เมื่อกี่นี้ค้างเอาไว้ว่าพวกเรา (นักวิจัย และประธานเครือข่ายฯ) ควรเป็นผู้เสนอแนะหรือแสดงความคิดเห็นจะดีกว่า เมื่อพูดถึงตรงนี้ทำให้ผู้วิจัยคิดถึงคำพูดของอาจารย์ ดร.ชาติชาย ซึ่งเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับผู้วิจัย ท่านได้เคยคุยกับผู้วิจัยและบอกว่า เมื่อเราจะเสนอความคิดเห็น ข้อเท็จจริง หรือสภาพปัญหาต่างๆไปยังผู้บังคับบัญชานั้น จริงอยู่ว่าข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เราควรนำเสนอ แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ เราต้องเสนอทางออกหรือวิธีการแก้ไขให้กับท่านเหล่านั้นด้วย ส่วนท่านจะรับฟังหรือไม่รับฟังก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราคาดเดาไม่ได้ แต่ถ้าเราได้ทำไปแล้ว ผลจะออกมาอย่างไรเราก็ไม่ต้องเสียใจหรือเสียความรู้สึก เพราะเราได้ทำดีที่สุดแล้ว
การที่หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเพราะผู้วิจัยเห็นว่ามีความสำคัญสำหรับการพัฒนาเครือข่ายฯเป็นอย่างมาก เพราะ ที่ผ่านมาเราพูดถึงแต่ปัญหา เอาปัญหาออกมากางแผ่ให้ทุกคนได้รับทราบ แต่บางทีเราอาจลืมไปว่า การที่เรารู้ปัญหาและยอมรับความจริงเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเราไม่แสวงหาวิธีการแก้ไข ปัญหาก็จะไม่มีวันจบสิ้น แล้วในที่สุดปัญหานั้นก็จะย้อนมาทำร้ายเรา สิ่งที่ผู้วิจัยเห็นชัดที่สุดก็คือ อย่างน้อยปัญหาเหล่านี้ก็ทำให้เราเครียด ดังนั้น จึงขอสรุปว่า การสะท้อนข้อเท็จจริงนั้นเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็น แต่ที่ดีและจำเป็นมากไปกว่านั้นก็คือ เราต้องเสนอแนวทางในการแก้ไขด้วย และถ้าจะให้ดียิ่งๆขึ้นไปก็ควรที่จะต้องลงมือปฏิบัติด้วย
ที่ผ่านมาสังคมไทยของเราที่มีปัญหาส่วนหนึ่งก็มาจากการที่มีแต่คนพูดแต่ไม่ทำ เมื่อไม่ทำแล้วจะทราบได้อย่างไรว่าผลจะออกมาอย่างไร เปรียบเสมือนการจัดการความรู้ก็เช่นเดียวกัน เชื่อไหมคะว่าจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมา (ของการเริ่มทำโครงการ) และกว่าปีที่ผ่านมาที่ได้มีการประชุม อบรม สนทนาในเรื่องการจัดการความรู้ แต่ผู้วิจัยก็ยอมรับว่ายังไม่เข้าใจเกี่ยวกับการจัดการความรู้ที่ดีพอ แม้กระทั่งในวันที่มีรายงานความก้าวหน้าเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้วิจัยยังปรารภกับนักวิจัยทีมอื่นๆว่าไม่รู้ที่ทำมา 6 เดือนเป็นการจัดการความรู้หรือเปล่า รู้สึกเครียดและกลุ้มใจมาก
กัลยาณมิตรที่แสนดี ผู้เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งอาจารย์ และเป็นอีกหลายสิ่งหลายอย่างในเวลาเดียวกันอย่างอาจารย์สุกัญญาก็ได้บอกกับผู้วิจัยว่า อย่าไปคิดมากเลย ที่ผ่านมาทำอะไรก็เป็นการจัดการความรู้ทั้งนั้นแหละ เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ให้เราได้เรียนรู้ ทำให้ชุมชนได้เรียนรู้ และอีกอย่างหนึ่ง คือ การจัดการความรู้นั้นถ้าจะให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งต้องลงมือปฏิบัติ ไม่ใช่นั่งคิด นั่งวาดภาพอย่างเดียว ก็คงเหมือนกับที่ผู้วิจัยได้รับความรู้จากอาจารย์ประพนธ์ ผู้วิจัยจำได้ว่าอาจารย์เคยบอกว่าการจัดการความรู้นั้นต้องลงมือทำ
