนใจศึกษาภาษาอังกฤษมากขึ้น และก็ไม่รู้เลยว่าตัวเอง จะได้ยึดเป็นอาชีพมาจนถึงปัจจุบันด้วย
** สำหรับภาษาอังกฤษนั้น ไม่ได้ชอบมากมาแต่มัธยม แต่ระดับประถมก็ถือว่าชอบมาก และโดดเด่นในห้อง ชอบท่องศัพท์แข่งกับเพื่อนอีกคน ที่เก่งเหมือนกัน ก็แข่งกัน แต่พอมาเรียนระดับ ม.ต้น กลับกลายเป็นว่า เก่งวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์แทน เลยทุ่มเทกับวิชาการเหล่านั้นมาก แต่เกรดภาษาอังกฤษก็ไม่เคยตกต่ำนะคะ
** ช่วงนั้น คณิตศาสตร์ เรียกได้ว่า ผลัดกันท็อป ผลัดกันเต็มกับเพื่อนอีก 1 คน ส่วนวิทยาศาสตร์นั้นชอบมากเป็นพิเศษ ได้มีโอกาสไปแข่งทั้งวิทย์และสังคม แต่คณิตนี่ไม่ได้แข่งค่ะ จะโดดเด่น และได้รางวัลจากอาจารย์ผู้สอน ตั้งแต่ ม. ต้นเลยคือ ภาษาไทย สังคม สองวิชานี้ ได้รางวัลจากอาจารย์ผู้สอน จนถึง ม.ปลาย เป็นพวกเข็มกลัดบ้าง ชุดปากกาดินสอยางลบบ้าง ฟุตเหล็กบ้าง และชอบที่สุดคือ ชุดหนังสือ ที่สุดในโลกกว้าง มี 6 เล่ม เหลือจนถึงทุกวันนี้ ทำให้เรารักการอ่านเพราะเนื้อหาสนุกมีความรู้ ตอนเรียกไปเอา อาจารย์ให้เลือก ว่าจะเอา สมุดโน๊ต 1 เล่ม น่ารักๆ หรือจะเอา ชุดเครื่องเขียน หรือจะเอา หนังสือชุดนี้มีหกเล่มผูกเป็นโบไว้ เราก็ยืนเลือก สมุดนั้นตัวเองเป็นคนที่ชอบซื้ออยู่แล้ว เขียนไม่เขียนก็ซื้อ เต็มบ้าน เลยไม่เลือก ส่วนชุดดินก็เหมือนกัน เลยเลือกหนังสือ อาจารย์คงเห็นว่าเรารักเรียน ชอบหนังสือ คงถูกใจแก แกเลยให้มาทั้งหมดนั่นเลย แหล่มเลย อิอิ...
** ส่วนวิทย์ได้ที่ 3 ของจังหวัด ก็คิดว่าตัวเองเก่งและถนัดนะคะ แต่พอมาเรียน ม.ปลาย ก็แผ่วๆแล้ว อาจจะเพราะเล่นมากไปช่วง ม.ปลาย และ วิธีการเรียนของตัวเองไม่ได้ถูกต้อง อ่านหนังสือไม่ได้ถูกต้อง เกรดรวมออกมาก็ดูดีมากอยู่ ช่วงจบ ม.ปลาย เพียง ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่แน่น เท่านั้นเอง แต่ไม่เคยได้รางวัลภาษาอังกฤษเพราะไม่ได้สนใจเลย
** ขอบอกตามตรง ตรงนี้ว่า ไม่ชอบครูภาษาอังกฤษเลยตั้งแต่ ม.1-6 เกรดออกมาดีค่ะ ไม่แย่ แต่ไม่ชอบมีครูเพียงสองท่านเท่านั้น ที่อาจจะพอมองเห็นว่าเราก็มีพรสวรรค์ทางนี้ และพอจะรู้ว่าเราไม่ชอบครู คือเป็นคนที่มาสอนแทน แก่แล้ว เกือบเกษียณแล้ว ณ ตอนนั้น และอีกสองคน เป็นครูสอนพิเศษ ตั้งแต่ ม.1 เลยค่ะ คนนึงเป็นคนสอนเน้นด้านสอบ ด้านไวยากรณ์ ส่วนอีกท่าน เพิ่งกลับจาก ต่างประเทศจะสอนฟัง พูด จากนั้นก็มาทิ้งอีกที ตอน ป.ตรี เพราะไม่ได้เรียนสาขาที่เน้นหนักภาษาอังกฤษเลย
** มาเรียนเสริมอีกที คือ ป.ตรี ชั้น ปีที่ 4 เทอม 2 ก่อนจะจบ เรียนที่ สถาบันสอนภาษาที่ตั้งอยู่ภายในมหาลัยเลย เข้มงวดมากกกกกกกก อาจารย์ฝรั่งดุมากกกกกกกกกค่ะ ถามทุกอย่างที่เห็นการเปลี่ยนแปลง หรือเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ ด้วยความที่อยากให้เราตอบโต้ได้ทันที สอนอ่าน เขียน อาจารย์ดุมากที่สุด เรียกได้ว่า ไม่แคร์บรรยากาศการเรียนภาษาไปเลย ส่วนสอนฟัง พูด ค่อยซอล์ฟลงมาหน่อย แต่ยอมรับว่าเค้าสอนดีค่ะ แต่ที่สอนดีแบบนี้ นักเรียนไม่ชอบค่ะ จากที่เรียนกัน 10 คน เหลือมาเรียน 5 คน แล้วเรียนจนจบจริงๆ เพียง 3 คนค่ะ ซึ่งอาจารย์ฝรั่งเค้าก็สอนคุ้มมาก แต่ด้วยความที่ ภาษาอังกฤษก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเด็กโดยเฉพาะเด็กอีสานอยู่แล้ว ก็เลยไม่มีใครไปเรียน จนต้องปิดไป ทั้งๆที่ เรา 3คน ก็กะว่าหมดคอร์สนึงแล้ว เราจะเรียนต่ออีก เมื่อปิดไปแล้ว ก็เลยไปเรียนในตัวเมืองแทน กับอาจารย์ฝรั่งอีกเหมือนกัน คนนี้สอนดี แต่เบสิคมากไปหน่อย เพราะมีเด็ก ม.ปลายมาเรียนรวมด้วย คือไม่เทส ไม่แยกชั้นเรียน แต่ก็มีโอกาสได้เรียนร่วมกับ นักเรียนจีน เปรู อังกฤษด้วยค่ะ ก็เป็นประสบการณ์อีกแบบ