ขอกลับเข้าสู่ประเด็นสนทนาระหว่างผู้วิจัยกับคุรสามารถต่อนะคะ นอกจากเรื่องที่ทำการเครือข่ายแล้ว เราได้มีการพูดคุยในเรื่องค่าเฉลี่ยศพด้วย โดยผู้วิจัยเป็นผู้เปิดประเด็นในเรื่องนี้ว่าจากข้อมูลที่ได้จากการลงภาคสนามในแต่ละกลุ่ม เสียงสะท้อนที่ออกมา คือ ตอนนี้บางกลุ่มเงินไม่พอที่จะจ่ายสวัสดิการและค่าเฉลี่ยศพ เนื่องจากค่าเฉลี่ยศพสูง ทำให้ต้องไปยืมเงินจากกองทุนธุรกิจชุมชนมาจ่าย เราจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร จริงอยู่ที่ว่าตอนนี้สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เงินไม่พอ เพราะเครือข่ายฯผิดพลาดไม่ได้เก็บเงินค่าเฉลี่ยศพตั้งแต่ศพที่ 7-100 ทำให้ต้องเก็บย้อนหลัง ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่เรียบร้อย แต่ถ้าปล่อยให้มีสภาพนี้ต่อไป เครือข่ายฯจะยิ่งมีปัญหามากขึ้น เพราะ คณะกรรมการยังไม่เข้าใจว่าถ้าเงินไม่พอสามารถมาเอาจากกองทุนกลางที่แต่ละกลุ่มส่งให้เครือข่าย 20% ในแต่ละเดือนได้ ขณะนี้พอเงินไม่พอ บางกลุ่มก็เริ่มไมสบายใจ เครือข่ายฯจะแก้ไขอย่างไรที่จะทำให้บัญชีกองทุนต่างๆเป็นปัจจุบันจะได้ทราบสถานะการเงินที่แน่นอน คุณสามารถไม่ตอบในเรื่องนี้ แกคงเครียด ผู้วิจัยจึงได้เสนอว่า ถ้าเราใช้เวทีการประชุมประจำเดือนมาแก้ไขปัญหาโดยการพูดถึงปัญหาไปเรื่อยๆ เรื่องก็คงไม่จบ ทำไมเราจึงไม่ใช้เวทีนี้สัก 1 เดือน เคลียร์บัญชีทั้งหมด เรียกทุกกลุ่มมา ให้ทุกกลุ่มเคลียร์ ถ้ากลุ่มไหนไม่พร้อมก็ให้เขานัดวันเวลาที่พร้อมมาเลย ฝ่ายตรวจสอบ และรองประธานที่ดูแลแต่ละกองทุนจะได้เข้าไปเคลียร์บัญชีให้เรียบร้อย เมื่อพูดถึงตรงนี้คุรสามารถก็ยังไม่ออกความเห็นอะไร ผู้วิจัยจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ให้คณะกรรมการเป็นผู้ตัดสิน และหาทางออกจะดีที่สุด
เกือบลืมค่ะ เรื่องค่าเฉลี่ยศพยังไม่จบ ตอนนี้ความเห็น (เท่าที่ได้รับทราบมาจากเครือข่ายฯ) สะท้อนออกมา 2 แนวทาง ได้แก่ ควรมีการเก็บค่าเฉลี่ยศพแบบเดิม คือ กลุ่มไหนที่เข้ามาเป็นสมาชิกของเครือข่ายครบ 180 วันให้เก็บค่าเฉลี่ยศพส่งมาที่เครือข่ายฯ สำหรับสมาชิกที่เข้ามาใหม่ในแต่ละกลุ่มถ้าเข้ามาต้องเก็บเงินค่าเฉลี่ยศพส่งมาที่เครือข่ายเลย ข้อดีของแบบนี้ คือ คิดค่าเฉลี่ยศพง่าย และค่าเฉลี่ยศพจะลดลงถ้าแต่ละเดือนมีสมาชิกใหม่มากขึ้น แต่ก็มีข้อเสีย (ในความเห็นของผู้วิจัย) คือ ทำให้แต่ละกลุ่มไม่มีเงินอยู่ในมือ เพราะแม้แต่คนเข้าใหม่ก็ต้องเอามาเฉลี่ยด้วย หรือเป็นแบบใหม่ คือ กลุ่มไหนที่เข้ามาเป็นสมาชิกครบ 180 วันให้เก็บค่าเฉลี่ยศพส่งมาที่เครือข่ายฯ ส่วนคนที่มาสมัครเป็นสมาชิกใหม่ในแต่ละกลุ่มถ้ายังไม่ครบ 180 วันก็ยังไม่ต้องนำเงินของคนเหล่านั้นมาจ่ายเฉลี่ยด้วย ซึ่งมีข้อดี คือ ทำให้กลุ่มที่มีสมาชิกใหม่มีเงินอยู่ในมือ ส่วนข้อเสีย คือ การคิดคำนวณจะยากกว่าแบบแรก และสมาชิกต้องเสียค่าเฉลี่ยศพสูง เพราะไม่นับรวมสมาชิกใหม่
ในประเด็นเรื่องค่าเฉลี่ยศพนี้เราถกเถียงกันอยู่นานก็ยังไม่ได้คำตอบ เพราะต่างคนต่างก็มีมุมมองของตนเอง สำหรับผู้วิจัยเห็นว่า เมื่อเป็นกองทุนสวัสดิการชุมชนก็ควรให้เงินส่วนใหญ่อยู่ในชุมชน แต่สภาพปัจจุบันเงินส่วนใหญ่ถูกส่งมาที่เครือข่ายฯ กลุ่มไม่มีเงินอยู่ในมือ ทำให้คณะกรรมการเกิดความกังวลใจ และไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม ผู้วิจัยเปรียบเทียบให้เห็นว่า เหมือนกับเราทำงาน ทำมาแทบตาย แต่ไม่ได้ใช้เงิน เอาไปให้คนอื่นใช้หมด เราก็ไม่มีกำลังใจ ไม่รู้จะทำไปทำไม เปรียบเทียบกับกลุ่มก็เช่นเดียวกัน ถ้าเขาเก็บเงินมาซึ่งเป็นเงินของชุมชน แต่ส่งมาที่เครือข่ายฯเกือบหมด เขาไม่มีเงินในหน้าตักหรือมีน้อย เขาก็อาจไม่มีกำลังใจในการทำงาน แต่ผู้วิจัยก็ยอมรับว่าในความเป็นจริงแล้วเราต้องใช้หลักการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข กลุ่มใหญ่ต้องช่วยกลุ่มเล็ก กลุ่มเล็กต้องพยายามทำให้ตัวเองเข้มแข็งไม่เป็นภาระของกลุ่มใหญ่ การส่งเงินมาที่เครือข่ายฯเป็นการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข
ขณะที่คุณสามารถบอกว่าผู้วิจัยยังไม่เข้าใจหลักการเรื่องวันละบาทดีพอ หลักการนี้ต้องการให้คนมาช่วยเหลือกัน มาเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขกัน เงินเพียงวันละ 1 บาท/คนไม่สามารถนำมาจัดสวัสดิการได้เพียงพอถ้าไม่นำเงินมารวมกัน แล้วช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ซึ่งผู้วิจัยเห็นด้วยในข้อนี้ แต่มีคำถามอยู่นิดหนึ่งว่าจะมีวิธีการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขวิธีอื่นไหมที่จะทำให้ชุมชนได้บริหารจัดการเงินของตนเองให้ได้มากที่สุด ให้เงินอยู่ในชุมชนมากที่สุด เพราะ กองทุนนี้เป็นกองทุนของชุมชน
ประเด็นหลังสุดนี้ สงขลาน่าจะเป็นตัวอย่างได้ ครูชบเสนอว่าสมาชิก100คนก็ทำได้แล้ว พร้อมยกตัวอย่างเหตุการณ์เลวร้ายสุดๆ คือสมาชิกเสียชีวิตพร้อม ๆกันหลายคน 3 เดือนติดต่อกันถ้าเป็นอย่างนั้นก็ยุบกลุ่มได้แล้ว แต่ที่ผ่านมา 50 กว่ากลุ่มของสงขลาซึ่งมีฐานจัดการระดับตำบลล้วนดูแลตัวเองทั้งนั้น(นี่คือข้อพิสูจน์)
กองทุนระดับจังหวัดเป็นแนวทางเพิ่มสวัสดิการให้กับผู้นำอีกชั้นหนึ่ง ไม่ใช่การรวมจัดการตรงกลางระดับเครือข่ายเหมือนกับลำปาง
ในประเด็นนี้ลำปางน่าจะเรียนรู้จากสงขลาแม้ว่าลำปางจะเป็นต้นแบบเริ่มก่อนก็ตาม
การเรียนรู้พัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพ ประสบผลสำเร็จยิ่งๆขึ้น คือการจัดการความรู้
แต่การทำตามอุดมการณ์หรือความเชื่อที่ดีเพียงอย่างเดียว อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงก็ได้
คู่นี้น่าจะเรียนจากประสบการณ์ของกันให้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น ไม่น่าจะยึดแบบตามความเชื่อของตนเอง แต่การจัดการความรู้ยากที่สุดก็ตรงนี้แหละครับ
ประเทศไทยดำรงความเป็นชาติมาช้านาน ด้วยพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ที่ทรงมีพระวิริยะ อุตสาหะ และทรงแก้ไขวิกกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยความชาญฉลาด ทำให้ชาติไทยดำรงความเป็นชาติ ตราบเท่าทุกวันนี้
พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นจอมทัพไทย ทรงปกป้องบ้านเมืองตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าหากประเทศไทยเราไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ประเทศไทยคงหมดสิ้น เผ่าพงษ์ไทย
- อยากให้เมืองไทยมีแต่ความสงบและความสามัคคีกัน
- การสามัคคีกันจะทำให้ประเทศมีแต่ความสงบ
- การไม่สามัคคีกันจะทำให้ประเทศชาติล้มลายได้
- ถ้าสมัยอยุธยาถึงตอนนั้นการไม่สามัคคีกัน ทำให้ข้าศึกยึดเมืองตอนนั้นพวกเราทั้งประเทศตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศนั้นแล้วไม่แน่อาจเป็นทาสของประเทศนั้นด้วย
- อย่าทำให้ประเทศล้มละลายสมัยเราเลยรักษาไว้ให้คนรุ่นหลังเถอะครับ
- ผมขอร้องเถอะครับถ้ารักในหลวงจริงอย่าพูดแต่ปากแต่การกระทำไม่ใช่
แฟ้ม อยู่บ้านปะ เดี๋ยวเราเมลหา เมลกับด้วยนะที่รัก เอออันนี้เราใช้เว็บโรงเรียน เมลเข้าเว็บเรานะ เเล้วก็รู้ที่อยู่เมลไช่ป่ะ
ขอโทดนะ ไม่ได้ตั้งใจ อ่านแล้ว อย่าหยุด กรุณาอ่านต่อ เพราะคุนได้โดนคำสาปนี้ไปแล้ว…. อ่านต่อเลย เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนึงในจ. พิษณุโลก เด็กคนนี้ชื่อนิ้งเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ สาม วันนั้นเป็นวันสอบซ่อม นิ้งได้มาที่ รร เพื่อที่จะสอบซ่อม ระหว่างที่รอเพื่อน ๆ อยู่นั้น นิ้ง ก้อเหลือบไปเห็นสิ่ง ๆ หนี่ง เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ กับสิ่ง ๆ นั้น มันคือกล่องใส่กระดาษกล่องหนึ่ง นิ้งนั้นไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไร แต่เขาก้อได้เก็บกล่องนั้นไป หลังจากที่เขาสอบซ่อมเสร็จแล้ว นิ้งและเพื่อน ๆ ก้อกลับบ้านทันที พวกเขาอยากรู้ว่าในกล่องนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ ตกกลางคืนนิ้งและเพื่อน ๆ ก้อไปสนาม เตะเล่นและเปิดกล่อง ๆ นั้น ข้างในกล่องมีกระดาษสีดำเขียนอยู่หนึ่งแผ่น ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนไว้ว่า * สวัสดี เราชื่อ”เปลวเทียน”เป็นเด็กนักเรียนคนนึง เราถูกฆาตกรโรคจิด ข่มขืนและค่าหมกอยู่ในป่าแห่งหนี่ง ที่นั่นหนาวเหน็บไม่มีแม้แต่เสียงหายใจของมนุษย์ เราพยายามร้องให้คนมาช่วยแต่ก้อไม่มีใครมา ตอนนี้เราเหงาเหลือเกิน จะมีใครมาอยู่เป็นเพื่อนเราบ้างไหม ถ้าเทอไม่อยากให้เราลากเทอมาอยู่เป็นเพื่อนกับเรา จากนี้ไปเป็นเวลา 7 ชั่วโมง ขอให้เทอก็อปข้อความข้างบนนี้ ส่งต่อให้สื่ออะไรก้อได้ เป็นจำนวน 10 coppy แต่ถ้าเธอไม่ทำตาม อีก 7 ชั่วโมงนี้ฉันจะไปตามเทอมาอยู่เป็นเพื่อน * หลังจากที่นิ้งได้อ่านนั้น เทอก้อไม่เชื่อ และคิดว่ามีคนมาแกล้งเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระ และไม่ยอมทำตาม 7 ชั่วโมงให้หลัง นิ้งและเพื่อน ๆ ก้อตาย โดยที่ไม่มีสาเหตุ **** เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จนถึงขณะนี้ หมอและตำรวจยังไม่สามารถรู้ได้ว่า เด็กเหล่านั้นตายได้เช่นไร _ ตอนนี้พวกเทอได้อ่านกระทู้นี้ ก้อคงได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด นั่นคือ เทอจะต้อง copy ข้อความนี้เป็นจำนวน 10 copy แต่ถ้าเทอไม่ทำตามที่เด็กคนนั้นขอ เทอจะต้องไปอยู่เป็นเพื่อกับเด็กคนนั้น อีก 7 ชั่วโมงให้หลัง ขอให้พวกเทอทุกคนโชค
เมื่อลมคิดหวน:
^/^ สักวาหน้าร้อนนอนเล่นว่าว ลมไม่เป่าว่าวไม่ขึ้นชักมึนหัว ':[ o_o' o_o'
123:
อ่านแล้ว อย่าหยุด กรุณาอ่านต่อ เพราะคุนได้โดนคำสาปนี้ไปแล้ว.... อ่านต่อเลย
เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนึงในเทศบาล.ท่าเรือ เด็กคนนี้ชื่อนิ้งเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ สาม วันนั้นเป็นวันสอบซ่อม นิ้งได้มาที่ รร เพื่อที่จะสอบซ่อม ระหว่างที่รอเพื่อน ๆ อยู่นั้น นิ้ง ก้อเหลือบไปเห็นสิ่ง ๆ หนี่ง เขาเดินเข้ไปใกล้ ๆ กับสิ่ง ๆ นั้น มันคือกล่องใส่กระดาษกล่องหนึ่ง นิ้งนั้นไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไร แต่เขาก้อได้เก็บกล่องนั้นไป หลังจากที่เขาสอบซ่อมเสร็จแล้ว นิ้งและเพื่อน ๆ ก้อกลับบ้านทันที พวกเขาอยากรู้ว่าในกล่องนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ ตกกลางคืนนิ้งและเพื่อน ๆ ก้อไปสนาม เดะเล่นและเปิดกล่อง ๆ นั้น ข้างในกล่องมีกระดาษสีดำเขียนอยู่หนึ่งแผ่น ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนไว้ว่า * สวัสดี เราชื่อ"เปลวเทียน"เป็นเด็กนักเรียนคนนึง เราถูกฆาตกรโรคจิด ข่มขืนและค่าหมกอยู่ในป่าแห่งหนี่ง ที่นั่นหนาวเหน็บไม่มีแม้แต่เสียงหายใจของมนุษย์ เราพยายามร้องให้คนมาช่วยแต่ก้อไม่มีคายมา ตอนนี้เราเหงาเหลือเกิน จะมีใครมาอยู่เป็นเพื่อนเราบ้างไหม ถ้าเทอไม่อยากให้เราลากเทอมาอยู่เป็นเพื่อนกันเรา จากนี้ไปเป็นเวลา 7 ชั่วโมง ขอให้เทอก็อปข้อความข้างบนนี้ ส่งต่อให้สื่ออะไรก้อได้ เป็นจำนวน 10 coppy แต่ถ้าเธอไม่ทำตาม อีก 7 ชั่วโมงนี้ฉันจะไปตามเทอมอยู่เป็นเพื่อน * หลังจากที่นิ้งได้อ่านนั้น เอก้อไม่เชื่อ และคิดว่ามีคนมาแกล้งเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระ และไม่ยอมทำตาม 7 ชั่วโมงให้หลัง นิ้งและเพื่อน ๆ ก้อตาย โดยที่ไม่มีสาเหตุ ***********************************- เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จนถึงขณะนี้ หมอและตำรวจยังไม่สามารถรู้ได้ว่า เด็กเหล่านั้นตายได้เช่นไร __________ ตอนนี้พวกเทอได้อ่านกระทู้นี้ ก้อคงได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด นั่นคือ เทอจะต้อง copy ข้อความนี้เป็นจำนวน 10 copy แต่ถ้าเทอไม่ทำตามที่เด็กคนนั้นขอ เทอจะต้องไปอยู่เป็นเพื่อกับเด็กคนนั้น อีก 7 ชั่วโมงให้หลัง ขอให้พวกเทอทุกคนโชคดี
(ปล ห้ามส่งมายังคนเดิมที่ส่งมาอีก ไม่งั้นจะรับโทษฐานคืน ตาย!!!!!
การถอดร่าง
1.ทำหลังเที่ยงคืนเท่านั้น
2.จุดธูปไว้หัวนอน3ดอก
3.นอนหลับตาแล้วตั้งสมาธิให้ดี
4.นึกถึงที่ๆเราจะไปเปนอันดับแรก
5.กลั้นหายใจ10วินาที
6.จาดนั้นคุณก้อจะไปในที่ที่คุณต้องการ
7.เมื่อคุณรูสึกว่ากลิ่นธูปเริ่มหายไปให้มองหาแสงสีขาวแล้วเดินเข้าไป
8.ถ้าคุณกลับไปไม่ทันคุณจะกลับไปไม่ได้อีกเลย
9.ถ้าทำเกิน2ครั้งอายุของคุณจะสั้นครั้งละไป99วัน
ใครที่อ่านแล้วคิดดูให้ดีน่ะถ้าอยากจะสนุกก้อต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนและนั่นก้อหมายถึงชีวิตของคุณเองนั้นแหละได้มาจากคัมภีย์เขมรโบราณ
คำเตือน ผู้ใดที่อ่านแล้วต้องนำไปโพสต่ออีก5ครั้งไม่งั้นอีก7วันต่อไปคุณจะมีอันเป็นไปมีเรื่องของการถอดวิญญาณเพื่อออกจากร่างและคุณจะไปได้ทุกที่ๆต้องการ
....ขอโทษนะ คือเราไปอ่านกระทู้มา เจอแล้วกลัวอ่ะ
ใครที่อ่านก็ขอโทษด้วยนะ ขอโทษจริงๆ
การถอดร่าง
1.ทำหลังเที่ยงคืนเท่านั้น
2.จุดธูปไว้หัวนอน3ดอก
3.นอนหลับตาแล้วตั้งสมาธิให้ดี
4.นึกถึงที่ๆเราจะไปเปนอันดับแรก
5.กลั้นหายใจ10วินาที
6.จาดนั้นคุณก้อจะไปในที่ที่คุณต้องการ
7.เมื่อคุณรูสึกว่ากลิ่นธูปเริ่มหายไปให้มองหาแสงสีขาวแล้วเดินเข้าไป
8.ถ้าคุณกลับไปไม่ทันคุณจะกลับไปไม่ได้อีกเลย
9.ถ้าทำเกิน2ครั้งอายุของคุณจะสั้นครั้งละไป99วัน
คำเตือน ผู้ใดที่อ่านแล้วต้องนำไปโพสต่ออีก5ครั้งไม่งั้นอีก7วันต่อไปคุณจะมีอันเป็นไป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยในเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ มีพระราชดำริให้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและฝายในพื้นที่ที่ประสบปัญหาความแห้งแล้งหรืออุทกภัย และเนื่องจากทรงตระหนักว่าสัตว์น้ำเป็นอาหารโปรตีนที่สำคัญของราษฎรในท้องถิ่น จึงโปรดเกล้าฯให้มีการพัฒนาการประมงในแหล่งน้ำควบคู่ไปด้วยในทุก ๆ แห่ง โดยดำเนินการพัฒนาทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำด้วยการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และการจัดการทางด้านการประมงควบคู่กันไป ในแหล่งน้ำธรรมชาติก็ได้มีพระราชดำริให้ดำเนินการพัฒนาการประมงให้เป็นแหล่งขยายพันธุ์ปลาและส่งเสริมให้ราษฎรใช้ประโยชน์และดำเนินการจัดการการประมงเพื่อให้ราษฎรได้รับประโยชน์จากปลาในแหล่งน้ำ
พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นจอมทัพไทย ทรงปกป้องบ้านเมืองตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าหากประเทศไทยเราไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ประเทศไทยคงหมดสิ้น เผ่าพงษ์ไทย
โรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้การอุปถัมป์ในด้านต่างๆ เช่น ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ รวมทั้งเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนและพระราชทานพระบรมราโชวาทเพื่อสนับสนุนและเป็นกำลังใจแก่ครูและนักเรียนของโรงเรียน โรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์มีทั้งโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชน
พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นจอมทัพไทย ทรงปกป้องบ้านเมืองตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าหากประเทศไทยเราไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ประเทศไทยคงหมดสิ้น เผ่าพงษ์ไทย
พระองค์ทรงเสียสละเพื่อความสุขของประชาชนชาวไทยทุกคนเสมอมา
โรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้การอุปถัมป์ในด้านต่างๆ เช่น ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ รวมทั้งเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนและพระราชทานพระบรมราโชวาทเพื่อสนับสนุนและเป็นกำลังใจแก่ครูและนักเรียนของโรงเรียน โรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์มีทั้งโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยในเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ มีพระราชดำริให้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและฝายในพื้นที่ที่ประสบปัญหาความแห้งแล้งหรืออุทกภัย และเนื่องจากทรงตระหนักว่าสัตว์น้ำเป็นอาหารโปรตีนที่สำคัญของราษฎรในท้องถิ่น จึงโปรดเกล้าฯให้มีการพัฒนาการประมงในแหล่งน้ำควบคู่ไปด้วยในทุก ๆ แห่ง โดยดำเนินการพัฒนาทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำด้วยการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และการจัดการทางด้านการประมงควบคู่กันไป ในแหล่งน้ำธรรมชาติก็ได้มีพระราชดำริให้ดำเนินการพัฒนาการประมงให้เป็นแหล่งขยายพันธุ์ปลาและส่งเสริมให้ราษฎรใช้ประโยชน์และดำเนินการจัดการการประมงเพื่อให้ราษฎรได้รับประโยชน์จากปลาในแหล่งน้ำ
ในทุกๆ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพื่อพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา แม้พระราชกรณียกิจนี้จะเป็นภาระแก่พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์มาก แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มีพระราชกระแสรับสั่งให้คงพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ในปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยเอกชนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชทานแทนพระองค์
อยากให้เมืองไทยมีแต่ความสงบและความสามัคคีกัน
- การสามัคคีกันจะทำให้ประเทศมีแต่ความสงบ
- การไม่สามัคคีกันจะทำให้ประเทศชาติล้มลายได้
- ถ้าสมัยอยุธยาถึงตอนนั้นการไม่สามัคคีกัน ทำให้ข้าศึกยึดเมืองตอนนั้นพวกเราทั้งประเทศตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศนั้นแล้วไม่แน่อาจเป็นทาสของประเทศนั้นด้วย
- อย่าทำให้ประเทศล้มละลายสมัยเราเลยรักษาไว้ให้คนรุ่นหลังเถอะครับ
- ผมขอร้องเถอะครับถ้ารักในหลวงจริงอย่าพูดแต่ปากแต่การกระทำไม่ใช่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยในเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ มีพระราชดำริให้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและฝายในพื้นที่ที่ประสบปัญหาความแห้งแล้งหรืออุทกภัย และเนื่องจากทรงตระหนักว่าสัตว์น้ำเป็นอาหารโปรตีนที่สำคัญของราษฎรในท้องถิ่น จึงโปรดเกล้าฯให้มีการพัฒนาการประมงในแหล่งน้ำควบคู่ไปด้วยในทุก ๆ แห่ง โดยดำเนินการพัฒนาทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำด้วยการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และการจัดการทางด้านการประมงควบคู่กันไป ในแหล่งน้ำธรรมชาติก็ได้มีพระราชดำริให้ดำเนินการพัฒนาการประมงให้เป็นแหล่งขยายพันธุ์ปลาและส่งเสริมให้ราษฎรใช้ประโยชน์และดำเนินการจัดการการประมงเพื่อให้ราษฎรได้รับประโยชน์จากปลาในแหล่งน้ำ
ร้อย.บก.พล.ร.๙
๑ ขอให้พระองค์ทรงหายจากอาการประชวร
๒ ขอพระองค์ทรงสถาพร เป็นมิ่งขัวญให้แก่ปวงชนชาวไทยตราบกัลปวสาน พระบารมีแผ่ไพศาล
๓ ปกป้องคุ้มครองไทยและปวงชนให้อยู่เย็นสงบสุขและรุ่งเรืองด้วยเทอญด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
๔ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พลานามัยสมบูรณ์ มีพระวรกายแข็งแรงปราสจากโรคร้ายและ
๕ และทรงเป็นมิ่งขวัญ ร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงประชาชนชาวไทย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นจอมทัพไทย ทรงปกป้องบ้านเมืองตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าหากประเทศไทยเราไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ประเทศไทยคงหมดสิ้น เผ่าพงษ์ไทย
ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้นจะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อมแล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน
๑ ขอให้พระองค์ทรงหายจากอาการประชวร
๒ ขอพระองค์ทรงสถาพร เป็นมิ่งขัวญให้แก่ปวงชนชาวไทยตราบกัลปวสาน พระบารมีแผ่ไพศาล
๓ ปกป้องคุ้มครองไทยและปวงชนให้อยู่เย็นสงบสุขและรุ่งเรืองด้วยเทอญด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
๔ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พลานามัยสมบูรณ์ มีพระวรกายแข็งแรงปราสจากโรคร้ายและ
๕ และทรงเป็นมิ่งขวัญ ร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงประชาชนชาวไทย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